หลังจาก Apple ปล่อยหน้าเว็บ iCloud Beta ให้นักพัฒนาทดสอบ ตอนนี้ หน้าเว็บ iCloud แบบใหม่ก็เปิดให้ลูกค้าทั่วไปใช้งานแล้ว
สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ มีแอพ Notes และ Reminders เพิ่มมา ซึ่งทั้งสองแอพก็หน้าตาเหมือนเวอร์ชัน iPad ส่วน Find My iPhone ปรับหน้าตาใหม่เล็กน้อย แต่ก็ยังคงใช้ Google Maps เหมือนเดิม
ที่มา: MacRumors
ในงานแถลงข่าวเมื่อคืนนี้ แอปเปิลยังโชว์ iTunes รุ่นใหม่ (นับเวอร์ชันเป็น 11) ที่เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เลิกใช้ UI แบบเดิมที่ใช้กันมานาน (sidebar ด้านข้าง) หันมาใช้ UI แบบเดียวกับ iTunes บน iOS ที่เน้นภาพ thumbnail ของเนื้อหามากขึ้น (ดูภาพประกอบ) การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้รวมไปถึงตัว iTunes Store บนทุกแพลตฟอร์มที่มีหน้าตาเหมือนกันทั้งหมด
นอกจากเรื่องหน้าตาแล้ว iTunes 11 ยังผนวกเข้ากับ iCloud อย่างแนบแน่นกว่าเดิม ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่เราซื้อผ่าน iTunes Store และเก็บบน iCloud ได้จากทุกที่
iTunes รุ่นใหม่จะเปิดให้ดาวน์โหลดในเดือนตุลาคม มีทั้งเวอร์ชันแมคและพีซี ระหว่างนี้แอปเปิลก็ออกรุ่นอัพเดตย่อย 10.7 ที่หน้าตาเหมือนเดิม แต่รองรับอุปกรณ์ใหม่ๆ มาให้ใช้กันไปก่อน
Apple ประกาศแจกพื้นที่ iCloud 50 GB (จากปกติ 100 ดอลลาร์ต่อปี) ให้พนักงาน ซึ่งเหมือนกับการแจกบัญชี MobileMe เมื่อปีที่แล้ว (และ MobileMe เพิ่งถูกปิดตัวไป แทนที่ด้วย iCloud)
Apple ก็เพิ่งมีโปรโมชั่นลดราคา 500 ดอลลาร์ เมื่อซื้อ Mac (ยกเว้น Mac Mini) และ 250 ดอลลาร์เมื่อซื้อ iPad ให้กับพนักงานเมื่อต้นปีนี้เอง
ที่มา: MacRumors
น่าจะมีซื้อใจลูกค้าบ้าง...
สืบเนื่องจากเหตุการณ์นักข่าวของ Gizmodo ถูกขโมยบัญชี iCloud ซึ่ง Wired เปิดเผยต่อมาว่าแฮกเกอร์ใช้วิธีการโทรศัพท์เข้าไปที่แผนกบริการหลังการขายของแอปเปิล โดยตอบคำถามพื้นฐานอีกเล็กน้อยก็สามารถขอรับรหัสผ่านใหม่ได้แล้ว ล่าสุดคุณ Natalie Kerris โฆษกของแอปเปิลก็ชี้แจงมาดังนี้ครับ
เว็บ Wired ได้ออกมารายงานขั้นตอนอย่างละเอียดของแฮกเกอร์ที่ขโมยบัญชี iCloud ของนักข่าว Gizmodo แล้วสั่ง remote wipe ข้อมูลทั้งหมดบน iPhone, iPad และ MacBook Air จนเกลี้ยง จากนั้นก็แฮกเข้าไปในอีเมลและทวิตเตอร์ของนักข่าวคนดังกล่าวต่ออีก
เป็นข่าวที่ค่อนข้างใหญ่โตในต่างประเทศครับ เมื่อทวิตเตอร์ของเว็บไซต์ข่าวไอทีชื่อดัง Gizmodo ได้ถูกแฮกเกอร์ที่เรียกตัวเองว่า Clan Vv3 ยึดครองและทำการทวีตเหยียดสีผิวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
หลังจากที่ Apple ประกาศปิดเว็บไซต์ iWork.com เพื่อโอนลูกค้ามาใช้ iCloud ซึ่งเส้นตายของ iWork.com อยู่ที่วันนี้ (31 กรกฎาคมตามเวลาของสหรัฐอเมริกา) จึงขอให้ผู้ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์ที่ฝากไว้ใน iWork.com ด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่บอกในเว็บไซต์ของ Apple ครับ
ที่มา : Engadget
iTunes in the Cloud เป็นบริการของแอปเปิลที่ให้เราซื้อสิทธิของเพลง-รายการทีวี-ภาพยนตร์จาก iTunes แล้วนำไฟล์ไปเก็บไว้ใน iCloud ให้อัตโนมัติ เมื่อต้องการชมในอุปกรณ์ต่างๆ ก็สามารถดึงตัวไฟล์มาจาก iCloud ได้ทันที
สำหรับผู้ใช้ในไทยเดิมทีใช้ได้แต่เพลงและมิวสิควิดีโอเท่านั้น ล่าสุดวันนี้แอปเปิลประกาศเพิ่มส่วนของภาพยนตร์บน iTunes in the Cloud ในอีก 37 ประเทศทั่วโลก (เดิมทีมีแต่สหรัฐที่ใช้ได้) ซึ่งในจำนวนนี้ก็รวมถึงประเทศไทยด้วยครับ
รายชื่อประเทศทั้งหมดดูใน Apple Support
ที่มา - The Verge
iCloud Beta เวอร์ชันเว็บสำหรับนักพัฒนาที่แอปเปิลเพิ่งเปิดให้ใช้งานพร้อมๆ กับการเปิดตัว iOS 6 ตอนนี้สามารถเข้าได้แล้ว ใครที่เข้าไปจะพบกับสองแอพใหม่ที่เพิ่มเข้ามาคือ Remider และ Note
หน้าตาของทั้งสองแอพในเวอร์ชันเว็บเหมือนกับเวอร์ชัน iPad ทุกประการ และสามารถซิงก์ได้ผ่าน iCloud อย่างที่ควรจะเป็น
นอกจากนี้แอพที่มีอยู่ก่อนหน้าอย่าง Find My iPhone ยังมีการปรับปรุงอินเทอร์เฟซเพิ่มเติมให้สะอาดขึ้น และแสดงผลแบตเตอรี่ล่าสุด (เท่าที่ดูน่าจะเปลี่ยนไปใช้แผนที่ใหม่ด้วย)
ส่วนอีกแอพอย่าง Calendar ที่แม้จะมีแท็ก Beta ติดมาด้วย แต่ก็ไม่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าแต่อย่างใด
ดูภาพของแต่ละแอพได้จากที่มาครับ
Wall Street Journal รายงานข่าววงในว่าแอปเปิลจะเพิ่มฟีเจอร์ให้ iCloud อีก 2 อย่าง โดยจะเปิดตัวที่งาน WWDC วันที่ 11 มิถุนายนนี้
นอกจากนี้ก็มีเรื่อง Notes/Reminders ที่สามารถใช้ได้ผ่าน iCloud.com ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว
หลังจากมีข่าวลือการยกเครื่องแผนที่ใน iOS 6 ล่าสุดสำนักข่าว 9to5Mac ได้สังเกตเว็บไซต์ http://beta.icloud.com และ http://developer.icloud.com ว่าได้เห็นไอคอนของ Notes และ Reminders โผล่ที่พื้นหลังของเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า iOS 6 จะรองรับการซิงก์ข้อมูลกับ iCloud มากขึ้นเป็นแน่
ข่าวนี้จะเป็นจริงหรือไม่ ต้องรอดูที่งาน WWDC 2012 ครับ
ปัจจุบันมีผู้ใช้บางส่วนยังคงใช้ MobileMe และอาจจะไม่รู้จัก iCloud เลยด้วยซ้ำ (ทั้งที่ปิดบริการไปนานแล้ว) และทาง Apple เองก็ได้ให้นักพัฒนา
หลังจากให้บริการมาตั้งแต่ต้นปี 2009 แอปเปิลประกาศปิดบริการ iWork.com สิ้นเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ โดยผู้ใช้งาน iWork.com จะต้องเข้าไปดาวน์โหลดข้อมูลของตัวเอง มิเช่นนั้นจะไม่สามารถเข้าถึงเอกสารเหล่านั้นได้อีกต่อไป
iWork.com เป็นบริการลักษณะคล้ายกับ Google Docs คือเป็นบริการเปิดให้ร่วมมือกันสร้างและแก้ไขไฟล์ประเภทเอกสารต่าง ๆ ได้ผ่านทางหน้าเว็บเบราว์เซอร์ แต่ว่าบริการดังกล่าวเป็นบริการเสียเงิน และยังคงสถานะเป็น beta มาตั้งแต่วันเปิดตัวจนถึงวันนี้
แอปเปิลให้เหตุผลว่าผู้ใช้ควรจะหันไปใช้บริการ iCloud ที่เปิดตัวไปตั้งแต่ปีที่แล้วแทน แม้ว่า iCloud จะไม่มีบริการลักษณะเดียวกับ iWork.com ก็ตาม
ในงานเปิดตัว iPad รุ่นใหม่วันนี้ นอกจากพระเอกแล้ว มีพระรองอย่าง Apple TV ที่มีข่าวมาหมดสต๊อกมาได้พักนึงแล้ว โดย Apple TV รุ่นใหม่มีรายละเอียดดังนี้
Apple TV รุ่นใหม่เปิดราคาที่ 99 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่าเดิม วางขาย 16 มีนาคมนี้ (คาดว่าในสหรัฐฯ)
ที่มา - The Verge
แอปเปิลได้แจ้งให้ลูกค้าในเยอรมนีทราบว่าบริการ Push Mail ของ iCloud จะไม่สามารถใช้ได้ชั่วคราว เนื่องจากแอปเปิลถูกโมโตโรล่าฟ้องกรณีละเมิดสิทธิบัตร ทำให้ผู้ใช้บริการ iCloud เหลือทางเลือกเพียงแค่สองทางในการรับอีเมลจาก iCloud คือการเข้าไปใน Mail app ด้วยตัวเองทุกครั้ง หรือไม่ก็ตั้งให้ตัวเครื่องเช็คอีเมลทุก ๆ ระยะเวลา (manual fetch)
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้ ศาลได้ประกาศคำสั่งห้ามไม่ให้แอปเปิลให้บริการที่ไปละเมิดสิทธิบัตรของโมโตโรล่า โดยในขณะนี้แอปเปิลกำลังจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาล ในส่วนของโมโตโรล่าเองก็อาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับแอปเปิล หากศาลตัดสินว่าแอปเปิลไม่ผิดกรณีดังกล่าว
ข่าวนี้ต่อจาก แอปเปิล "อาจ" แพ้คดีสิทธิบัตรโมโตโรลาในเยอรมนี ในประเด็นเรื่อง iCloud และ Mobile Me
วันนี้ศาลเยอรมนีตัดสินแล้วว่าแอปเปิลละเมิดสิทธิบัตรเกี่ยวกับ push notification ของ Motorola จริง อย่างไรก็ตาม แอปเปิลยังมีสิทธิอุทธรณ์คดีได้ต่อไป
ก่อนอ่านเนื้อข่าวกรุณากลับไปอ่านหัวข้อข่าวอีกครั้ง "อาจ"
จากข่าวก่อนหน้านี้ว่าบริการบนกลุ่มเมฆของแอปเปิลที่ชื่อ iCloud น่าจะทำงานอยู่บน AWS ของอเมซอนและ Azure ของไมโครซอฟท์จริง ก็เกิดคำถามว่าแล้วตกลงศูนย์ข้อมูลขนาดมหึมาที่แอปเปิลลงทุนสร้างด้วยเงินเป็นพันล้านดอลลาร์ ซึ่งสตีฟ จ็อบส์เองได้
ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวคาดการณ์ว่า iCloud เช่าบริการจาก Microsoft Azure และ Amazon S3? ซึ่งล่าสุดเว็บไซต์ The Register รายงานข้อมูลวงในว่า iCloud นั้นรันอยู่บน AWS และ Azure จริงๆ โดยแบ่งส่วนข้อมูลของผู้ใช้กระจายไปยังบริการทั้งสองตัวสลับกัน
แอปเปิลนั้นประกาศชัดเจนว่า iCloud จะมาแทน MobileMe และบริษัทได้เปิดเว็บ me.com/move เพื่อให้นักพัฒนาย้ายบัญชีของตัวเองไปยัง iCloud แล้ว
บริการนี้จะช่วยย้ายข้อมูลส่วนของอีเมล สมุดที่อยู่ ปฏิทิน จาก MobileMe ไปยัง iCloud ส่วนบริการตัวอื่นๆ ที่มีใน MobileMe แต่ไม่มีใน iCloud เช่น iWeb, iDisk, Photo Gallery จะใช้งานได้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2012
แน่นอนว่าผู้ที่จะใช้ iCloud ได้จะต้องใช้ซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ล่าสุดของแอปเปิลเท่านั้น ทั้ง iOS 5 และ Mac OS X Lion สำหรับผู้ใช้วินโดวส์ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ iCloud Control Panel เพิ่มกันเอง
แอปเปิลเปิดเผยราคาพื้นที่เก็บข้อมูลบน iCloud แล้ว ผู้ใช้รุ่นฟรีจะได้พื้นที่เริ่มต้น 5GB และถ้าอยากได้เพิ่มต้องจ่ายเพิ่มดังนี้
นอกจากนี้แอปเปิลยังเปิดให้นักพัฒนาเข้าไปทดสอบเว็บแอพบน iCloud แล้วเช่นกัน โดยมีแอพ Contacts, Calendar, Mail, iWork ที่หน้าตาเหมือนกับแอพบน Mac OS X
แอปเปิลได้ระบุไว้ในหน้าเว็บชี้แจงการโอนย้าย MobileMe ไปยัง iCloud ว่าบริการ iCloud (Mail, Contacts, Calendar และ Find My iPhone) จะสามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บไซต์ icloud.com ภายในฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้
หน้าเว็บดังกล่าวยังชี้แจงประเด็นที่ผู้ใช้ MobileMe หลายคนสงสัย อาทิ
ข่าวนี้เกิดขึ้นก็เพราะว่า John Herbold ได้อัพเดทประวัติการทำงานบน LinkedIn ของตัวเอง โดยล่าสุดได้อัพไปว่า... เขาได้ลาออกจากตำแหน่ง Senior Product Manager, iCloud ของ Apple และย้ายเข้าทำงานใหม่ในตำแหน่ง Vice President of Product ของ HealthTeacher Inc. แล้ว โดยนอกจากนี้เขาเองยังได้กล่าวว่า เขาย้ายก็เพราะทำงานด้านนี้มาจนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว และอยากทำงานใหม่เพื่อหาประสบการณ์ด้านใหม่ๆ จากผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับเด็กแทน
เว็บ Patently Apple ได้ออกรายงานถึงรายละเอียดสิทธิบัตรของแอปเปิลเกี่ยวกับการเพิ่มเติมความสามารถให้กับ Find My iPhone โดย Find My iPhone ที่ว่านี้จะเพิ่มการควบคุมให้กับผู้ใช้ที่ไม่ได้มีไอโฟนอยู่กับตัว โดยความสามารถใหม่ที่น่าสนใจได้แก่
การตรวจสอบการใช้งานที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะทำงานเมื่อมีคนป้อน Passcode ผิดพลาดเกินจำนวนครั้งที่กำหนดไว้ เมื่อทำงาน ไอโฟนจะเริ่มทำการบันทึกภาพ วีดีโอ เสียง และตำแหน่งของเครื่องแล้วส่งกลับไปยังผู้ใช้ตัวจริงได้ เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะระบุบุคคลที่นำไอโฟนเครื่องนั้นไป