Magic Leap สตาร์ทอัปด้าน AR ประกาศความร่วมมือในหลายด้านกับกูเกิล เพื่อนำเทคโนโลยีด้าน AR ของ Magic Leap รวมถึงการทำฮาร์ดแวร์ มาร่วมมือกับแพลตฟอร์มของกูเกิลเพื่อสร้างโซลูชันด้าน AR ต่าง ๆ

Shahram Izadi รองประธานฝ่าย AR/XR ของกูเกิลกล่าวว่าบริษัทจะนำเทคโนโลยีการผลิตแว่น AR ของ Magic Leap มาผนวกกับเทคโนโลยีของกูเกิล เพื่อสร้างประสบการณ์ immersive หลากหลายรูปแบบให้ผู้ใช้งาน ซึ่งจะออกมาเป็นแพลตฟอร์ม XR ที่แตกต่างและมีนวัตกรรม

ส่วน Julie Larson-Green ซีทีโอของ Magic Leap บอกว่าความร่วมมือนี้จะช่วยขยายและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับ XR

ที่มา: Magic Leap

Financial Times รายงานข่าวลือว่า Meta กำลังเจรจากับ Magic Leap บริษัทสตาร์ตอัพด้านแว่น AR เพื่อซื้อไลเซนส์เทคโนโลยีของ Magic Leap มาใช้งาน รวมถึงอาจจ้าง Magic Leap ที่มีฐานผลิตในอเมริกาเหนือเป็นผู้ผลิตแว่น AR แทนการจ้างบริษัทผู้ผลิตจากจีน

Magic Leap เป็นเจ้าของชิ้นส่วนสำคัญๆ ในแว่น AR ที่บริษัทพัฒนาขึ้นเอง (แม้ไม่ประสบความสำเร็จในแง่ธุรกิจมากนัก) เช่น เลนส์ ซอฟต์แวร์ และเทคโนโลยี waveguide ที่นำกระจกบางๆ มาวางอยู่ด้านหน้านัยน์ตา แล้วแสดงภาพที่มีระยะลึกแตกต่างกัน

Magic Leap บริษัทผู้ผลิตแว่น AR ในตำนานอีกราย เปิดตัวแว่นรุ่นที่สองของบริษัท Magic Leap 2 วางขาย 30 กันยายน 2022

แว่น Magic Leap 2 พัฒนาขึ้นจากแว่นรุ่นแรกที่ขายในปี 2018 หลายด้าน เช่น กระจกเลนส์ที่ให้มุมมอง 70 องศา กว้างที่สุดในตลาดตอนนี้, dynamic dimming ปรับสภาพแสงให้อัตโนมัติ ตั้งแต่ 20-2000 nits, ตัวแว่นมีขนาดเบา 260 กรัม ส่วมใส่สบายขึ้น

Rony Abovitz ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Magic Leap ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ โดยยังไม่มีผลทันทีแต่ยังไม่กำหนดวัน และหลังจากออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ Abovitz จะมีตำแหน่งมีในบอร์ดเท่านั้น

ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศผู้ที่มานั่งเก้าอี้ซีอีโอ Magic Leap คนต่อไป ซึ่งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีการหาตัวแทนเอาไว้แล้วแต่ยังไม่ประกาศหรือยังอยู่ระหว่างกระบวนการ

แม้เราอาจจะยังไม่ได้เห็นบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ ๆ ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 จนถึงขนาดปลดคนมากนัก แต่ไม่ใช่กับ Magic Leap ผู้ผลิตแว่นตา Mixed Reality ที่ทุลักทุเลกว่าจะออกรุ่นแรกได้ ซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และล่าสุดก็ประกาศปลดพนักงานแล้วจากพิษ COVID-19

Rony Abovitz ซีอีโอของ Magic Leap โพสต์ประกาศปลดคนออกในทุกระดับ ตั้งแต่พนักงานที่ขึ้นตรงกับตัวเองไปจนถึงพนักงานโรงงาน โดยไม่ได้ระบุจำนวนและให้เหตุผลเอาไว้ว่า เพื่อให้บริษัทอยู่รอดในระยะยาว จากปัญหาทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ทำให้บริษัทหาเงินสดเข้ามายากขึ้น (ทั้งจากการขายของและการดึงดูดนักลงทุน)

อดีตพนักงานของ Magic Leap บริษัทผู้ผลิต Magic Leap One แว่นตา AR+VR เผยว่า Magic Leap One แว่นตา Mixed Reality ทำยอดขายไม่ถึงเป้าที่ซีอีโอ Rony Abovitz ตั้งไว้ ตอนแรกทางบริษัทตั้งเป้าขายได้ 100,000 ชุด แต่ตอนนี้ทำได้เพียง 6,000 ชุดเท่านั้น

ถึงยอดขายไม่ดี The Verge รายงานว่า Magic Leap เริ่มสร้างต้นแบบของ Magic Leap Two แล้ว แว่นตารุ่นที่สองจะรองรับ 5G, มีขอบเขตการมองเห็น (FOV) กว้างขึ้นกว่ารุ่นแรกที่มีมุมมองแค่ 50 องศา, คุณภาพกราฟิกดีขึ้น, ตัวแว่นเล็กและเบาลง มีสีอื่นนอกจากสีดำให้เลือก แต่ยังมีปัญหาระหว่างพัฒนารวมทั้งข้อจำกัดทางเทคโนโลยีอยู่ จึงต้องรออีกหลายปีถึงจะเปิดตัวได้ ดังนั้น แว่นตา AR รุ่นใหม่จาก Magic Leap คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้ จะได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

Epic Games ประกาศแจกแว่น Magic Leap One กว่า 500 อันผ่านโครงการ Epic MegaGrants ซึ่งเป็นโครงการการกุศลมูลค่าราว 100 ล้านเหรียญ เพื่อสนับสนุนนักพัฒนา, นักเรียน, อาจารย์, ผู้เชี่ยวชาญ, และนักสร้างสื่อในการพัฒนาชุมชนกราฟิค 3 มิติผ่าน Unreal Engine

นักพัฒนาแอปไม่ว่าจะในวงการเกม, สถาปนิก, ยานยนต์, การแพทย์หรือในอุตสาหกรรมใดก็ได้ที่ใช้ Unreal Engine สามารถยื่นเรื่องได้ที่หน้าเว็บ Epic MegaGrants โดยไม่มีกำหนดเดดไลน์ แต่จะแจกให้แบบมาก่อนได้ก่อนเป็นหลักเท่านั้น

หลัง Magic Leap One แว่น Mixed Reality จาก Magic Leap จะเพิ่มประกาศวางจำหน่าย Rovio ทีมพัฒนาเกม Angry Birds ประกาศเป็นเจ้าแรกที่พัฒนาเกมลง Magic Leap แบบเอ็กคลูซีฟในชื่อ Angry Bird FPS: First-Person Slingshot

ตัวเกมเป็นความร่วมมือกันระหว่าง Rovio และ Resolution Games สตูดิโอพัฒนาเกม AR/VR จากสวีเดน โดยรูปแบบของเกมจะเป็นแบบ AR หนังสติ๊กเสมือนจริงมาให้ยิงเหล่านกไปยัง Bad Piggies และสิ่งปลูกสร้างที่วางซ้อนทับอยู่บนวัตถุในโลกจริง

Magic Leap สตาร์ทอัพที่พัฒนาแว่นเทคโนโลยี AR+VR ลักษณะเดียวกับ HoloLens ที่เผยไอเดียมาตั้งแต่ราวปี 2014 แต่ก็เงียบหายไปจนถูกมองว่าเป็นแค่ปาหี่

ล่าสุดวันที่นักลงทุนรอคอยก็มาถึงแล้ว เมื่อแว่น Magic Leap One Creator Edition เริ่มวางจำหน่ายแล้วในราคาที่สูงถึง 2,295 เหรียญ หรือราว 76,000 บาท โดย Rony Abovitz ซีอีโอ Magic Leap ยืนยันว่าไม่ใช่ Dev Kit แต่เป็นผลิตภัณฑ์ตัวเต็มสำหรับผู้บริโภค

AT&T ประกาศเข้าร่วมลงทุนกับ Magic Leap สตาร์ทอัพผู้พัฒนา AR ชื่อดัง โดยทั้งสองบริษัทไม่ได้เปิดข้อมูลเรื่องการเงินในดีลนี้

การลงทุนของ AT&T จะทำให้บริษัทสามารถทำงานร่วมกับทีม Magic Leap ในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในส่วนของเครือข่าย, การเผยแพร่คอนเทนต์ และตัวอุปกรณ์เอง ซึ่งดีลนี้มาค่อนข้างพอเหมาะกับที่ Magic Leap วางแผนจะปล่อยสินค้าชิ้นแรกของบริษัท Magic Leap One, Creator Edition ที่คาดว่าน่าจะวางขายจริงได้ในปีนี้ และภายใต้ดีลนี้ AT&T จะได้รับสิทธิ์เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายกับอุปกรณ์ของ Magic Leap แต่เพียงผู้เดียว (ลักษณะคล้ายกับ iPhone รุ่นแรกที่ล็อกกับเครือข่าย AT&T)

Magic Leap สตาร์ทอัพพัฒนาแว่นตา VR/AR ที่ตอนนี้ยังมีปัญหาเรื่องผลิตภัณฑ์ ล่าสุดทางบริษัทสามารถระดมทุนรอบใหม่ได้แล้ว เป็นจำนวนเงิน 461 ล้านดอลลาร์เพิ่มเติมใน Series D

การระดมทุนรอบนี้ มีรายใหญ่คือกองทุน The Public Investment Fund ของซาอุดิอาระเบียให้เงินลงทุน 400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเมื่อประกอบกับการระดมทุน 502 ล้านดอลลาร์ในรอบที่แล้วเมื่อปลายปีจากกองทุน Temasek ของสิงคโปร์ เท่ากับว่ารวมแล้วการระดมทุน Series D ของ Magic Leap ได้เงินไปถึง 963 ล้านดอลลาร์ และหากรวมทั้งหมดตั้งแต่ครั้งแรก Magic Leap ได้เงินจากการระดมทุนไปแล้ว 2.3 พันล้านดอลลาร์

Magic Leaps สตาร์ทอัพพัฒนาแว่น AR, VR ที่กำลังเผชิญปัญหาเรื่องผลิตภัณฑ์ เพิ่งได้ข้อสรุปจากคดีที่ถูก Tannen Campbell อดีตพนักงานฟ้องร้องฐานเหยียดเพศ ด้วยการยอมความ โดยไม่มีรายละเอียดอื่นๆ ของคดีถูกเผยออกมา

Campbell ยื่นฟ้อง Magic Leaps ในเดือนกุมภาพันธ์ว่าผู้บริหารไม่สนใจปัญหาและวัฒนธรรมการเหยียดเพศในบริษัท อาทิ ดูถูกว่าผู้หญิงไม่เหมาะและไม่มีความสามารถทางเทคนิค, มีวัฒนธรรมคุกคามทางเพศ (macho bullying), และมองผู้หญิง (stereotype) ว่าเป็นเพียงแม่บ้าน, ภรรยาหรือวัตถุทางเพศเท่านั้น

สืบเนื่องจากกรณีที่ The Information เขียนบทความแฉ Magic Leap ว่าผลิตภัณฑ์จริงยังไม่สู้ HoloLens ไม่ได้ด้วยซ้ำ แถมวิดีโอที่นำมาโชว์ก็ไม่ใช่ฟุตเทจจริง เป็นเพียง CG ที่ถูกทำขึ้นแต่กลับโกหกว่าเป็นเกมที่เล่นกันในออฟฟิศ

ซึ่งถึงแม้ทาง Magic Leap จะไม่มีการตอบกลับอีเมลขอความเห็นจากสื่อ แต่ Rony Abovitz ซีอีโอของ Magic Leap ได้ทวีตกึ่งโต้ตอบบทความดังกล่าวว่า "Believe" พร้อมรูปที่ระบุว่า Magic Leap is coming และทวีตว่าเทคโนโลยีของ Magic Leap นั้นซับซ้อนพอๆ กับรถยนต์ไฟฟ้า,ดาวเทียมหรือแม้แต่อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ล้ำสมัย (ที่ทำให้การพัฒนาค่อนข้างช้า?)

เป็นกระแสขึ้นมาระยะหนึ่งกับ Magic Leap ที่พัฒนาเทคโนโลยีแนว AR ร่วมกับ VR ลักษณะเดียวกับ HoloLens ของไมโครซอฟท์ ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววของผลิตภัณฑ์ตัวจริงของ Magic Leap มีเพียงคลิปวิดีโอเดโมและโปรโมท ที่ The Information ระบุว่าเกินความจริง (overhyped) ทั้งสิ้น

Magic Leap บริษัทแนว AR+VR ที่กูเกิลร่วมลงทุนเป็นเงินมากกว่า 500 ล้านเหรียญ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายละเอียดเป็นรูปธรรมว่าตัว Magic Leap จะทำอะไรได้ขนาดไหน ล่าสุดก็มีวิดีโอเดโมสั้นๆ มาให้ดูกันแล้ว

วิดีโอเดโมที่ทำมาโชว์รอบนี้ต่างจากที่เคยเอามาให้ดูเมื่อเดือนมีนาคมตรงที่เก็บภาพมาจากอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีของ Magic Leap โดยตรง และไม่มีการทำเอฟเฟกเพิ่มเติมเข้าไป อธิบายคร่าวๆ ก็เหมือนกับการนำวัตถุเสมือนขึ้นไปซ้อนบนสถานที่จริง แต่ไม่มีการทดสอบ input ด้วยมืออย่างที่เคยเห็นในวิดีโอตัวก่อนหน้าแต่อย่างใด

เมื่อปลายปีก่อน มีข่าวว่ากูเกิลลงทุนในบริษัทแนว VR อย่าง Magic Leap ที่มีผลงานด้านการทำโมเดลสามมิติเสมือนจริงแบบภาพยนตร์ (Cinematic Reality) ล่าสุด Magic Leap ออกมาเปิดตัว SDK สำหรับนักพัฒนาแล้ว

โดยในงาน EmTech Digital ของ MIT Technology Review ทาง Magic Leap ได้ไปเปิดเซสชันนักพัฒนาในงาน พร้อมกับเปิดตัว SDK สำหรับให้นักพัฒนาสามารถสมัครเข้าใช้เครื่องมือได้ ตัว SDK รองรับเอนจินสามมิติชื่อดังทั้ง Unity3D และ Unreal Engine โดยสัญญาว่าจะเปิดให้นักพัฒนาใช้กันได้เร็วๆ นี้

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา Facebook จับเทรนด์ไอทีโลกไอทีด้วยการเข้าซื้อ Oculus VR บริษัทผู้พัฒนาอุปกรณ์สู่โลกเสมือนจริงที่รู้จักกันในชื่อ Oculus Rift ฝั่งกูเกิลจึงไม่ยอมแพ้ และมีข่าวว่าจะลงทุนในเทคโนโลยี Virtual Reality ในบริษัท Magic Leap เป็นเงินกว่า 500 ล้านเหรียญด้วยกัน

Magic Leap เป็นบริษัทผู้พัฒนาฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์เพื่อสร้างภาพสามมิติเสมือนจริงแบบภาพยนตร์ "Cinematic Reality" (Magic Leap เรียกสิ่งนี้ว่า 3-D light sculpture) ซึ่งเก็บตัวเงียบมาตลอด แม้ว่าจะได้เงินลงทุนก้อนแรกไปแล้วกว่า 50 ล้านเหรียญ และได้รับความสนใจจากฝั่งฮอลลีวูดอย่างมากก็ตาม