นวัตกรรมนั้นมาในหลายรูปแบบ และหลายที่ วันนี้ Philips ได้เขย่าตลาด PC Monitor ด้วยการเปิดตัว Philips 24B1D5600 ซึ่งเป็นจอที่ผสมผสาน 2 จอที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างจอ LCD ขนาด 24 นิ้ว ผสมเข้ากับจอแบบ E Ink ขนาด 13 นิ้ว ติดแนบข้างกันรวมร่างกันเป็นหนึ่งเดียว
Signify บริษัทที่ถือแบรนด์ Philips Hue เปิดตัวผลิตภัณฑ์ในกลุ่มหลอดไฟอัจฉริยะ โดยเป็นหลอดไฟติดผนังสำหรับใช้งานภายนอกทั้งหมด 3 รุ่น และหลอดไฟใช้กับทางเดินในสวนอีก 1 รุ่น
ไมโครซอฟท์จับมือบริษัทผู้ผลิตจอภาพหลายราย เปิดตัวมอนิเตอร์แบรนด์ Designed for Xbox ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ Xbox Series X|S โดยมีฟีเจอร์สำคัญของจอเกมมิ่งรุ่นใหม่ เช่น 4K@120Hz, HDR, Variable Refresh Rate (VRR), HDMI 2.1
จอภาพที่เปิดตัวมี 3 รุ่นจาก 3 แบรนด์ ได้แก่
Lou Ottens วิศวกรชาวดัตช์ผู้ประดิษฐ์เทปคาสเซ็ทพกพา ได้เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 94 ปี โดยประวัติของ Ottens นั้น เริ่มงานที่ Philips หลังจบสงครามโลก ต่อมาได้ทำงานในฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีสินค้าสำคัญคือเครื่องบันทึกเทปรีล (ถ้านึกภาพไม่ออก ดูรูปที่นี่)
ด้วยขนาดที่ใหญ่และใช้งานยาก ทำให้ Ottens เสนอแนวทางพัฒนาเทปบันทึกข้อมูลที่มีขนาดเล็กลง สามารถพกพาใส่กระเป๋าเสื้อได้ โดยเทปคาสเซ็ทนี้เปิดตัวครั้งแรกในปี 1963 ด้วยชื่อเรียก Compact Cassette และกลายเป็นสื่อบันทึกข้อมูลเพลงที่ใช้งานแพร่หลายในเวลาต่อมา BBC คาดการณ์ว่ามีเทปคาสเซ็ทผลิตออกมาในโลกมากกว่า 1 แสนล้านตลับ
Signify บริษัทในกลุ่ม Philips เปิดตัวสินค้าใหม่ภายใต้แบรนด์ Philips Hue โดยรอบนี้มีสินค้ากลุ่มสวิตซ์ไฟ 2 รายการ และหลอดไฟอีก 2 รายการ
สินค้าชิ้นแรกคือ Philips Hue wall switch module เป็นโมดูลสำหรับติดตั้งกับสวิตซ์ไฟธรรมดาให้ใช้งานร่วมกับหลอดไฟอัจฉริยะได้ จากเดิมที่เมื่อใช้หลอดไฟอัจฉริยะ สวิตซ์ไฟจะต้องเปิดทิ้งไว้ตลอดเวลา โมดูลนี้จะนำมาติดตั้งเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวไม่ว่าจะเปิดหรือปิดสวิตซ์ก็ทำให้ไฟสว่างได้ตลอดเวลา และสามารถเซ็ทฟังก์ชันของสวิตซ์ไฟตัวนี้ผ่านแอป Hue ได้ด้วย ตัวโมดูลใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ที่ Signify ระบุว่าจะมีอายุการใช้งานขั้นต่ำ 5 ปี
Signify บริษัทลูกของ Philips เปิดตัวสินค้าในกลุ่ม Philips Hue ชุดใหม่ที่งาน IFA โดยมี Hue Go เวอร์ชันใหม่พร้อม Bluetooth, Smart Button ที่สามารถวางตรงไหนก็ได้เพื่อเปิดปิดไฟ และ Smart Plug ปลั๊กเสียบที่ทำให้ไฟส่องสว่างธรรมดาควบคุมผ่านมือถือได้
อย่างแรกคือ Hue Go หลอดไฟไร้สายที่เน้นพกพาสะดวก โดย Hue Go รุ่นอัพเกรดมีความสามารถในการเชื่อมต่อ Bluetooth เพิ่มเข้ามา รองรับการควบคุมผ่านแอป Hue Bluetooth หรือสั่งการด้วยเสียงผ่าน assistant ของสมาร์ทโฟน พร้อมทั้งยังเพิ่มความจุแบตเตอรี่ทำให้ไฟส่องสว่างได้นานยิ่งขึ้น
Hue Go ใหม่จะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายนนี้ ที่ราคา 79.99 ดอลลาร์
Signify บริษัทลูกด้านหลอดไฟของ Philips (เจ้าเดียวกับที่ทำ LiFi ส่งข้อมูลด้วยแสง) ประกาศออกหลอดไฟอัจฉริยะ Philips Hue เวอร์ชันใหม่ ที่สามารถเชื่อมต่อ Bluetooth ได้ในตัว ช่วยให้การเชื่อมต่อหลอดไฟกับสมาร์ทโฟนทำได้ง่ายขึ้นมาก ไม่จำเป็นต้องต่อฮับ Zigbee เหมือนกับเวอร์ชันก่อนๆ แล้ว (แต่ยังสามารถต่อฮับได้ถ้าต้องการ)
Signify (ชื่อใหม่ของ Philips Lighting ธุรกิจหลอดไฟในเครือ Philips) เปิดตัวระบบส่งข้อมูลด้วยแสง (LiFi) ที่รองรับการส่งข้อมูลสูงสุดถึง 250 Mbps
เทคโนโลยีของ Signify ใช้ชื่อทางการค้าว่า Trulifi เบื้องหลังของมันเป็นการใช้คลื่นแสง (lightwave) ส่งข้อมูลแทนคลื่นวิทยุ ข้อดีคือแก้ปัญหาเรื่องสัญญาณคลื่นวิทยุตีกัน (เช่น พื้นที่ที่มี Wi-Fi หนาแน่น) หรือพื้นที่อับสัญญาณวิทยุ (เช่น ใต้ดิน) เพราะสามารถส่งข้อมูลได้ตราบเท่าที่แสงส่องไปถึง
ส่วนอุปกรณ์ฝั่งส่งสัญญาณ สามารถนำไปติดตั้งที่หลอดไฟเดิมได้โดยไม่ต้องเดินสายไฟใหม่ ขารับสัญญาณใช้ USB dongle ไปเสียบไว้ที่โน้ตบุ๊กเพิ่มได้
Philips เปิดตัว Adore Bathroom กระจกติดผนังพร้อมวงแหวนไฟส่องสว่างรอบกระจก เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ในตระกูล Philips Hue กลุ่มผลิตภัณฑ์ให้แสงสว่างอัจฉริยะของ Philps
ตัวกระจก Adore Bathroom เป็นกระจกพร้อมแสงสว่างที่ต้องติดตั้งกับกำแพง มีฟีเจอร์กันน้ำกันฝุ่นมาตรฐาน IP44 เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องน้ำ สามารถเชื่อมต่อกับ Hue Bridge เพื่อควบคุมผ่าน HomeKIt, Alexa, Google Assistant ได้เหมือนหลอดไฟ Philips Hue รุ่นอื่น ๆ แต่แสงไฟของ Adore Bathroom นั้นจะปรับสีให้เป็นสีขาวในโทนร้อนขึ้นหรือเย็นลงเท่านั้น
Philips เปิดตัวหลอดไฟเพิ่มเติมในชุดหลอดไฟอัจฉริยะในตระกูล Hue โดยเป็นหลอดไฟสำหรับใช้งานในพื้นที่นอกบ้านอย่างเช่นในสวนหรือระเบียง (จากเดิม Hue มีเฉพาะหลอดไฟใช้ในบ้าน) สามารถเชื่อมต่อกับชุด Hue Bridge และแอพ Philips Hue ได้ สามารถตั้งค่าให้สว่างตามเวลาที่กำหนด หรือจะสั่งเปิดเมื่อเดินเข้าบ้านโดยอัตโนมัติก็ได้ (แอพ Philips Hue จะระบุตำแหน่งและสั่งเปิดไฟเมื่อกำลังจะเดินเข้าบ้าน)
Philips เปิดตัวทีวีซีรีส์ 7703 ทีวีขนาดเล็ก 24 นิ้ว แพแนล LED โดยฐานตั้งเป็นลำโพงบลูทูธพร้อมแอมพ์ 16 วัตต์ พร้อมกับไมโครโฟนบิลด์อิน
7703 ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานในห้องครัว มาพร้อมกับ Android TV เวอร์ชัน 8.0 และ Google Assistant สำหรับการค้นหาสูตรอาหารหรือสั่งส่วนประกอบต่างๆ ผ่านออนไลน์ รองรับ Google Cast และพอร์ท HDMI 2 พอร์ท วางจำหน่ายภายในครึ่งปีหลัง ส่วนราคายังไม่ประกาศ
ที่มา - 9to5Google
Razer ได้เปิดตัวอุปกรณ์ที่ใช้ระบบไฟ Chroma อย่างเช่นเมาส์, คีย์บอร์ด, หูฟัง, เมาส์แพด ฯลฯ ซึ่งระบบไฟสีรุ้งของ Razer นี้สามารถซิงค์สีกันได้ระหว่างอุปกรณ์ของ Razer ซึ่งล่าสุด Razer ก็จะไปให้ไกลกว่านั้น โดยร่วมมือกับ Phlilips ให้ใช้แพลตฟอร์ม Hue ระบบไฟในบ้านเพื่อซิงค์สีของหลอดไฟในบ้านเข้ากับ Chroma ด้วย
Philips ประกาศนำเสนอเทคโนโลยี AR เพื่อการผ่าตัดในพื้นที่เล็กๆ อย่างกระดูกสันหลัง ทำงานคู่กับการตรวจดูอวัยวะภายในร่างกายโดยใช้รังสี สามารถให้ภาพอวัยวะใต้ผิวหนังในรูปสามมิติแบบเรียลไทม์
ฟังก์ชั่น AR ของฟิลิปส์มาพร้อมกับกล้องที่ทำงานร่วมกับการฉายรังสีบนร่างกายผู้รับการผ่าตัด แสดงภาพสามมิติความละเอียดสูงบนจอภาพ แพทย์สามารถวางตำแหน่งสกรู และน็อตในการผ่าตัดรักษาได้ตรงจุดและแม่นยำ
จากการศึกษาความเป็นไปได้ช่วงแรก โดยทดลองใช้เทคโนโลยีนี้กับศพ พบว่า เทคโนโลยีนี้ช่วยให้แพทย์ระบุตำแหน่งผ่าตัดถูกต้อง 85% เมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบแมนนวล แพทย์ระบุตำแหน่งได้ถูกต้องเพียง 64%
หลายๆ คนคงจะเคยลุกเข้าห้องน้ำตอนดึก และต้องคลำหาสวิตช์ไฟห้องน้ำตอนมืด ต่อไปนี้ชีวิตการเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนคงจะสะดวกขึ้นอีกเพราะ Philips ทำตัวเซนเซอร์ขนาดเล็กไร้สายขนาดสีเหลี่ยมจตุรัส สามารถวางไว้จุดไหนของบ้านก็ได้ และไฟในบ้านจะเปิดเมื่อเราเดินผ่านตัวเซนเซอร์นี้
Philips บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ของเนเธอร์แลนด์ ประกาศเปิดตัวชุดอุปกรณ์ wearables เพื่อการดูแลสุขภาพของตนเองอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้
ในชุดดังกล่าว ประกอบไปด้วยผลิตภัณฑ์จำนวนมาก อย่างเช่นนาฬิกาเพื่อสุขภาพที่ตรวจวัดการเต้นของหัวใจ การนอน กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน (เว็บไซต์ Wearable ระบุว่าเป็นแบบ medical-grade คือใช้งานทางการแพทย์ได้), ตัววัดอุณหภูมิอิเล็กทรอนิกส์ ที่สามารถตรวจจวัดร่างกายได้, ที่วัดความดันโลหิตอิเล็กทรอนิกส์, ที่ชั่งน้ำหนักซึ่งสามารถตรวจวัดปริมาณไขมันร่างกายได้ โดยอุปกรณ์ทั้งหมดทำงานผ่านแอพ HealthSuite Health companion
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อเดือนเมษายน Philips ออก SpeechAir เครื่องอัดเสียงจอสัมผัสพลัง Android สำหรับการใช้งานในองค์กร โดย SpeechAir เป็นเครื่องอัดเสียงที่หน้าตาคล้ายๆ มือถือ แต่มีกล้องหลัง เชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth ได้ พร้อมฟีเจอร์ขั้นสูงมากมาย
ล่าสุดทาง SIS Distribution ตัวแทนจำหน่ายสินค้าไอทีรายใหญ่ของไทย ประกาศนำ SpeechAir เข้ามาขายแล้ว โดยตั้งราคา 39,900 บาท รวมภาษีเรียบร้อยแล้ว ใครอยากลองเล่น "นวัตกรรม" ของเครื่องอัดเสียงก็ไปซื้อหากันได้ครับ (อย่าลืมรีวิวมาลง Blognone ด้วย)
หัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่เวลาอยู่ห่างลูกก็คงเป็นห่วงไม่น้อย อุปกรณ์อย่างพวกกล้องส่องลูกจึงบูมมากในช่วงหลัง ล่าสุด Philips โชว์นวัตกรรมกล้องที่จับจังหวะการหายใจ และการเต้นของหัวใจในวัตถุที่กล้องจับได้จากระยะไกล ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ Philips วัดสิ่งนี้ด้วยการตรวจจับออกซิเจนในกระแสเลือดครับ ซึ่งแม่นยำกว่าวิถีเดิมที่มีโอกาสคลาดเคลื่อนจากสีผิวหรือภาวะผู้ป่วยในช่วงเวลานั้นที่อาจตื่นเต้นเมื่อถูกตรวจ
แนวคิดนี้ยังอยู่ไม่ได้ผลิตออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ในตอนนี้ และอาจประยุกต์ไปใช้เชิงการแพทย์อื่นด้วยครับ
ที่มา - Engadget
TP Vision เปิดตัวทีวีแบรนด์ Philips (ปัจจุบัน Philips ไม่ได้ทำทีวีเองแล้ว ใช้วิธีไลเซนส์แบรนด์) โดยเป็นทีวีธรรมดา ไม่ใช่สมาร์ททีวีที่รัน Android แต่ก็รองรับโพรโทคอล Google Cast สามารถส่งคลิปจากมือถือ-แท็บเล็ตขึ้นบนจอได้ เหมือนกับการใช้ Chromecast
ทีวีรุ่นนี้เรียกว่า 6000 series Google Cast มีความละเอียด UHD 4K 3840x2160p มีทั้งหมด 4 ขนาดคือ 43/49/55/65 นิ้ว ทุกตัวมี Wi-Fi 802.11ac และมีตัวถอดรหัสวิดีโอ HEVC/VP9 ให้มาในตัว
สินค้าจะเริ่มขายในสหรัฐอเมริกาช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ ตัวถูกสุด 43 นิ้ว ราคา 649.99 ดอลลาร์ ถือว่าจับต้องได้สำหรับคนที่อยากได้ทีวี UHD แต่ไม่ต้องการฟังก์ชันของสมาร์ททีวี
Philips ออกอุปกรณ์ตัวใหม่หน้าตาคล้ายโทรศัพท์มือถือ แต่แท้จริงแล้วมันคือ "เครื่องอัดเสียง" ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android โดยใช้ชื่อสินค้าว่า SpeechAir
SpeechAir เป็นเครื่องอัดเสียงอัจฉริยะที่มีกล้องหลัง สามารถใช้อ่านบาร์โค้ดได้ด้วย ด้านความสามารถของการอัดเสียงมีไมโครโฟนถึง 3 ตัว อัดเสียงได้รอบทิศทาง, รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi และเชื่อมกับอุปกรณ์ Bluetooth อื่น (เช่น หูฟัง ลำโพง) ได้ด้วย อินเทอร์เฟซเป็นหน้าจอสัมผัส ความละเอียด 480x800 ใช้กระจก Gorilla Glass ป้องกันหน้าจอแตก, มีปุ่มด้านข้างอำนวยความสะดวกเวลาต้องอัดเสียงด้วยมือเดียว, แบตเตอรี่ขนาด 2700mAh ใช้งานอัดเสียงนาน 12 ชั่วโมง, ซีพียูเป็น Cortex-A9 ดูอัลคอร์, แรม 1GB, ความจุ 16GB ใช้ได้จริง 12GB
Philips เปิดตัว Hue Bridge ฮับสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านรุ่นใหม่ ใช้ชื่อว่า Philips Hue Bridge 2.0 เป็นฮับสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าอัจฉริยะในบ้าน โดยจะยังคงใช้งานกับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Philips Hue รุ่นเดิมได้
ฟีเจอร์ใหม่ของ Hue Bridge 2.0 ที่สำคัญคือรองรับระบบ HomeKit ของ Apple และสามารถสั่งงานผ่าน Siri ได้ เช่น สั่งเปิด/ปิดไฟ, สั่งเปลี่ยนสีไฟ, ลดแสงไฟเป็นเปอร์เซ็น, สั่งให้เปิดไฟตามบรรยากาศที่ตั้งไว้ในแอพ Hue โดย Hue Bridge ก็ยังคงสามารถทำงานกับแพลตฟอร์ม smart home อย่างอื่นได้ เช่น SmartThings, Staples Connect และ IFTTT
Philips เปิดตัวทีวีใหม่หลายรุ่นที่งาน IFA โดยส่วนใหญ่เป็นสมาร์ททีวีที่ใช้ Android TV
ทีวีรุ่นที่น่าสนใจคือ Philips AmbiLux UHD TV ทีวี 65 นิ้วความละเอียด 4K Ultra HD ความเจ๋งของมันอยู่ตรงที่ระบบฉายแสง Ambilight ด้วยไฟ LED ด้านหลังจอทีวี เป็นแสงสะท้อนไปยังกำแพงที่แขวนทีวีอยู่ด้วย แสงที่ฉายลงไปจะใช้ตำแหน่งและสีให้สอดคล้องกับภาพบนหน้าจอ ทำให้รู้สึกว่าภาพบนจอขยายออกไปบนกำแพงด้วย
ทีวีรุ่นนี้ยังมี Ambilight Music Mode ฉายไฟเต้นระบำตามเพลงที่เปิดผ่านทีวี สามารถใช้กับเพลงเป็นไฟล์จากไดรฟ์ USB, บริการสตรีมมิ่ง Spotify หรือจะเป็นช่องเพลงทางทีวีปกติก็ได้ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งโปรแกรมให้ใช้ร่วมกับหลอดไฟอัจฉริยะ Philips Hue ให้กระพริบไฟพร้อมกันได้ด้วย
บริษัท TP Vision ผู้ขายทีวีแบรนด์ Philips (แยกตัวออกมาจาก Philips โดย Philips ยังถือหุ้น 30%) เปิดตัวสมาร์ททีวีรุ่นใหม่ของปี 2015 ที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะใช้ระบบปฏิบัติการ Android TV
สมาร์ททีวีของ Philips จะเน้นการรับชมวิดีโอแบบสตรีมมิ่ง, เล่นเกม (จับมือเป็นพันธมิตรกับ Gameloft/EA) และวางตัวเป็นอุปกรณ์กลางของบ้านในยุคสมาร์ทโฮม บริษัทยังจะใช้สตอเรจเพิ่มเป็น 8-16GB เพื่อเก็บเนื้อหาได้มากขึ้น และถ้ายังไม่พอก็สามารถต่อฮาร์ดดิสก์ภายนอกได้เองผ่านพอร์ต USB
Philips เคยออกหลอดไฟอัจฉริยะ Hue ที่ควบคุมได้ผ่านสมาร์ทโฟน (รีวิว) มาก่อนแล้ว ปีนี้บริษัทเปิดตัวหลอดไฟรุ่นใหม่ Hue Go ที่พัฒนาขึ้นเพราะมันเป็น "หลอดไฟไร้สาย" สามารถพกพาไปได้ทุกที่
Hue Go สามารถควบคุมได้ผ่านแอพ Philips Hue ตัวเดิมบน iOS/Android หรือจะควบคุมผ่านปุ่มใต้หลอดไฟก็ได้ ตัวหลอดไฟสามารถเปลี่ยนสีได้ 5 สีตามต้องการ ส่วนแบตเตอรี่เป็น Li-ion แบบชาร์จได้ ทำงานได้ครั้งละ 3 ชั่วโมง
ราคาขาย 99.95 ยูโร (ประมาณ 3,500 บาท) ของเริ่มขายในยุโรปเดือนเมษายนนี้ ส่วนอเมริกาเหนือจะเริ่มขายเดือนมิถุนายน
นับว่า Philips เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ประกาศย้ายฐานจากระบบปฏิบัติการของตัวเองมาเป็น Android TV เมื่อ TP Vision บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สายทีวีของ Philips Electronics ประกาศว่าสมาร์ททีวีของ Philips ในปี 2015 ทุกรุ่นตั้งแต่ไลน์สมาร์ททีวี ไปจนถึงไลน์ 4K จะเปลี่ยนมาใช้ Android TV เป็นระบบปฏิบัติการหลักแทนระบบปฏิบัติการของตัวเอง ซึ่งก็จะเป็นครั้งแรกที่ Philips พา Android TV บุกตลาดยุโรปและละตินอเมริกาโดยสมบูรณ์
TP Vision ระบุเบื้องต้นว่า ความสามารถของ Android TV ของ Philips จะไม่แตกต่างจากของเจ้าอื่นๆ มากนัก แต่จะมีฟีเจอร์พิเศษ อย่างการเล่นเกมแบบสตรีมมิ่งผ่านบริการ OnLive เข้ามาโดยเฉพาะ
ทั้งนี้ TP Vision ยังไม่ประกาศรุ่นที่ใช้ Android TV และวันวางจำหน่ายแต่อย่างใดครับ
Royal Philips บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดัง ประกาศแยกบริษัทเป็นสองส่วน โดยจะยังใช้แบรนด์ Philips ทำตลาดด้วยกันทั้งคู่