Cisco รายงานผลประกอบการไตรมาสที่สองสิ้นสุดเดือนมกราคม ตามปีปฏิทินการเงินของบริษัท กำไรสุทธิ 2.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นถึง 43.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน โดยมาจากรายได้รวม 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์ ตัวเลขที่ออกมาดีกว่าการที่นักวิเคราะห์คาดไว้
ความพยายามบุกเข้าบ้านจากซิสโก้ดูจะไปได้ไม่สวยนัก เมื่อสินค้าสำหรับผู้ใช้ทั่วไปอย่าง Flip ถูกหยุดสายการผลิตไปก่อนหน้านี้ และตอนนี้ก็มาถึง Umi ระบบโทรทัศน์สำหรับการพูดคุยออนไลน์
ปัญหาของ Umi คือมันมีราคาแพงมากถึง 599 ดอลลาร์ พร้อมกับราคาค่าใช้งานอีก 10 ดอลลาร์ต่อเดือน ขณะที่บริการคู่แข่งอย่าง Skype, Google Talk, หรือ Google Hangout นั้นฟรีทั้งสิ้น
ความฝันที่จะได้เห็นอุปกรณ์ซิสโก้อยู่รอบตัวแบบในเรื่อง Transformers คงไกลออกไปอีกหลายปี
ที่มา - GigaOM
แนวทางการพัฒนาให้แอนดรอยด์ได้รับการยอมรับในตลาดองค์กรนั้นเป็นแนวทางที่ชัดเจน แต่ฟีเจอร์ที่ถูกเรียกร้องมายาวนานอย่างการรองรับ Cisco AnyConnect ที่ต้องการโปรโตคอล IPSec โดยฟีเจอร์นี้ถูกเรียกร้องมาตั้งแต่ปี 2009 หรือช่วงแรกๆ ของแอนดรอยด์
บั๊กนี้ถูกปล่อยให้อยู่ในสถานะ New มาตลอดเวลาจนหลายคนบ่นว่ากูเกิลปล่อยบั๊กนี้โดยไม่สนใจ แต่ล่าสุดหลังการปล่อย Android 4.0 Ice-Cream Sandwich กูเกิลก็ออกมาบอกสั้นๆ ว่าบั๊กนี้ถูกแก้ไปแล้ว
อย่างไรก็ดีแม้บั๊กนี้จะถูกแก้ไปแล้ว แต่ก็แสดงความ "ปิด" ของแอนดรอยด์ที่ไม่มีการเปิดเผยว่าบั๊กนี้มีการรับไปทำแล้วหรืออยู่ระหว่างการแก้ไข แต่บั๊กถูกปล่อยในสถานะ New แล้วเปิดเผยมาอีกครั้งว่าแก้แล้ว
Cisco เผยแพร่รายงาน Connected World Technology Report ประจำปี 2011 ซึ่งไปสอบถามความเห็นจากนักศึกษามหาวิทยาลัยและพนักงานใหม่ที่เพิ่งสมัครงาน (กลุ่มละประมาณ 1,400 คน) ใน 14 ประเทศ ทั้งยุโรป เอเชีย อเมริกา (ไม่มีประเทศไทย)
สิ่งที่ Cisco สอบถามเป็นประเด็นเกี่ยวกับ "การทำงาน" ในหลายมิติ เช่น นโยบายการจ้างงานของบริษัท การสื่อสารภายในองค์กร และนโยบายด้านไอที-เทคโนโลยี
ผลการวิจัยมีสิ่งที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น
ไมโครซอฟท์เพิ่งเปิดตัว Windows Server 8 มาได้ไม่กี่วัน ซิสโก้ก็ประกาศทันทีว่าจะมีสินค้าสำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้ Hyper-V ให้สามารถทำงานร่วมกับสวิตซ์ตระกูล Nexus ได้ทันที โดยมีสินค้าสองแบบให้ลูกค้าเลือกคือแบบซอฟต์แวร์และแบบการ์ด
Cisco รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ตามปีการเงินของบริษัท มีรายได้รวม 1.12 หมื่นล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ 1.2 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 36.3% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นสถานการณ์ที่เริ่มดีขึ้นของบริษัท หลังปรับโครงสร้างองค์กรและลดค่าใช้จ่ายที่ผ่านมา
ซีอีโอ John Chambers กล่าวว่าจากนี้ Cisco จะปรับโครงสร้างองค์กรโดยลดจำนวนแผนกและพนักงานระดับผู้จัดการลง, ตั้งเป้าหมายลดค่าใช้จ่ายในปีนี้ให้ได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ และตัดกลุ่มสินค้าที่ไม่สร้างผลกำไรออกไป อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังมีความกังวลต่ออนาคตในระยะสั้น เพราะรายได้ถึง 1 ใน 5 ของ Cisco มาจากการขายอุปกรณ์ให้หน่วยงานของรัฐทั่วโลก และล่าสุดอเมริกาได้ประกาศตัดงบประมาณค่าใช้จ่ายรัฐบาลลงเพื่อพยุงเศรษฐกิจ
ปีนี้ข่าวแท็บเล็ต Android ถล่มตลาดกันเป็นว่าเล่นแต่ Cisco Cius (อ่านว่า see-us) ที่เปิดตัวมาแล้วเงียบไปเกือบปีก็ได้เวลาวางตลาดแล้ว
Cius เป็นแท็บเล็ต Android 2.2 ที่มีขนาดหน้าจอ 7" น้ำหนัก 680 กรัม มีจุดเด่นคือทำงานร่วมกับระบบสื่อสารทางไกลระดับองค์กรได้หลายตัวไม่ว่าจะเป็น WebEx, Jabber, Quad social, หรือ TelePresence พร้อมกับฟีเจอร์ระดับองค์กรเช่นการควบคุมด้านความปลอดภัยและการจัดการ เช่น AppHQ ที่เป็นชุดเครื่องมือสำหรับสร้าง app store ในองค์กรและให้ผู้จัดการฝ่ายไอทีเลือกได้ว่าจะเปิดให้พนักงานลงแอพลิเคชั่นอะไรกันบ้าง
มีข่าวลือว่า Cisco เตรียมขายสองกิจการในมือออกไปคืออุปกรณ์เครือข่ายภายใต้แบรนด์ Linksys และซอฟท์แวร์การประชุม WebEx ภายในไม่กี่สัปดาห์จากนี้ ซึ่งถ้าจริงก็จะเป็นการลดกลุ่มสินค้าลงไปอีกหลังจากก่อนหน้านี้ Cisco ได้ประกาศเลิกผลิต Flip ไป
ทั้งนี้ข่าวดังกล่าวก็สอดคล้องกับแผนการที่ซีอีโอ John Chamber ประกาศไว้ก่อนหน้าว่าจะปรับยุทธศาสตร์กลุ่มสินค้าและลดจำนวนพนักงานลง อย่างไรก็ตามทาง Cisco ได้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อข่าวลือดังกล่าว
Cisco ซื้อ Linksys มาเมื่อปี 2003 ด้วยมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ ส่วน WebEx ซื้อมาในปี 2007 ด้วยมูลค่าสูงถึง 2,900 ล้านดอลลาร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่ายักษ์แห่งโลกเน็ตเวิร์ค Cisco ที่ช่วงหลังผลประกอบการไม่ค่อยดีนัก (แต่ยังไม่ถือว่าแย่) เตรียมจะปลดพนักงานประมาณ 3,000 คน (ตัวเลขอาจสูงถึง 4,000 คน) ในเร็วๆ นี้ ด้วยเหตุผลว่าต้องการลดค่าใช้จ่าย
การปลดพนักงานครั้งนี้จะถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Cisco เอง โดยการปลดพนักงานครั้งก่อนเกิดเมื่อปี 2002 เพราะปัญหาเศรษฐกิจ (ฟองสบู่ดอทคอมแตก) ซึ่งปลดไปประมาณ 2,000 คน อย่างไรก็ตามรอบนี้สภาพอุตสาหกรรมไอทีเติบโตดีเยี่ยม ปัญหาเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดของ Cisco เอง
เราเคยได้ยินศูนย์ข้อมูลสำเร็จรูปที่สร้างขึ้นเป็นตู้คอนเทนเนอร์แล้ววางขายเป็นตู้ๆ เพื่อให้ติดตั้งได้เร็วกันมาแล้วหลายครั้ง เช่นกูเกิล, และ Sun Blackbox แต่วันนี้ก็มีคนมาลงตลาดนี้อีกหนึ่งเจ้าคือ Cisco ที่ครองตลาดเครือข่ายอยู่ก่อนมาลงตลาดนี้แล้ว
ศูนย์ข้อมูลเคลื่อนที่นี้มีให้เลือกหลายรูปแบบตั้งแต่ขนาดตู้ 20 หรือ 40 ฟุต (ตู้สั้นและตู้ยาวที่เราเห็นตามท่าเรือ) มันสามารถใส่อุปกรณ์ไปได้สูงสุด 16 ตู้ แต่ละตู้มีระบบจ่ายไฟขนาด 25kW และสามารถจัดตู้ซ้อนสองชั้นเพื่อประหยัดพื้นที่ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีระบบทำความเย็นด้วยน้ำให้เลือกติดตั้งด้านล่างของตู้
เมื่อสองปีที่แล้ว Cisco ได้เข้าซื้อกิจการบริษัท Pure Digital ผู้ผลิตกล้องวีดีโอพกพายอดนิยม Flip ด้วยราคา 590 ล้านดอลลาร์ แต่ตอนนี้ Cisco ได้ตัดสินใจที่จะยกเลิกการผลิตสินค้าตระกูล Flip แล้ว เนื่องจากลักษณะของตลาดในปัจจุบันที่มีการใช้งานกล้อง HD ลักษณะเดียวกันบนสินค้าอื่น ๆ อยู่แล้ว เช่นบนสมาร์ทโฟนและเครื่องเล่นดนตรีพกพา
นอกจากนี้บริษัทยังทำการ "เปลี่ยนแผนธุรกิจ" โดยในแผนใหม่นี้ Cisco จะเดินออกจากตลาดผู้ใช้ตามบ้าน (Consumer) ซึ่งการตัดสินใจนี้ส่งผลให้พนักงานในสายงานที่เกี่ยวข้องกว่า 550 คนจะต้องถูกปลดออก โดยก่อนหน้านี้ผลประกอบการในตลาดผู้ใช้ตามบ้านของ Cisco นั้นไม่ค่อยดีนัก
John Chambers ซีอีโอ Cisco ออกอีเมลเป็นการภายในถึงพนักงานเพื่อเตือนว่าบริษัทกำลังมีปัญหาเรื่องความเชื่องช้าในการตัดสินใจต่างๆ ทำให้บริษัทสูญเสียความเชื่อมั่นจากนักลงทุนโดยเฉพาะความแข็งแกร่งขององค์กรและผลิตภัณฑ์ที่ส่งมอบให้กับลูกค้าซึ่งเป็นจุดแข็งของ Cisco ตลอดมา เขายังกล่าวอีกว่าสภาพตลาดขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงสูงมาก ฉะนั้นองค์กรจะต้องปรับตัวไปในทางที่เหมาะสมกับสภาพตลาดเช่นกัน
สำหรับคนทำงานเน็ตเวิร์ค เรื่องน่าเบื่อที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตคือการแบกโน้ตบุ๊กหนักๆ เดินไปมาเพื่อคอนฟิกสวิตซ์และเราท์เตอร์ตามที่ต่างๆ แต่สำหรับคนใช้ iPad/iPhone/iPod Touch ปัญหานี้อาจจะกำลังหายไปเมื่อบริษัท Redpark ออกสายคอนโซลเพื่อคอนฟิกอุปกรณ์เครือข่ายซิสโก้ด้วยอุปกรณ์ iOS
สายราคา 69 ดอลลาร์นี้ทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่น Get Console บน App Store เท่านั้น สำหรับอุปกรณ์ยี่ห้ออื่นๆ ที่ใช้สาย DB9 คงหาหัวแปลงกันได้ไม่ยาก
สำหรับคนทำงานบริษัท SI ทั้งหลาย คงได้เหตุผลไปกล่อมหัวหน้าให้ซื้อเครื่องแจกสำหรับทำงานเป็น iPhone 4 กันอีกข้อ
ที่มา - Redapark
เจ้าพ่อเน็ตเวิร์คอย่าง Cisco ระยะหลังหันมาบุกตลาดโซลูชันไอทีองค์กรมากขึ้น บริการหนึ่งที่คนไม่ค่อยรู้คือ Cisco ทำเว็บเมลกับเขาด้วยในชื่อ "Cisco Mail"
Cisco Mail เปิดตัวมาตั้งแต่ปลายปี 2009 และจับตลาดองค์กรเท่านั้น (คิดราคาต่อหัวประมาณ 3.5-5 ดอลลาร์ต่อเดือน) นอกจากนี้ยังมีบริการเสริมอย่างการเชื่อมกับ BlackBerry ด้วย
ล่าสุด Cisco ออกมาประกาศแล้วว่าจะหยุดพัฒนา Cisco Mail เพราะตลาดอีเมลเต็มไปด้วยคู่แข่งที่ไม่มีข้อแตกต่างกันมากนัก จึงต้องการนำวิศวกรไปพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นแทน
ที่มา - Wall Street Journal
Cisco แถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนที่ 1.9 พันล้านดอลลาร์ หากแต่เมื่อดูตัวเลขรายได้รวมนั้นอยู่ที่ 10.41 พันล้านดอลลาร์ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน อัตรากำไรเบื้องต้นลดลงจาก 64.5% มาอยู่ที่ 60.2%
ซีอีโอ John Chambers กล่าวว่าบริษัทพยายามขยายตลาดไปยังประเทศกำลังพัฒนาให้มากขึ้น เนื่องจากประเทศใหญ่อย่างในอเมริกา ยุโรป หรือญี่ปุ่นนั้นรัฐบาลต่างลดงบประมาณจัดซื้อลงไปมาก ส่วนบรรดานักวิเคราะห์มองว่า Cisco พยายามรักษาส่วนแบ่งการตลาดมากเกินไป ทำให้ต้องผลิตสินค้าจับกลุ่มระดับกลาง-ล่างมากขึ้น ซึ่งทำให้กำไรของบริษัทนั้นลดลง อีกทั้งสินค้ากลุ่มดังกล่าวยังต้องสู้กับคู่แข่งมาแรงอย่าง Huawei จากประเทศจีนด้วย
ตลาดทีวีออนไลน์ในต่างประเทศช่างหอมหวลเสียจริง นอกจากกูเกิลและแอปเปิลที่สร้างผลิตภัณฑ์มากมายเพื่อดึงเนื้อหาวิดีโอออ นไลน์มาสู่โทรทัศน์ และอุปกรณ์อื่นๆ ในเชิงพาณิชย์แล้ว ก็ไม่น่าแปลกใจว่า Cisco Systems เทพเจ้าแห่งวงการเน็ตเวิร์กก็ได้เข้าร่วมสังฆกรรมในครั้งนี้เช่นกัน
John Chambers ซีอีโอของซิสโก้ประกาศเมื่อวานนี้ว่าจะเผยโฉมเทคโนโลยีใหม่ในงาน Consumer Electronics Show (CES) 2011 ที่ลาสเวกัส "เพื่อนำคอนเท็นต์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รอบกายคุณมาบรรจบกันอย่างสมบูรณ์แบบ"
ในห้องประชุมระยะไกลขนาดใหญ่ๆ ตอนนี้เราอาจจะได้เห็นระบบ TelePresence มากขึ้น อย่างไรก็ตามระบบใหญ่ๆ เช่นนั้นต้องการห้องเพื่อติดตั้ง และมีราคาสูงเกินกว่าจะติดตั้งจำนวนมากๆ ได้ เมื่อวานนี้ทางซิสโก้ก็เปิดตัวสินค้าในตระกูล TelePresence มาอีกสองรุ่นคือ TelePresence EX60 และ CTS-32 ที่ราคาต่ำกว่ารุ่น CTS-37 ลงมาอีก 30%
TelePresence EX60 นั้นออกแบบมาสำหรับวางไว้บนโต๊ะทำงาน โดยตัวมันเองทำหน้าที่เป็นจอภาพสำหรับคอมพิวเตอร์ของพนักงานได้ด้วย โดยเป็นจอภาพขนาด 21.5" ความละเอียด 1920x1080 แต่ในส่วนวีดีโอนั้นสามารถรองรับภาพได้ที่ความละเอียด 720P หรือ 1280x720 มันมาพร้อมกับหน้าจอควบคุมแยกขนาด 8" แบบจอสัมผัส
ผู้อ่าน Blognone คงจำ Mark Papermaster อดีตผู้บริหารของ IBM ที่ย้ายไปคุมฝ่ายฮาร์ดแวร์ให้แอปเปิลจนเกิดคดีความใหญ่โต แต่หลังจากนั้นไม่นาน Papermaster กลับลาออกจากแอปเปิล หลังจากเกิดกรณีเสาอากาศของ iPhone 4
ล่าสุดมีรายงานว่าเขาย้ายไปอยู่กับ Cisco เรียบร้อยแล้ว โดยคุมฝ่ายชิปประมวลผลของสวิตช์
ที่มา - PC World
ซิสโก้ออกประกาศคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสที่สี่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงเดือนมกราคมปีหน้าว่า อัตราการเติบโตของบริษัทน่าจะอยู่ที่ 3-5% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้กว่าครึ่ง
การคาดการณ์นี้ทำให้นักลงทุนกลัวว่าซิสโก้กำลังเติบโตช้ากว่าตลาดโดยรวม ส่งผลให้หุ้นซิสโก้ตกอย่างหนักรวม 16% ภายในวันเดียว นับเป็นการตกที่หนักที่สุดนับแต่ปี 1994 และยังส่งผลไปถึงหุ้นเทคโนโลยีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นไมโครซอฟท์, เอชพี, F5, หรือกระทั่ง Juniper คู่แข่งของซิสโก้เองที่ลงไปอยู่ในแดนลบกันโดยถ้วนหน้า
อย่างไรก็ตามซิสโก้ระบุว่าบริษัทน่าจะกลับมาเติบโตได้อย่างแข๋งแกร่งที่ 12-17% ต่อปีได้ในระยะยาว
ที่มา - Reuters
Cisco เตรียมเปิดตัวซอฟต์แวร์ SocialMiner สำหรับวิเคราะห์ข้อความต่างๆ ใน social network ที่อาจจะกระทบต่อแบรนด์ของเรา SocialMiner จะสามารถเข้าไปกวาดข้อมูลเหล่านี้แล้วแจ้งเตือนให้พนักงานสามารถเข้าไปตอบสนองต่อปัญหาได้ทัน ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามเกินควบคุม
SocialMiner เป็นโมดูลหนึ่งของ Cisco Contact Center โดยตัวเซิร์ฟเวอร์นั้นมีราคา 1,000 ดอลลาร์ และ 1,500 ดอลลาร์สำหรับพนักงานแต่ละคน
บริษัทในไทยเองก็น่าจะเจอปัญหาลูกค้าไม่สามารถติดต่อช่องทางที่เตรียมไว้ให้ แล้วไปโวยวายกันในอินเทอร์เน็ตเยอะ แต่เนื่องจากสินค้ายังไม่เปิดตัวก็ไม่แน่ว่ามันจะวิเคราะห์ภาษาไทยได้ดีแค่ไหน
นักวิเคราะห์จาก UBS แสดงความเห็นว่ามันเป็นเรื่องสมเหตุผลที่ซิสโก้จะเข้าซื้อ Research in Motion (RIM) ผู้ผลิตโทรศัพท์ BlackBerry เพราะความพยายามในการขยายตลาด Unified Communication (UC) ของซิสโก้มีอย่างต่อเนืองในช่วงหลัง แต่กลับขาดตัวโทรศัพท์ไป
RIM เป็นบริษัทที่ยังครองตลาดขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ และมีแนวโน้มจะเติบโตต่อไปได้ในตลาดโลก มูลค่ารวมของบริษัทตอนนี้อยู่ที่ 26,310 ล้านดอลลาร์โดยประมาณ แต่ซิสโก้เองก็ถือเงินสดในมือไว้ถึง 33,000 ล้านดอลลาร์ มากพอที่จะเอาเงินสดทุ่มลงในตลาดเพื่อซื้อทั้งบริษัท และในความเป็นจริงก็สามารถซื้อผ่านการแลกหุ้น และใช้เงินสดบางส่วน
รอกันมาหลายวันหลังมีข่าวลือเกี่ยวกับ TelePresence สำหรับผู้ใช้ตามบ้าน วันนี้มันก็มาแล้วจริงๆ ในชื่อว่า Cisco Umi ที่เป็นระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ระดับ Full HD ที่ราคา 599 ดอลลาร์
แน่นอนว่าการโทรศัพท์แบบวีดีโอระดับ Full HD ต้องการแบนวิดท์มหาศาล โดย Umi ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็ว 3.5Mbps ทั้งอัพโหลดและดาวน์โหลดสำหรับการคุยแบบ 1080p หรือ 1.5Mbps สำหรับภาพระดับ 720p และต้องซื้อบริการ Umi จากทางซิสโก้อีกทาง
ที่น่าสนใจคือ Umi สามารถต่อกับ Google Talk ได้รวมถึงการคุยแบบวีดีโอ และสามารถอัดวีดีโอเพื่ออัพโหลดไปยัง YouTube และ Facebook ได้อีกด้วย
ฟีเจอร์น่าสนใจ แต่บ้านเราจะหาเน็ตจากไหนยังน่าสงสัย
Cisco TelePresence นั้นถูกใช้ในงานประชุมครั้งใหญ่ๆ อยู่หลายครั้ง (เช่นการประชุมเรื่องโลกร้อนของสหประชาชาติ) แต่ปัญหาสำคัญของมันคือราคาแพงมาก แม้จะถูกกว่าพาเจ้าหน้าที่การทูตพร้อมคณะนั่งเครื่องบินไปประชุมกัน แต่คนทั่วไปก็ยากจะใช้งานได้ แต่บัตรเชิญนักข่าวครั้งล่าสุดก็สร้างการคาดการณ์ให้กับนักข่าวว่าซิสโก้กำลังวางตลาด TelePresence สำหรับผู้ใช้ตามบ้าน
ในบัตรเชิญนั้นระบุเพียงว่า "ขอเชิญนักข่าวร่วมชมประสบการณ์ใหม่สำหรับผู้ใช้ตามบ้านกับ John Chambers ประธานและหัวหน้าฝ่ายบริหารของซิสโก้"
แหล่งข่าวของ AllThingsD ระบุว่าราคาของสินค้าใหม่นี้จะอยู่ระหว่าง 200 ถึง 500 ดอลลาร์
ดูเหมือนจะแพงกว่าซื้อ iPod Touch มาทำ FaceTime
ช่วงหลังๆ บริษัทไอทีทั้งหลายเริ่มกลยุทธ์แนวดิ่ง (Vertical Integration) กันเป็นการใหญ่ ผลพวงจากกลยุทธ์เช่นนี้ทำให้บริษัทเน็ตเวิร์คเช่นซิสโก้หันมาทำเซิร์ฟเวอร์ และบริษัทเซิร์ฟเวอร์อย่างเอชพีหันมาจับตลาดอุปกรณ์เครือข่ายผ่านการควบรวมกับ 3Com/H3C ทำให้ความร้าวฉานฝังรากลึกลงเรื่อยๆ จนวันนี้เอชพีก็ออกมาประกาศเองว่าศูนย์ข้อมูลของบริษัททั้งหกแห่งนั้นปลอดจากซิสโก้โดยสมบูรณ์แล้ว
เราท์เตอร์ที่นำมาใช้งานแทนซิสโก้นั้นเป็นเราท์เตอร์ตระกูล A ของเอชพีเองทั้งหมด โดยเอชพีอ้างว่าการย้ายอุปกรณ์ทั้งหมดทำได้โดยไม่ต้องเสียเวลาดาวน์ระบบแม้แต่น้อย
เอชพีเตรียมให้รายละเอียดการย้ายศูนย์ข้อมูลนี้ในงาน HP IT Forum ในเดือนพฤศจิกายนนี้