หลังจากที่มีกระแสต่อต้านในออสเตรเลียค่อนข้างรุนแรง Adobe ได้ปรับราคา Creative Cloud ในออสเตรเลียจากเดิม 62.99 ดอลลาร์ออสเตรเลีย มาเป็น 49.99 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นค่าบริการที่พอ ๆ กันกับค่าบริการในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีค่าเงินที่มีมูลค่าเกือบเท่ากันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
นโยบายเลิกพัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับขายเป็นกล่องแล้วปรับไปเช่าใช้งานอย่างเดียวของ Adobe นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของบริษัท แนวทางนี้ยังดูดีเมื่อตัวเลขผู้ใช้กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เสียงที่ออกมาจากผู้ใช้หลายกลุ่มว่าไม่ชอบแนวทางนี้นัก
Adobe ยืนยันว่า Creative Cloud นั้นถูกลงกว่าการซื้อซอฟต์แวร์เป็นกล่องแบบเดิม แต่การอ้างแบบนี้จะจริงต่อเมื่อคุณซื้อซอฟต์แวร์ทุกรุ่นต่อเนื่อง และใช้หลายๆ ตัวเท่านั้น ผู้ใช้จำนวนมากใช้ซอฟต์แวร์เพียงตัวเดียว ในจำนวนนั้นก็ไม่ได้อัพเกรดตาม Adobe ไปทุกเวอร์ชั่น
Shantanu Narayen ระบุในการแถลงงบประมาณประจำปีว่ากำลังหาทางเลือกให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อซอฟต์แวร์แบบซื้อขาดเพื่อช่วยให้ลูกค้ากลุ่มนี้ "เปลี่ยนผ่าน" ได้ง่ายขึ้น
หนึ่งในเหตุผลที่ Adobe ผลักดันยุทธศาสตร์ Creative Cloud นอกจากประเด็นเรื่องการเช่าใช้แล้ว คงหนีไม่พ้นการบีบให้คนหันมาใช้ซอฟต์แวร์ถูกต้องตามลิขสิทธิ์กันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม แผนการของ Adobe ยังดูจะไม่สำเร็จง่ายๆ เพราะหลังจากออกโปรแกรมในชุด Creative Cloud ได้เพียงวันเดียว ก็มีมือดีไปแคร็ก Photoshop CC รุ่นล่าสุดให้ทำงานแบบไม่ต้องต่ออินเทอร์เน็ตทุกเดือน (ตามนโยบายของ Adobe คือต้องเช็คกับเน็ตเดือนละครั้ง) และนำไฟล์มาปล่อยบน The Pirate Bay เรียบร้อยแล้ว
Adobe คงต้องกลับไปทำการบ้านเรื่องระบบป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ของตัวเองต่อไปครับ
Adobe รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2013 สิ้นสุดเดือนพฤษภาคมตามปฏิทินบริษัท มีรายได้ 1.01 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน ส่วนกำไรลดลง 66% เหลือ 76.5 ล้านดอลลาร์
บริษัทระบุว่าบริการซอฟต์แวร์ Creative Cloud มีผู้เช่าใช้เพิ่มขึ้นสูงถึง 221,000 คนในไตรมาสที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้มีผู้ใช้บริการรวม 700,000 คนแล้ว
ซีอีโอ Shantanu Narayen กล่าวว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้สะท้อนให้เห็นความเป็นผู้นำในตลาดสื่อดิจิตอลและการตลาดดิจิตอลของ Adobe ทั้งจากผลิตภัณฑ์ Creative Cloud และ Adobe Marketing Cloud
ที่มา: Adobe
จากข่าวใหญ่ช็อควงการซอฟต์แวร์ Adobe ยกเลิก Creative Suite ต่อไปนี้จะกลายเป็น Creative Cloud (งานเปิดตัว Creative Cloud ในไทย)
วันนี้ Adobe ได้ปล่อยซอฟต์แวร์ 15 ตัวในชุด Creative Suite เดิม ที่ออกเป็นเวอร์ชันใหม่ห้อยท้ายด้วยชื่อ CC แล้ว (อธิบายง่ายๆ ว่ามันคือ Adobe CS6.5 หรือ CS7 เวอร์ชันเช่าใช้นั่นเอง) ตัวอย่างโปรแกรมในชุดได้แก่ Photoshop CC, Illustrator CC, InDesign CC, Adobe Muse CC, Dreamweaver CC, Edge Animate CC, Adobe Premiere Pro CC, After Effects CC เป็นต้น
ในที่สุด Adobe ก็เปิดตัวบริการ Creative Cloud ในประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบเสียที หลังจากที่เคยเปิดตัว Creative Cloud for teams ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ วันนี้ก็ได้เปิดตัว Creative Cloud ชุดใหม่ที่มีแพคเกจแบบรายบุคคลเข้ามาด้วยแล้ว
ก่อนอื่นเริ่มต้นกันที่ของใหม่ในบริการ Creative Cloud คือการอัพเดตชุด Creative Suite ให้รวมเข้ามาใน Creative Cloud และยังรวมชุมชนครีเอทีฟอย่าง Behance เข้ามาไว้ใน Creative Cloud ด้วย เมื่อรวมกับของเดิมแล้ว ตอนนี้บริการของ Creative Cloud จึงมีบริการอื่นรวมอยู่ประมาณนี้ครับ
ในงานแถลงข่าว Creative Cloud ของ Adobe วันนี้ นอกจากแผนการย้ายระบบจาก Creative Suite ไปเป็น Creative Cloud กลับมีโปรแกรมบางตัวในชุดที่ไม่ถูกย้ายไปด้วย
โปรแกรมที่ว่าคือ Adobe Fireworks (หรือ Macromedia Fireworks เดิม) ที่จะหยุดอยู่แค่รุ่น CS6 เป็นรุ่นสุดท้าย และไม่ถูกพัฒนาต่อเป็น Fireworks CC เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมค่ายรายอื่นๆ (เช่น Photoshop CC)
Adobe ให้เหตุผลว่าความสามารถของ Fireworks นั้นทับซ้อนกับ Photoshop, Illustrator, Edge Reflow จึงตัดสินใจหยุดพัฒนา Fireworks ในที่สุด
ข่าวใหญ่ประจำวันนี้คือ Adobe ยกเลิก Creative Suite ต่อไปนี้จะกลายเป็น Creative Cloud ในโอกาสเดียวกันนี้ Adobe ก็ไล่เปิดฟีเจอร์ของซอฟต์แวร์ตระกูล Creative Cloud เป็นรายตัว
ซอฟต์แวร์ตัวที่ถูกจับตามากที่สุดคงหนีไม่พ้น Photoshop ซึ่งได้ชื่อใหม่เป็น Photoshop CC โดยจะเปิดให้สมาชิก Creative Cloud เริ่มใช้งานในเดือนมิถุนายนนี้
ฟีเจอร์ใหม่ของ Photoshop CC ได้แก่ (บางฟีเจอร์มีวิดีโอเดโมท้ายข่าว)
พร้อมๆ กับการโยกชุด Creative Suite ขึ้นไปบนกลุ่มเมฆกลายเป็น Creative Cloud อย่างเต็มตัวแล้ว ในงานยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่มาเปิดตัวอีกสองชิ้นสำหรับใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ของ Adobe บนแท็บเล็ต อย่างสไตลัส และไม้บรรทัดดิจิทัล
เริ่มต้นกันที่ชิ้นแรก สไตลัส "Project Mighty" ที่ทำมาเพื่อใช้งานกับ iPad โดยเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ และสามารถเชื่อมต่อกับ Creative Cloud เพื่อเก็บการตั้งค่าอย่าง จานสี, ชนิดพู่กัน เป็นต้น โดยจะแสดงผลผ่าน LED ว่ากำลังใช้งานการตั้งค่าใดอยู่ ส่วนฟีเจอร์มาตรฐานอย่างการรับแรงกดก็มาเช่นกัน
ส่วนไม้บรรทัดดิจิทัล "Napoleon" ก็ตรงตัวคือมีไว้ช่วยวาดรูปทรงเรขาคณิตบน iPad ได้ง่ายขึ้น โดยมีค่าพื้นฐานมาทั้งสิ้นหกรูปแบบด้วยกัน
Adobe ได้ตัดสินใจที่จะยกเลิกการพัฒนาชุดซอฟต์แวร์ Creative Suite ทั้งหมดแล้ว และจะหันมาพัฒนาชุดซอฟต์แวร์ใหม่ Creative Cloud แทน โดยในตอนนี้ผู้ใช้ Creative Suite 6 ยังจะได้รับอัพเดตต่อไปเรื่อย ๆ แต่จะไม่มี Creative Suite 7 อีกต่อไปแล้ว
Adobe Creative Cloud จะประกอบไปด้วย Photoshop CC, InDesign CC, Illustrator CC, Dreamweaver CC และ Premiere Pro CC โดยแต่ละแอพนั้นจะได้รับการอัพเดตครั้งใหญ่ที่เพิ่มคุณสมบัติใหม่มากมาย
ผ่านมาเป็นเวลาปีครึ่ง นับตั้งแต่ที่ Adobe เปิดตัวชุดเครื่องมือ Creative Cloud หลังจากนั้นจึงเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2012 แต่ยังไม่เปิดให้บริการในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยด้วย จนถึงปัจจุบันก็มีผู้สมัครใช้บริการมากกว่า 1,000,000 รายแล้ว
ในวันนี้ Adobe ประกาศเปิดให้บริการ Creative Cloud สำหรับประเทศไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมกับบริการใหม่อย่าง Creative Cloud for teams ที่เพิ่มฟีเจอร์สำหรับทำงานร่วมกันมาอีกด้วย
Adobe ประกาศซื้อกิจการ Behance เว็บรวมพอร์ตงานของวงการครีเอทีฟที่มีสมาชิกมากกว่า 1 ล้านราย ด้วยมูลค่ารวมกว่า 150 ล้านดอลลาร์
เป้าหมายของ Adobe คือผนวกรวม Behance เข้ากับยุทธศาสตร์ Creative Cloud ของบริษัท โดยหวังใช้เครือข่ายนักสร้างสรรค์ของ Behance เข้ากับเครื่องมือออนไลน์ของ Adobe โดยทั้งสองบริษัทระบุว่าจะผสานฟีเจอร์ของ Behance เข้าสู่เครื่องมือออนไลน์ของ Adobe ให้มากขึ้น แต่ก็จะคงแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของ Behance ต่อไปดังเดิม
Behance เปิดบริการมา 6 ปีแล้ว ปัจจุบันมีพนักงาน 32 คน โดยมีสำนักงานอยู่ที่นิวยอร์ก
ปีที่แล้วอะโดบีเพิ่งเปิดตัว Creative Cloud แต่ยังไม่มีการเปิดเผยราคา ตอนนี้ราคาก็ออกมาแล้ว ด้วยราคา 49.99 ดอลลาร์ต่อเดือนเมื่อสมัครรายปี (กลายเป็นปีละ 599.88 ดอลลาร์) หากไม่สมัครรายปี จะสามารถสมัครเดือนต่อเดือนด้วยราคา 74.99 ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีราคานักเรียน 29.99 ต่อเดือน (19.99 ดอลลาร์หากสมัครเป็นรายปี) และสมัครใช้เฉพาะ Photoshop ราคา 29.99 ดอลลาร์ต่อเดือน
พร้อมๆ กับการเปิดตัว Touch Apps, วันนี้ Adobe ก็เปิดตัว Creative Cloud เพื่อเชื่อมต่อผู้ใช้เข้าด้วยกัน โดยมันคือบริการซิงก์ไฟล์ของ Adobe ที่ให้พื้นที่ 20GB และจะมีความสามารถในการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นของบริษัทได้แทบทุกตัว
บริการนี้แบ่งออกเป็นสามส่วนคือ