จากข่าวลือถึงเรื่องการเปิดตัวไอพ็อดรุ่นใหม่ในเร็ววันนี้ ล่าสุดข่าวลือก็เป็นจริง เมื่อทางแอปเปิลได้ร่อนอีเมลส่งถึงสื่อมวลชนแขนงต่างๆ เพื่อมาร่วมงานที่มีชื่อสั้นๆว่า "Let's Rock" ในวันอังคารที่ 9 กันยายนนี้
ทั้งนี้แอปเปิลไม่ได้เปิดเผยข้อมูลใดๆภายในงานดังกล่าว มีเพียงรูปของผู้ชายคนหนึ่งกำลังกระโดดไปในอากาศในหูใส่หูฟังไอพ็อดเท่านั้น ก็เป็นที่เดากันได้ว่าน่าจะเป็นการเปิดตัวไอพ็อดรุ่นใหม่ เหมือนกับที่เคยเปิดตัว iPod Touch ไปในช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีที่แล้ว
The Guardian รายงานว่าโฆษณาไอโฟน 3G ที่ออกอากาศผ่านทางโทรทัศน์ได้ถูกแบน โดยหน่วยควบคุมมาตราฐานโฆษณา (Advertising Standards Authority) ของสหราชอาณาจักร หลังจากที่มีเสียงเรียกร้องว่าแอปเปิลได้อ้างข้อมูลที่ไม่เป็นจริงในโฆษณาชุดนี้
โดยในโฆษณานี้นั้น ได้มีการกล่าวว่า "ทุก ๆ ส่วนของอินเทอร์เน็ตสามารถเข้าถึงได้จากไอโฟน" แต่จากความเป็นจริงแล้ว ไอโฟนยังไม่รองรับการใช้งาน Flash หรือ Java ที่เว็บไซต์หลาย ๆ แห่งใช้แต่อย่างใด โดยหน่วยควบคุมมาตราฐานโฆษณาได้สรุปว่า "โฆษณาชิ้นนี้ทำให้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสามารถทางด้านอินเทอร์เน็ตของไอโฟน"
จากข่าวเดิม iPhone 3G มีปัญหาเรื่องรับสัญญาณ ทางนิตยสาร Wired เลยเชิญชวนให้ผู้ใช้ iPhone 3G จากทั่วโลก รายงานสถานะสัญญาณของตัวเองเข้ามา ซึ่งมีผู้ตอบรับถึงกว่า 2,600 ราย โดยมากมาจากสหรัฐแต่ก็มีประเทศอื่นๆ มาร่วมอยู่พอสมควร
Wired ได้นำข้อมูลไปประมวลผล และสร้างแผนที่สัญญาณออกมา เข้าไปดูกันได้ที่ Zeemaps (ซูมอินเข้าไปจนจุดม่วงๆ กลายเป็นขีดสัญญาณ)
โดยสรุปคือความเร็วสูงสุดของ iPhone 3G นั้นเร็วกว่า EDGE 7 เท่า แต่ในกรณีแย่หน่อยคือเร็วเท่ากัน ส่วนแย่ที่สุดคือติดต่อกับเครือข่าย 3G ไม่ได้เลย
บริษัท Bharti Airtel Ltd หนึ่งในเครือ SingTel และบริษัท Vodafone ได้เริ่มวางขายไอโฟน 3G แล้วในวันนี้ ในตลาดที่มีความต้องการมือถือที่สูงที่สุดในโลก "ประเทศอินเดีย"
คล้าย ๆ กับเมืองไทย ชาวอินเดียไม่ค่อยคุ้นเคยกับมือถือพ่วงสัญญา ทำให้ต้องเจอราคาจริง ๆ ของไอโฟน โดยรุ่นความจุ 8GB มีราคาที่ 31,000 รูปีหรือประมาณ 25,000 บาท ส่วนรุ่นความจุ 16GB มีราคาที่ 36,100 รูปี หรือประมาณ 28,000 บาท
แม้ว่าจะไม่มีสัญญาทาสพ่วงมาหนึ่งถึงสองปีเหมือนในประเทศอื่น ๆ แต่ไอโฟน 3G ทุกเครื่องในอินเดีย จะถูกล็อกเครือข่าย
ราคาเอง ยังไม่รวมบริการ 3G ซึ่งยังไม่มีการเปิดให้บริการในประเทศอินเดีย เช่นเดียวกับไทย
หากไอโฟน 3G เปิดตัวเมืองไทยจริงละก็ คงพอเดาราคากันได้แล้วสินะ
จริงๆ ข่าวออกมาได้สามสี่วันแล้วแต่ยังเป็นที่กล่าวถึงมาก โดยลูกค้าจำนวนหนึ่งที่ใช้ iPhone 3G โทรผ่านเครือข่าย 3G ได้รายงานว่ามีปัญหาสายหลุดบ่อยครั้ง ซึ่งในภายหลังได้ค้นพบว่าเกิดจากชิปเซ็ตส่วนรับสัญญาณ 3G ที่ผลิตโดย Infineon
เว็บไซต์ Mac Rumors ได้อ้างอีเมลตอบจากสตีฟ จ็อบส์ ว่าปัญหานี้เกิดขึ้นกับ iPhone 3G จำนวน 2% ของที่วางขายไป และแอปเปิลกำลังจะแก้ปัญหานี้ในรูปของเฟิร์มแวร์ ทาง Mac Rumors ประมาณการณ์ว่าน่าจะมี iPhone 3G ที่มีปัญหาประมาณ 60,000 เครื่อง
ถึงแม้แอปเปิลจะโม้ว่า App Store ทำยอดเดือนเดียว 30 ล้านดอลลาร์ แต่ทางเว็บไซต์ GigaOm ได้สอบถามข้อมูลไปยังผู้พัฒนารายหนึ่งคือ Pinch Media ซึ่งพัฒนาระบบเก็บสถิติของผู้ใช้ app บน iPhone และมีโปรแกรมจำนวนหนึ่งใช้งานไลบรารีนี้
ผลก็คืออัตราส่วนผู้ดาวน์โหลดต่อผู้ใช้โปรแกรมจริงอยู่ที่ 10:1 เท่านั้น สำหรับค่าเฉลี่ยของโปรแกรมแต่ละตัว จะมีลูกค้าที่ดาวน์โหลดโปรแกรมไปเพียง 20% เท่านั้นที่กลับมาใช้โปรแกรมทุกวัน ระยะการใช้งานเฉลี่ยคือ 5 นาทีต่อวัน และจำนวนครั้งเฉลี่ยที่เรียกโปรแกรมคือ 1.2 ครั้งต่อวัน
แอปเปิลอาศัยช่วงดีก่อนประกาศผลประกอบการในไตรมาศที่ 3 เปิดตัว iPhone 3G ในอีก 20 ประเทศทั่วโลก โดยมี 10 ประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกา 2 ประเทศในเอเชีย คืออินเดีย และสิงคโปร์ ที่เหลือเป็นกลุ่มประเทศในยุโรป
ที่น่าสังเกตุคือ มีหลายประเทศที่เปิดขาย iPhone 3G โดยมีผู้ให้บริการมากกว่า 1 บริษัท เช่นที่สาธารณรัฐเช็ก มีผู้ให้บริการ iPhone 3G ถึง 3 รายด้วยกัน (O2, Vodafone, และ T-Mobile)
นอกจากนี้ Softbank ผู้ให้บริการ iPhone 3G ในญี่ปุ่นเตรียมปรับลดราคาค่าบริการรายเดือนลงมา จากเดิมเดือนละ 7,280 เยน เป็น 2,990 เยน (หารด้วย 3.16 เป็นเงินบาท) ซึ่งญี่ปุ่นจัดว่าเป็นประเทศที่มีค่าบริการรายเดือนของโทรศัพท์มือถือแพงที่สุดประเทศหนึ่ง
เป็นบทความพิเศษของ Gizmodo ครับ ชื่อต้นฉบับคือ Why We Still Need the iPhone App Black Market
ใจความสำคัญคือ iPhone SDK นั้นมีข้อจำกัดมากเกินไป ทำให้โปรแกรมดีๆ หลายตัวในยุคก่อน SDK นั้นไม่สามารถใช้งานได้ ข้อจำกัดเหล่านี้ได้แก่
ข่าวจาก Gizmodo อ้างการรายงานจากชาวญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Nobuyuki Hayashi ว่า iPhone 3G ที่ขายในญี่ปุ่นนั้นถูกออกแบบมาให้มีเสียงชัตเตอร์ทุกครั้งที่ถ่ายรูปทุกกรณี หรือแม้แต่จะเข้าโหมดเงียบ ซึ่งเหตุผลที่ต้องออกแบบมาก็เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด นั้นคือการแอบถ่ายใต้กระโปรงในที่สาธารณะ
ปัญหาการแอบถ่ายรูปใต้กระโปรงในญี่ปุ่นนั้นเป็นเรื่องเลวร้ายมาก มือถือรุ่นใหม่ทุกยี่ห้อในญี่ปุ่นจะมีคุณสมบัติดังกล่าว และบางผู้ผลิตจะสร้างเสียงชัตเตอร์ดังเป็นพิเศษ แต่ iPhone ที่ขายในญีี่ปุ้นจะเป็นเสียงชัตเตอร์ที่มีความดังผิดปกติ
ที่มา - gizmodo.com
วันนี้แอปเปิลได้ประกาศว่า iPhone 3G เครื่องที่หนึ่งล้านนั้นได้ถูกขายไปเรียบร้อยแล้วในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพียงแค่สามวันหลังจากที่มีการเริ่มขายเท่านั้น
หากเทียบกับไอโฟนรุ่นแรกแล้ว แอปเปิลนั้นใช้เวลา 74 วัน กว่าจะทำให้ยอดไอโฟนรุ่นแรกถึงหนึ่งล้านเครื่องได้ โดยแอปเปิลได้หวังไว้ว่าภายในปี 2008 นี้ แอปเปิลจะสามารถขายไอโฟนได้ทั้งหมด 10 ล้านเครื่อง
ในขณะเดียวกันนี้ จำนวนการดาวน์โหลดจาก App Store ที่มีซอฟต์แวร์ของไอโฟนและ iPod touch นั้นได้เกิน 10 ล้านครั้งแล้ว
ที่มา - MacRumors
เนื่องจากโปรแกรมที่ขาย-แจกฟรีใน iPhone App Store นั้นมีเป็นจำนวนมาก และโอกาสที่ผู้ใช้จะโหลดเฉพาะโปรแกรมยอดนิยมที่ได้รับความสนใจจากสื่อ (เช่น โปรแกรมจากเว็บดัง eBay, Facebook หรือโปรแกรมที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้วอย่าง Twitterific หรือเกมดังในอดีตอย่าง Pacman) นั้นมีสูงมาก ทำให้นักพัฒนารายย่อยๆ ต้องหาทางแก้ไข
ทางออกของนักพัฒนาเหล่านี้คือเปลี่ยนชื่อโปรแกรมโดยเอาสัญลักษณ์พิเศษ (เช่น ช่องว่าง) นำหน้า เพื่อให้โปรแกรมของตัวเองได้อยู่เป็นอันดับต้นๆ ก่อนตัวเลขหรือตัว A เมื่อเรียงรายชื่อตามตัวอักษร (ซึ่งเป็นวิธีการเรียงมาตรฐานใน App Store) ขณะนี้ App Store ของ iPhone จึงเต็มไปด้วยโปรแกรมชื่อแปลกๆ (ภาพประกอบดูได้ตามลิงก์)
ซอฟต์แวร์ iPhone 2.0 ที่จะรองรับ App Store นั้นนอกจากจะใช้งานจาก iPhone 3G ได้แล้ว ผู้ใช้ไอโฟนรุ่นเดิมยังสามารถใช้งานได้จากการอัพเกรดซอฟต์แวร์เช่นกัน แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นทำให้ไอโฟนรุ่นเดิมนั้นไม่สามารถใช้งานใดๆ ได้
ปัญหาเกิดขึ้นจากกระบวนการอัพเดตที่ตัวไอโฟนต้องติดต่อกับ App Store แต่ตัว App Store นั้นไม่สามารถรองรับการเข้าใช้งานจำนวนมหาศาลได้จนการอัพเกรดไม่สำเร็จ
ตัวเลขจำนวนไอโฟนที่ไม่สามารถใช้งานจากปัญหานี้อยู่ที่ประมาณหกล้านเครื่องและกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าบ้านเรามีใครกำลังอัพเดตบ้าง แต่ทุกคนที่คิดจะอัพเดตควรรอไปก่อนจนกว่าจะมีการแก้ไขต่อไป
ที่มา - TechCrunch
หลังจากที่ได้จับได้ลูบได้คลำ iPhone 3G กันถ้วนหน้ากันแล้ว (ผมก็ได้แต่อ่านนะ อ่านไป ก็ลูบจับลูบคลำเมาส์ของผมไป) เว็บต่าง ๆ ก็เริ่มทำรีวิวของ iPhone 3G กันออกมาแล้ว ข่าวจาก MacRumors ในครั้งนี้ได้นำจุดน่าสนใจจากรีวิวต่าง ๆ กันมารวบรวมไว้ครับ
Gizmodo รายงานว่า iPhone 3G นั้นรู้สึก "ราคาตก" ลงจริง ๆ เมื่อได้จับกับตัวเครื่องหากเทียบกับรุ่นแรก แต่ในขณะเดียวกันทำให้การรับสัญญาณต่าง ๆ ดีขึ้น เช่น สัญญาณ Wi-Fi ที่จากการทดสอบนั้นสามารถอยู่ห่างจาก Access Point ได้ถึง 120 ฟุต จากรุ่นเก่าที่ได้เพียง 100 ฟุตเท่านั้น
กระแส iPhone 3G กำลังมาแรงเต็มที่ ผมเองแอบเบื่อเล็กน้อยแต่ว่าเป็นเรื่องที่คนอ่านสนใจล้นหลาม (ไม่เชื่อดูเลขคอมเมนต์ได้) ประกอบกับร้าน O2 อยู่ไม่ห่างจากบ้านนัก เลยทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวไปลองเล่นมาแป๊บๆ
ร้านที่ไปลองเป็นร้าน O2 ขนาดเล็กๆ อารมณ์เดียวกับร้าน AIS/DTAC/True ตามห้างระดับโลตัสหรือบิ๊กซี มี iPhone 3G ให้ลองเล่นอยู่ 2 เครื่อง เพื่อนที่ไปด้วยกันมี iPhone รุ่นเดิมมาให้เทียบความแตกต่าง
รูปลักษณ์
กรณีพิพาทระหว่างผู้ถือหุ้นและผู้บริหารของยาฮูนั้น ตัวแปรหนึ่งที่ตัดออกไปไม่ได้เลยคือกูเกิลที่เข้ามาทำข้อตกลงกับยาฮูในจังหวะที่ไมโครซอฟท์กำลังต้องการครอบครองยาฮูทั้งหมด
Schmidt ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่าการที่ผู้บริหารยาฮูไม่ตกลงขายบริษัทให้ไมโครซอฟท์นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะตลาดต้องการการแข่งขัน และกล่าวว่าหลายต่อหลายครั้งที่ข้อเสนอของไมโครซอฟท์นั้นดูดี แต่ไม่ดีเท่าใหร่นักเมื่อได้มองในรายละเอียดของสัญญา
ในวันนี้หลังจากที่เริ่มมีการเปิดตัว MobileMe, Apps Store และ iPhone 3G กันแล้ว หลังจากได้อ่านข่าวของคุณ mk ผมเลยเข้าไปดูใน iTunes เพื่อจะลองดาวน์โหลด Facebook จาก Apps Store มาเล่น ทีนี้ลืม Apple ID ของตัวเอง เลยทำการสมัครใหม่
แล้วพบว่ามันให้เลือกประเทศว่า Billing Address เราอยู่ในประเทศไหน ปรากฏว่าเมื่อผมลองคลิกดูแล้วพบว่ามีประเทศใหม่ ๆ เพิ่มมาเพียบ รวมถึงประเทศไทย!
เลยตัดสินใจกลับมาดูที่หน้าหลัก iTunes Store ของสหรัฐดูอีกครั้ง แล้วลองเลือกประเทศดู ครับ มีประเทศไทยแล้วจริง ๆ
เมื่อเข้าไปแล้วพบว่า มีแต่ Apps Store เท่านั้น เป็น iTunes Store ที่มีเพียงโปรแกรมสำหรับ iPhone และ iPod touch ครับ
เพื่อเตรียมรับการวางขายของ iPhone 3G ในวันพรุ่งนี้ แอปเปิลได้ออกซอฟต์แวร์และบริการต่างๆ ดังนี้
จาก Walt Mossberg แห่ง Wall Street Journal เจ้าเดิม โดยเขาบอกว่าได้ iPhone 3G มาลองใช้งาน "for a couple of weeks" แล้ว
ประเด็นสำคัญ
หลังจากที่ Apple แถลงข่าวเปิดตัว iPhone 3G ในงาน WWDC ไปแล้ว มีคนช่างสังเกตเห็นน็อตเล็กๆ 2 ตัว อยู่ด้านล่างของ iPhone ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบจะไม่เคยเห็นกับสินค้าอื่นๆ ของ Apple เลย ปกติแล้ว Apple จะพยายามซ่อนวัสดุยึดจับต่างๆ เอาไว้ไม่ให้มองเห็นเพื่อให้มีรูปร่างของผลิตภัณฑ์ที่สวยงาม มีการคาดเดาว่าน็อตสองตัวมีไว้เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ iPhone ได้เอง โดยไม่ต้องนำเครื่องไปเปลี่ยนที่ Apple Store ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า
มีกลุ่มคนประมาณ 10 คนไปตั้งแคมป์รอกันหน้าร้านแอปเปิล สาขา Fifth Avenue ในนิวยอร์กตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม ก่อน iPhone 3G วางขายในวันที่ 11 กรกฎาคมถึงหนึ่งสัปดาห์
iPhone 3G ไม่ได้เป็นที่ต้องการขนาดนั้น แต่กลุ่มคนเหล่านี้ (ซึ่งเป็นเพื่อนหรือญาติกัน) ต้องการสร้างสถิติต่อคิวซื้อผลิตภัณฑ์เป็นเวลานานที่สุด โดยอาศัยฤกษ์ดีคือวันชาติสหรัฐ (4 ก.ค.) เป็นวันเริ่มต้นต่อคิว ที่น่าสนใจคือทีมนี้ได้พาลูกสาวอายุ 6 เดือนมาต่อคิวด้วย (แต่บอกว่าไม่ได้อยู่ในคิวตลอดเวลาเหมือนผู้ใหญ่คนอื่นๆ)
Engadget มีวิดีโอสัมภาษณ์และภาพประกอบ (ผมดูแล้วนึกถึงสะพานมัฆวาน-หน้าทำเนียบเลยแฮะ)
กูเกิลกำลังทำให้ไอโฟน (ทั้งเก่าและใหม่ รวมไปถึง iPod touch) สามารถที่จะใช้ Google Talk ได้
โดยวิธีการของกูเกิลนั้น ไม่ได้ใช้แอพพลิเคชั่นที่ต้องติดตั้งลงในเครื่องแต่อย่างใด แต่กลับเป็นเว็บแอพพลิเคชั่นที่ www.google.com/talk แทน โดยผู้ใช้ต้องทำการ Sign In ก่อน
สำหรับการใช้งานนั้น ผู้ใช้จำเป็นที่จะต้องเปิดหน้าเว็บ Google Talk ไว้ หากเปลี่ยนไปเข้าเว็บอื่น หรือมีการปิด Safari แล้ว สถานะการใช้งานจะถูกเปลี่ยนจาก "Available" กลายเป็น "Unavailable"
ที่มา - C|net
สำหรับพวกเราชาวไทย ในตอนนี้ เราไม่เคยชินกับหลักการขายโทรศัพท์มือถือที่ถูกชดเชยราคาพร้อมพ่วงสัญญา (Subsidized Mobile Phones) ซักเท่าไหร่ หลังจากงาน WWDC แล้ว สื่อไทยไม่ว่าจะเป็นสื่อชื่อดังขนาดไหนก็ตามกลับเข้าใจผิดไปหมด ก็ออกมาปล่อยข่าวว่า "ไอโฟนนั้นถูกมาก ๆ แค่หกพันกว่าเอง"
บริษัท AT&T ผู้ให้บริการไอโฟนเพียงรายเดียวในสหรัฐอเมริกา เตรียมตัวเปลี่ยนแผนการขายไอโฟน โดยได้เพิ่มทางเลือกใหม่เข้าไปอีก คือการขายไอโฟนเครื่องเปล่าไร้สัญญาในราคา 599 ดอลลาร์ (ราคาเดิมสมัยก่อน) หรือประมาณ 20,800 บาทสำหรับรุ่น 8GB และราคา 699 ดอลลาร์ หรือประมาณ 24,000 บาทสำหรับรุ่น 16GB
เว็บ TheRegister.co.uk อ้างว่าแอปเปิลกำลังทำการแจกจ่ายและทดสอบไอโฟนรุ่นที่มีคีย์บอร์ดจริง ๆ (Physical Keyboard คล้าย ๆ กับ BlackBerry) กับผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือบางราย
โดยจากรายงานนั้นได้กล่าวไว้ว่านี่เป็น Prototype ของจริง ไม่ใช่แค่เล่น ๆ โดยแอปเปิลได้ทำการส่งให้กับกลุ่มผู้บริหารระดับสูงของเครือข่ายบางเครือข่าย ที่เขาไม่อาจบอกได้ โดยคีย์บอร์ดนั้นยังมีปัญหาอยู่เล็กน้อยที่ยังไม่ได้แก้ไข
การที่ iPhone 8GB มีราคาขายเครื่องละ 199 ดอลลาร์ และ 299 ดอลลาร์สำหรับรุ่น 16GB นั้นเป็นการขายต่ำกว่าทุนแน่ แต่ราคาทุนที่แท้จริงของ iPhone อยู่ที่เท่าไรย่อมมีแต่แอปเปิลที่ทราบ
นักวิเคราะห์จากบริษัท Oppenheimer ออกมาประมาณตัวเลขให้ว่าราคา 199 ดอลลาร์นี้ บริษัทโทรศัพท์มือถือ (ในที่นี้คือ AT&T ของสหรัฐ) ช่วยเราจ่ายมาแล้ว 325 ดอลลาร์เพื่อทำราคาเครื่องให้ถูก ดึงดูดลูกค้าให้เซ็นสัญญาจ่ายรายเดือน ตัวเลขนี้ (ถึงจะเป็นตัวเลขคาดการณ์) สูงกว่าตัวเลขปกติของสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 200 ดอลลาร์ต่อเครื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า AT&T ทุ่มกับ iPhone มากพอสมควร
จากเดิมที่สตีฟ จ็อบส์เคยให้สัมภาษณ์ว่า Flash ตัวเต็มช้าเกินไปสำหรับ iPhone และ Flash Lite นั้นความสามารถไม่มากพอ (ข่าวเก่า Flash Lite ลง Windows Mobile) หลังจากนั้นทาง Adobe ประกาศว่าได้เริ่มต้นพัฒนา Flash ด้วย iPhone SDK (ข่าวเก่า) ตอนนี้ความคืบหน้าล่าสุดที่ออกมาคือ Adobe บอกว่า Flash Player ทำงานได้บนอีมูเลเตอร์ iPhone แล้ว และกำลังเข้าสู่ขั้นตอนการทดสอบบนฮาร์ดแวร์จริง