ข่าวนี้อาจจะเป็นสิ่งที่บอกกับแอปเปิลว่าทำไม iCloud อาจจะเป็นที่ต้องการจริง ๆ โดยจากรายงานของ David Chartier อดีตผู้ช่วย บก. ของ MacWorld กว่า 50% ของไอโฟนที่ลูกค้านำมาให้ Genius Bar ในร้านค้าของแอปเปิลซ่อมนั้นไม่เคยถูกแบคอัพหรือซิงค์กับคอมพิวเตอร์มาก่อนเลย
ในรายงานบอกว่าผู้ที่ไม่ซิงค์ไอโฟนกับคอมพิวเตอร์หลังจากการ Activate ครั้งแรก มักจะมีปัญหาเมื่อข้อมูลบนไอโฟนนั้นหายไป แม้ว่าลูกค้าเหล่านี้สามารถที่จะกู้แอพต่าง ๆ กลับมาได้ด้วยการดาวน์โหลดใหม่ แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ผูกไอโฟนไว้กับบริการอย่าง MobileMe หรือ Gmail จะไม่สามารถกู้ข้อมูลสมุดโทรศัพท์ในเครื่องได้เลย
ใครที่อยากใช้บริการ iCloud บนวินโดวส์และยังใช้ Windows XP และ/หรือ Office 2003 อยู่คงต้องเตรียมอัพเกรดซะแล้ว เพราะแอปเปิลได้ระบุใน press release ถึงความต้องการขั้นต่ำในการรันโปรแกรม iCloud บนแพลตฟอร์มวินโดวส์ว่าต้องการ Windows Vista หรือ Windows 7 ส่วนชุดออฟฟิศนั้นก็ต้องการ Outlook 2007 หรือ Outlook 2010 ในการเรียกดูข้อมูลรายชื่อผู้ติดต่อและปฏิทิน
ดูเหมือนนโยบายสนับสนุนความเข้ากันได้แบบย้อนกลับ (backwards compatibility) ของแอปเปิลจะเปลี่ยนไป เนื่องจากโปรแกรมตัวอื่นอย่าง iTunes 10.3 และ MobileMe ยังสามารถใช้งานบน Windows XP SP2 ได้ แต่ iCloud กลับไม่สามารถใช้งานบน Windows XP ได้แล้ว
ไม่ว่า Apple จะทำอะไรเป็นอันต้องโดนขัดอยู่ตลอด ล่าสุด iCloud Communications ก็ประกาศยื่นฟ้อง Apple เนื่องด้วยชื่อ iCloud ที่เป็นบริการใหม่ของ Apple นั้น ไปซ้ำกันกับ iCloud ที่เป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับระบบการสื่อสารโดยตรง โดยเอกสารที่ทาง iCloud ยื่นฟ้องไปนั้น คือต้องการให้ Apple ประกาศยุติการให้บริการ iCloud ลงทั้งหมด และทำการทำลายสัญลักษณ์หรือสิ่งอื่นใดที่เกี่ยวข้อง
งานนี้ท่าจะยาว เพราะ Apple เอง ก็หมดเม็ดเงินไปกว่า 4.5 ล้านดอลลาร์เพื่อให้ได้โดเมน iCloud.com มาครอง ก็คงจะจบเรื่องไม่ได้ง่ายๆ อย่างกรณีซัมซุง งานของเราๆ ก็ดูกันต่อไปครับว่าจะจบด้วยดีหรือว่าอย่างไร ว่าแต่ว่าป๊อปคอร์นพร้อมหรือยัง
งาน WWDC ของแอปเปิลในครั้งนี้ สำหรับนักพัฒนาโปรแกรมแล้ว สิ่งที่น่าสนใจมากไปกว่า OS X Lion หรือแม้แต่ iOS 5 ก็คือการเปิดตัว iCloud โดยเฉพาะนาทีที่สตีฟ จ็อบส์ประกาศว่าจะเปิด API สำหรับบริการ iCloud ให้กับนักพัฒนาโปรแกรมได้ใช้งานด้วย
มีเหตุผลอะไรที่แอปเปิลต้องสร้าง Data Center ที่ใหญ่โตขนาดนั้นเพียงเพื่อรองรับโปรแกรมเพียง 9 โปรแกรมที่จ็อบส์ประกาศออกไป นั่นเป็นเพราะแอปเปิลได้เปิดให้ทุกโปรแกรมที่ทำงานอยู่บนอุปกรณ์ iOS สามารถใช้งาน iCloud API ได้ทั้งหมด เราสามารถเขียนโปรแกรมให้ Sync ไฟล์ทั้งหมดได้เหมือนกับที่จ๊อปส์โชว์โปรแกรม Keynote เก็บเซฟของเกมส์ พอร์ตหุ้น รูปที่เพิ่งแต่งเสร็จ ไฟล์ทุกชนิดที่ใช้ในโปรแกรม ทั้งหมดสามารถที่จะไปเก็บไว้บน iCloud ได้นั่นเอง
ย้ำอีกรอบว่าข่าวนี้ยังไม่ยืนยันนะครับ
การเปิดตัวบริการ iCloud ของแอปเปิลเมื่อวันก่อน แสดงให้เห็นชัดเจนว่าแอปเปิลเอาจริงกับกลุ่มเมฆมาก ถึงขนาดว่าเปิดศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
แต่มีคนไปจับทราฟฟิกของ iCloud แล้วพบว่าทราฟฟิกบางส่วนของ iCloud ถูกส่งไปยัง Amazon S3 และ Microsoft Azure ซึ่งเป็นบริการจากบริษัทคู่แข่งของแอปเปิลทั้งคู่ (ถึงแม้จะไม่ใช่บริการคู่แข่งกันตรงๆ ก็ตาม)
ข่าวนี้ยังไม่ได้ยืนยันว่าจริงแค่ไหนอย่างไร (เว็บต้นเรื่องล่มไปแล้ว) แต่ถ้าเป็นจริงก็อาจมองโลกในแง่ดีว่า ศูนย์ข้อมูลของแอปเปิลยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ระหว่างนี้ก็เช่าใช้ S3/Azure ไปพลางๆ ก่อน (แสดงให้เห็นพลังของกลุ่มเมฆชัดเจนมากขึ้น)
หลังจากที่เราอ่านข่าวลือมาจำนวนมาก วันนี้ก็ถึงเวลาแถลงข่าวของงาน WWDC 2011 จริงๆ ในรอบนี้ข่าวหลุดจำนวนมากก็เป็นจริงแทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Lion ใหม่, iOS5 ที่ปรับปรุง notification, และ iCloud ที่ช่วยซิงก์ข้อมูลข้ามอุปกรณ์
เราจะไล่ตามลำดับงานเปิดตัว
ระบบปฎิบัติการสำหรับเครื่องเดสก์ทอปและโน้ตบุ๊กรุ่นล่าสุดของ Mac มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ 10 ตัวหลัก และฟีเจอร์ย่อยอีกกว่า 250 ฟีเจอร์
Cult of Mac ได้สัมภาษณ์แบบ Exclusive กับแหล่งข่าวภายในที่ไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ ถึงบริการ iCloud ที่แอปเปิลเตรียมเปิดตัวในคืนนี้ โดยบริการ iCloud นั้นนอกจากจะให้บริการเพลงออนไลน์แล้ว ยังจะทำการ Backup เก็บข้อมูลทุกอย่างที่อยู่ในเครื่องของเรา ไม่ว่าจะเป็นรูป เพลง วิดีโอ หรือแม้แต่ไฟล์เอกสาร เพียงแต่ข้อมูลเหล่านั้นจะไม่ได้ถูกเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของแอปเปิลอย่างที่เราเข้าใจกัน แต่กลับเป็นบน Time Capsule ตัวใหม่แทน
ความเคลื่อนไหวของ iCloud ยังมีออกมาเรื่อยๆ หลังจากข่าวแอปเปิลเซ็นสัญญากับ Universal Music Group ก็มีข้อมูลเบื้องหลังของการเซ็นสัญญาตามออกมา
เว็บไซต์ New York Post รายงานว่าแอปเปิลได้จ่ายเงินล่วงหน้าให้ค่ายเพลงใหญ่ทั้ง 4 รายเป็นจำนวนเงิน 100-150 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้ iCloud มีเพลงในมือเป็นจำนวนมากในวันเปิดตัว โดยค่ายเพลงแต่ละรายจะได้เงินไป 25-50 ล้านดอลลาร์ ขึ้นกับว่ามีเพลงเยอะแค่ไหน
จำนวนเงินเยอะขนาดนี้อาจเป็นผลให้คู่แข่งอย่างกูเกิลเจรจากับค่ายเพลงไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตามการที่แอปเปิลเจรจาสำเร็จ ก็อาจเป็นปัจจัยกดดันให้กูเกิลยอมจ่ายแพงขึ้นได้
แอปเปิลออกมาประกาศชัดเจนแล้วว่าบริการเพลงออนไลน์ของตัวเองจะใช้ชื่อ iCloud และข่าวล่าสุดของ iCloud ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน WWDC มีดังนี้
เว็บ AppleInsider รายงานว่าพวกเขาได้รับรายละเอียดเพ่ิมเติมจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือได้ว่าแอปเปิลจะเปิดให้บริการ iCloud แบบฟรีสำหรับผู้ใช้งาน Mac OS X Lion แม้ว่าตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้จะมีอะไรบ้างในบริการฟรีนี้
หนึ่งในบริการที่คาดว่าจะไม่มีให้สำหรับสมาชิกที่เลือกรับบริการฟรีคือบริการ Music Streaming ซึ่งก่อนหน้านี้แอปเปิลได้ทำการเจรจากับค่ายเพลงหลาย ๆ ค่ายไว้แล้วสำหรับบริการดังกล่าว จากที่ทราบบริการดังกล่าวมีต้นทุนที่สูง และคาดว่าแอปเปิลจะต้องเลือกที่จะเก็บค่าบริการจากผู้ใช้ที่ต้องการใช้บริการนี้อย่างแน่นอน แม้ว่าแอปเปิลอาจจะเปิดให้บริการฟรีในระยะแรกเพื่อทำการชักชวนผู้ใช้ให้เข้ามารับบริการ
แอปเปิลรายงานว่า สตีฟ จ็อบส์และพนักงานระดับสูงของแอปเปิลจะเป็นผู้นำเสนอ Keynote ด้วยตัวเองในงาน Worldwide Developers Conference หรือ WWDC ที่จะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 6 มิถุนายนนี้ โดยในงานจะมีการโชว์ Mac OS X Lion ระบบปฏิบัติการสำหรับคอมพิวเตอร์แมคอินทอชตัวต่อไป, ระบบปฏิบัติการ iOS เวอร์ชั่น 5 และ iCloud บริการใหม่จากแอปเปิล
ไม่ทราบว่าจะมีรายงานสดบน Blognone หรือไม่ ตัวงานจะจัดขึ้นเวลา 10 โมงเช้าตามเวลา Pacific ซึ่งตรงกับเที่ยงคืนของคืนวันที่ 6 มิถุนายนตามเวลาประเทศไทย (หรือ 0:00 น. ของวันที่ 7 มิถุนายน)
ที่มา - Apple