เนื่องจากปัจจุบันกระแสการใช้ Facebook ในหมู่นักเรียนมากขึ้น และ Facebook ก็มีส่วนช่วยในการทำการบ้าน, ถามข้อสงสัย และวางแผนในการทำกิจกรรมต่าง ๆ Facebook ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญนี้ จึงทำการเปิดตัว groups for schools เพื่อให้นักเรียนเข้าถึงกันได้ง่ายขึ้น
โดยทาง Facebook จะให้พื้นที่ในการแชร์ต่อไฟล์หนึ่งจำนวน 25 MB ซึ่งสามารถแชร์ได้ทั้งรูปภาพ เอกสารต่าง ๆ ผ่าน Facebook รวมทั้งสามารถตั้งกลุ่มย่อย ๆ ได้อีกด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องยืนยันผ่านอีเมลที่มีโดเมน .edu Facebook จึงจะอนุญาตให้ทำกลุ่มนี้ได้
และทุกข้อมูลที่ได้โพสไว้ใน wall ของกลุ่มนี้ จะต้องเปิดให้ทุกคนสามารถเข้าสู่เนื้อหาได้ ซึ่งนี้ถือว่าเป็นการช่วยเผยแพร่ความรู้สู่ทุกคนด้วย
RIM ประกาศข่าวอัพเดตแอพ BBM และแอพตระกูล social network (ที่ RIM เป็นคนทำเอง) ยกชุด ส่วนใหญ่จะเน้นการเชื่อมโยงแอพต่างๆ ของตัวเองเข้ากับเครือข่ายและเพื่อนๆ ในระบบ BBM
เป็นการปรับเปลี่ยนหน้าตาครั้งใหญ่ โดยเมนูจะถูกย้ายไปไว้ด้านซ้าย แล้วจะสามารถจัดเรียงหรือเพิ่มลบเมนูได้, มีการเน้นตัวข้อความในส่วนของกระแสข้อมูลมากขึ้น, เน้นการใช้ hangout กับกลุ่มสนทนาสาธารณะมากขึ้น แล้วก็มีการเพิ่มเมนูบุกเบิก (explore) เข้ามาครับ
สรุปความแตกต่างหลักๆ ครับ:
หลังจากอีกดีลประวัติศาสตร์ Facebook ซื้อ Instagram ที่มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับ Instagram ที่มีอายุแค่ 2 ปี แต่สามารถขายกิจการได้มูลค่าสูงมากขนาดนี้ ก็เช่นเคยว่าในอีกด้านหนึ่ง กลุ่มผู้ใช้ Instagram บางส่วนได้ออกมาแสดงความไม่พอใจอีกครั้ง จากรอบที่แล้วเป็นประเด็น Instagram บน Android คราวนี้พวกเขาก็ไม่พอใจว่า Facebook จะเข้ามาทำลายความเป็นเครือข่ายสังคมพิเศษของ Instagram ไป
เว็บหลายแห่งได้รวบรวมการแสดงความคิดเห็นผ่าน Twitter ของเหล่าผู้ใช้ Instagram ในประเด็นดังกล่าวไว้ดังนี้
Mashable อ้างข้อมูลจากบริษัทวิจัยการตลาด Experian เผยเทรนด์การใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คในสหรัฐฯ พบว่าขั้วที่สามในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้นไม่ใช่ Google+ ที่กูเกิลดันหนักหนา แต่กลับเป็น Pinterest ที่มาแรงแซงโค้งไปอยู่อันดับสามต่อจาก Facebook และ Twitter ไปแล้ว
Experian อ้างข้อมูลจากยอดผู้ชมเว็บไซต์ในเดือนมีนาคม ซึ่งผลมีดังนี้
และอีกสองเจ้าที่ไม่เยอะเท่ากลุ่มด้านบนแต่หลายคนอาจอยากรู้อย่าง Instagram 10.2 ล้านครั้ง และ Foursquare 2.9 ล้านครั้ง
Avira ชุดรักษาความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ชื่อดังสัญชาติเยอรมันเข้าซื้อ SocialShield ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยผู้ปกครองในการตรวจสอบกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ของบุตรหลานของตน ซึ่งทาง Avira ได้ออกมากล่าวว่า การทำงานของ SocialShield นี้จะถูกรวมเข้าไปในเวอร์ชันฟรีของชุดรักษาความปลอดภัยของ Avira เพื่อครอบคลุมและสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้งานในทุกๆ ระดับ
คนที่ใช้ Google+ บน Android คงทราบกันดีว่าเราสามารถดึงข้อมูลเพื่อนๆ ใน circle เข้ามาแสดงในสมุดที่อยู่ของเราได้
วันนี้กูเกิลทำกลับกัน คือดึงข้อมูลจากสมุดที่อยู่ของเราใน Google Contacts (ที่ใช้ใน Gmail) มาแสดงในหน้า About ของบุคคลนั้นๆ ใน Google+ บ้าง
การดึงข้อมูลลักษณะนี้มาแสดงจะไม่เป็นปัญหาแบบเดียวกับ Facebook ที่อาจแสดงเบอร์โทรศัพท์ของผู้ใช้ เพราะกรณีของ Google+ นั้น ส่วนที่ดึงมาแสดงจะมาจากสมุดที่อยู่ของเราเอง (ที่มีข้อมูลของบุคคลนั้นๆ อยู่) ไม่ใช่ดึงมาจากข้อมูลส่วนตัวของบุคคลนั้นที่ไม่อนุญาตให้แสดงครับ
ฟีเจอร์เล็กๆ นี้อาจไม่สำคัญอะไรนักในแง่การใช้งาน แต่แสดงให้เห็นถึงยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงของกูเกิลที่เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่ปี 2010 ทาง Windows Live Team ได้ประกาศยกเลิกการเชื่อมต่อกับ Twitter ซึ่งล่าสุด ทาง Microsoft ก็ได้ส่งอีเมลไปยังผู้ใช้ต่าง ๆ ที่ได้เชื่อมโยงกับ MySpace ไว้ก่อนหน้านี้ ว่าจะค่อย ๆ ยกเลิกการเชื่อมต่อกับ MySpace
จากข่าว สมัครงานในสหรัฐฯ อาจจะต้องยอมให้รหัสผ่าน Facebook ตัวเองกับนายจ้าง มีคดีของคนที่เคยถูกไล่ออกเพราะไม่ยอมให้รหัสผ่าน Facebook มาแล้ว
คดีนี้เป็นของ Kimberly Hester ผู้ช่วยครูโรงเรียนประถมในรัฐมิชิแกน โดยเธอโพสต์ภาพถ่ายของกางเกงเพื่อนร่วมงาน (เข้าใจว่าเป็นผู้ชาย) รอบๆ ข้อเท้าของตัวเอง พร้อมข้อความบรรยาภาพว่า "Thinking of You" ทั้งหมดโพสต์นอกเวลางาน
ปฏิบัติการ +1 ของกูเกิลเริ่มจะแสดงผลของมันออกมาให้เห็นแล้วว่า มันคือการเก็บข้อมูลในเครือข่ายสังคม เพื่อช่วยเสริมผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของกูเกิล ที่ชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้น Search, plus Your World ที่เป็นประเด็นข่าวมาตั้งแต่ต้นปี
นับตั้งแต่เปิดตัว Timeline ในงาน Facebook F8 เมื่อปีที่แล้ว และได้มีประกาศว่าจะเปลี่ยนเป็น
คนที่เล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คหลายตัวบนมือถือคงรู้จักกับ Seesmic แอพสำหรับใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์คหลากหลายชนิดที่วันนี้ประกาศเปิดตัวรุ่น Pro ที่สามารถใช้ดูการอัพเดตของทุกโซเชียลเน็ตเวิร์ครวมไว้ในหน้าเดียวที่เรียกว่า Combined View
รุ่นฟรียังมีอยู่ต่อไป แต่จะมีโฆษณาแล้ว (เข้าใจว่าก่อนหน้านี้ไม่มี ?) และเพิ่มฟีเจอร์ให้เท่าๆ กับรุ่น Pro คือมีโลโก้ของแต่ละโซเชียลเน็ตเวิร์คสำหรับกันงง รวมถึงสามารถอัพโหลดรูปเข้า pic.twitter.com ได้
Seesmic Pro ตั้งราคาไว้ที่ 2.99 ดอลลาร์สหรัฐฯ และยังมีเฉพาะรุ่นแอนดรอยด์เท่านั้น สามารถดาวน์โหลดได้จาก Play Store
บารัค โอบามา ได้ชื่อว่าเน้นฐานเสียงบนโลกไซเบอร์อยู่แล้ว และที่ผ่านมาถ้าโซเชียลเน็ตเวิร์คไหนดังขึ้นมา ทีมงานของเขาก็ไม่พลาดจะไปปรากฏตัวอยู่บนนั้น
รายล่าสุดเป็น Pinterest เว็บปักหมุดสิ่งน่าสนใจที่กำลังมาแรง ซึ่งทีมงานของประธานาธิบดีโอบามาก็เปิดหน้าเพจ Barack Obama เพื่อหาเสียงเลือกตั้งปลายปีนี้เป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่แชร์เข้ามาก็คือภาพการหาเสียง ภาพครอบครัวของโอบามา นอกจากนี้ยังมี สินค้า อาหาร ของที่ระลึกลวดลายโอบามาอีกด้วย
ถือเป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของการใช้โซเชียลเน็ตเวิร์ค เพื่อการประชาสัมพันธ์ทางการเมืองครับ ไม่รู้มีนักการเมืองบ้านเราบุกไปแล้วหรือยัง?
เว็บไซต์ข่าวไอทีซาอุดีอาระเบีย Tech-WD รายงานข้อมูลว่ากูเกิลไปจัดงานสัมมนา G-Saudi Arabia ที่ซาอุฯ และมีการพูดถึงผลิตภัณฑ์หลายอย่างที่ยังไม่เปิดตัว
หนึ่งในนั้นคือระบบคอมเมนต์สำหรับแปะบนเว็บไซต์ต่างๆ ลักษณะเดียวกับ Disqus, Intense Debate รวมไปถึง Facebook Comments ด้วย
ตามข่าวบอกว่ามันจะเชื่อมกับบริการอื่นๆ ของกูเกิลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการทำดัชนีคอมเมนต์ลงใน Google Search ได้อีกด้วย ด้านการล็อกอินจะใช้ Google Account แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าจะเชื่อมกับ Google+ อย่างไร
นอกจากนี้ยังมีข่าวพูดถึง Google+ ว่าจะเริ่มมี vanity URL หรือการตั้งชื่อ URL ตามที่เราต้องการได้สักที
ผู้ใช้ Path ที่มีแฟนแล้วหรือกำลังจีบใครอยู่ อาจพิจารณาแอพตัวใหม่ Pair ซึ่งอธิบายง่ายๆ ว่ามันคือ Path เวอร์ชันสำหรับเราสองคน
Pair เป็นแอพสื่อสารระหว่างคู่รักเพียงสองคน ทำให้ไม่ต้องเกรงใจในเรื่องความเป็นส่วนตัวหรือสายตาของคนอื่นๆ มันสามารถแชร์ข้อมูลได้แทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ วิดีโอ ตำแหน่ง รวมถึงมีฟีเจอร์พิเศษสำหรับคู่รัก เช่น ปุ่มคิดถึง (thinking of you) หรือ ThumbKiss ซึ่งเป็นการแปะนิ้วโป้งบนหน้าจอในตำแหน่งเดียวกันแทนการจูบ (แปะแล้วมือถือจะสั่นทั้งสองฝ่าย)
จากประเด็นร้อน สมัครงานในสหรัฐฯ อาจจะต้องยอมให้รหัสผ่าน Facebook ตัวเองกับนายจ้าง ทาง Facebook ออกมาแสดงท่าทีแล้ว
Facebook ระบุว่าในเงื่อนไขการให้บริการของตัวเองเขียนไว้ชัดว่าห้ามมอบรหัสผ่านแก่ผู้อื่น และผู้ใช้บริการไม่ควรถูกบังคับให้ทำเช่นนั้น จุดยืนของ Facebook คือไม่เห็นด้วยที่นายจ้างจะขอรหัสผ่านหรือเข้าไปดูข้อมูลส่วนตัวของลูกจ้าง (และว่าที่ลูกจ้าง) และ Facebook ก็พร้อมจะทำทุกทางเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ซึ่งรวมไปถึงมาตรการทางกฎหมายด้วย
ที่มา - Facebook Privacy
Dave Morin ผู้ก่อตั้ง Path ไปพูดที่งาน PandoMonthly ที่ซานฟรานซิสโก โดยให้ข้อมูลว่าอัตราการเติบโตของผู้ใช้ Path ในเอเชียนั้นสูงกว่าสหรัฐที่เริ่มอิ่มตัวแล้ว ซึ่งยุทธศาสตร์ของ Path จากนี้ไปจะหันไปเน้นตลาดนอกสหรัฐมากขึ้น
ปัจจุบัน Path มีผู้ใช้อยู่ประมาณ 2 ล้านราย ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ใช้ในสหรัฐอยู่เยอะ
เส้นทางชีวิตของ Path น่าจะเดินตามรอย Facebook ที่โตจากสหรัฐและค่อยๆ ยึดครองตลาดเอเชียอย่างรวดเร็ว เอาชนะเครือข่ายสังคมท้องถิ่นได้ในหลายๆ ประเทศ อย่างไรก็ตาม Dave Morin ก็พูดชัดว่าจะไม่ทำ Path เวอร์ชัน BlackBerry (ซึ่งเป็นอุปกรณ์ยอดนิยมในเอเชียหลายประเทศ) แต่กำลังพัฒนาแอพเวอร์ชัน Windows Phone อยู่
หลายคนคงพอทราบว่าตลาดโซเชียลเน็ตเวิร์คนั้น เฟซบุ๊กยังไม่ได้กินรวบครบทุกประเทศ ยังมีบางประเทศที่ตีไม่เข้าอีกพอสมควร ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือประเทศญี่ปุ่นที่มีเจ้าตลาดเป็น Mixi ทำโดยคนในญี่ปุ่นด้วยกันเอง
ล่าสุดบริษัทย่อยของเฟซบุ๊กในโตเกียวได้ประกาศว่ามีตัวเลขผู้ใช้งานที่เข้าใช้งานอย่างน้อยหนึ่งครั้งในหนึ่งเดือน (active user) ออกมาแล้วที่ 10 ล้านคน ส่วนคู่แข่งอย่าง Mixi นั้นเคยเผยตัวเลขผู้ใช้งานรวมที่ประมาณ 26.2 ล้านคน ส่วนตัวเลข active user อยู่ที่ 15.2 ล้านคน จากเอกสารผลประกอบการไตรมาสสุดท้ายของปี 2011
ที่น่าสนใจคือเฟซบุ๊กในตอนนี้มีอัตราการเติบโตสูงกว่า Mixi ซึ่งถ้ายังเติบโตแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เฟซบุ๊กจะแซง Mixi ก่อนหมดปี 2012 นี้
เพิ่งมีข่าว TweetDeck รุ่นมือถือกำลังจะออกรุ่นใหม่ แต่สุดท้ายแล้วเป็น TweetDeck รุ่นเดสก์ท็อป (วินโดวส์/แมค/เว็บ/Chrome) ออกรุ่นใหม่ 1.3 ตัดหน้ามาก่อนแล้ว
ของใหม่ใน TweetDeck 1.3 ได้แก่
ปัญหาเรื้อรังอย่างหนึ่งของ Facebook สำหรับผู้ที่รักการถ่ายภาพ ก็คือภาพที่อัพโหลดขึ้น Facebook จะถูกบีบให้เข้ากับขนาดมาตรฐานที่กำหนดไว้ (ทั้งในแง่พิกเซลและคุณภาพของภาพ) แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว
Facebook ออกมาประกาศว่าตัวแสดงภาพแบบใหม่จะแสดงภาพที่ละเอียดที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ (บริษัทไม่ได้ให้ข้อมูลว่าความละเอียดสูงสุดเป็นเท่าไรกันแน่ แต่ Gizmodo บอกว่า 2048x2048) ซึ่งในหลายกรณี ขนาดของภาพจะเพิ่มจากเดิม 4 เท่าตัวเลยทีเดียว
นอกจากนี้ตัวแสดงภาพของ Facebook ยังจะเพิ่มปุ่มลูกศรเล็กๆ ที่มุมขวาบนของภาพ ที่กดแล้วสามารถแสดงภาพแบบเต็มหน้าจอได้ครับ
บังเอิญว่าผมได้แว้บไปชม Hi5 และก็พบว่ามันปรับปรุงเสร็จแล้ว แต่เห็นข่าวยังเงียบๆ อยู่เลยตัดสินใจเขียนข่าวนี้ขึ้นมาครับ
เริ่มแรกเมื่อผู้ใช้เข้าไปก็จะพบกับหน้าจอ Login แบบใหม่ ซึ่งเน้นความสะอาดตา ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่าการปรับปรุงแบบนี้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เมื่อเทียบกับแบบเก่าที่มีแต่ความรกรุงรัง แต่ดูเหมือนจะสายไปซักหน่อย สิ่งที่สร้างความแปลกใจให้ผมอย่างหนึ่งก็คือ ปุ่ม Login with Facebook ซึ่งผมคิดว่า สาเหตุที่ Hi5 นำ API ของ Facebook มาใช้ นั่นคือการประกาศยอมแพ้อย่างเป็นทางการในสมรภูมิเดิม และยังแสดงให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนไปของอดีตหนึ่งในยักษ์ใหญ่ แห่งวงการ Social Network
GigaOM ได้มีโอกาสพูดคุยกับ Dave Morin ซีอีโอของ Path เครือข่ายสังคมที่มีให้ใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เท่านั้น ซึ่ง Morin ได้ตอบข้อสงสัยหลายประการซึ่งน่าจะทำให้เข้าใจวิธีคิดที่อยู่เบื้องหลังเครือข่ายสังคมอย่าง Path มากขึ้นครับ
Morin บอกว่าใน Path จะไม่มีการใช้อัลกอริทึมใดๆ ในการเลือกข้อมูลมาแสดงที่หน้า feed ทุกข้อมูลจะถูกแสดงตามลำดับเวลา จากแนวคิดการแสดงข้อมูลแบบไม่มีการคัดกรองนี้ จึงทำให้ Path เลือกจำกัดจำนวนเพื่อนไว้เพียง 50 คนในช่วงแรกและ 150 คนในปัจจุบัน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ต่างจาก Facebook ซึ่ง Morin มองว่าผู้ใช้ Facebook ต้องการแบ่งปันเพื่อให้เข้าถึงคนวงกว้าง Path จึงทำในทางกลับกัน คือให้คนแบ่งปันข้อมูลที่สำคัญกับคนที่มีความสำคัญด้วยกันในจำนวนจำกัด 150 คนเท่านั้น
หลังจากมีการเปิดตัว partner เพิ่มเติมของ Timeline Apps 60 ราย ล่าสุดตอนนี้ ได้มี partner เพิ่มเติม นั่นคือ Nike, Foursquare, The Onion, Fandango, BandPage, Endomondo, RootMusic, Viddy และ VEVO
หลายคนอาจพอรู้จักกับ Posterous หรือบริการบล็อกที่เน้นความเรียบง่ายคู่แข่งหลักของ Tumblr ที่ช่วงหลังกระแสเริ่มซาไปบ้าง
ล่าสุด Twitter ได้ประกาศผ่านบล็อกอย่างเป็นทางการว่าได้เข้าซื้อ Posterous เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยการเข้าซื้อครั้งนี้เน้นไปที่บุคลากร และเทคโนโลยีเพื่อมาทำให้ Twitter นั้นดียิ่งขึ้นไป
สำหรับผู้ใช้ Posterous อยู่ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะ Posterous ยังคงให้บริการต่อไปโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยใครที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าซื้อครั้งนี้ ดูได้ที่ Acquisition FAQ ของทาง Posterous