Microsoft เดินหน้าขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ Surface ของตนเองด้วยการเปิดตัว Surface Laptop Go นับเป็นรุ่นเล็กของ Surface Laptop จับตลาดผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการประหยัดงบ รวมถึงเข้ามาแข่งกับ Chromebook ด้วย

Surface Laptop Go มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 12.4 นิ้ว ความละเอียด 1536x1024 พิกเซล อัตราส่วน 3:2 น้ำหนักเบาเพียง 1.1 กิโลกรัม และยังได้คีย์บอร์ดขนาดเต็ม ส่วนแบตเตอรี่เคลมว่าใช้งานทั่วไปได้ 13 ชั่วโมง

ใกล้ถึงรอบอัพเดตฮาร์ดแวร์ Surface ของไมโครซอฟท์ช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี (ปีที่แล้วมี Surface Pro 7, Surface Laptop 3, Surface Pro X และคู่หูจอพับ Surface Duo/Neo)

ล่าสุดมีข่าวลือว่า ไมโครซอฟท์จะออก Surface Laptop ตัวใหม่ แต่ไม่ใช่ Surface Laptop 4 กลายเป็นรุ่นราคาถูกคือ Surface Laptop Go ที่ใช้แบรนด์ "Go" ห้อยท้ายเหมือน Surface Go ที่เปิดตัวปี 2018 และออกรุ่นอัพเดตเป็น Surface Go 2 เมื่อกลางปีนี้

ไมโครซอฟท์ประเทศไทย ประกาศวางขาย Surface Pro 7 และ Surface Laptop 3 ในประเทศไทย โดยกรณีของ Surface Laptop 3 นำมาขายทั้งรุ่น 13.5 นิ้ว และ 15 นิ้ว โดยรุ่น 15 นิ้วนำมาขายทั้งรุ่นที่เป็น AMD (คอนซูเมอร์) และรุ่นอินเทล (ธุรกิจ)

สินค้าทั้งหมดเปิดให้จองตามร้านค้าปลีกและตัวแทนจำหน่ายต่างๆ แล้ว ของจะเริ่มขายจริงวันที่ 9 ธันวาคมนี้

Microsoft Surface Laptop 3 เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน ซึ่งสื่อต่างประเทศหลายรายเริ่มได้เครื่องไปทดสอบและออกรีวิวกันมาแล้ว โดยเครื่องที่ไมโครซอฟท์แจกให้ทดสอบเป็นรุ่นหน้าจอ 15” ขนาดใหม่ ใส่ซีพียู AMD Ryzen Surface Edition ที่ Microsoft ร่วมพัฒนาซีพียูด้วย เรามาดูกันว่าความเห็นจากสื่อต่างประเทศเป็นอย่างไรกันบ้าง

คนที่ดูงานแถลงข่าว Surface ของปี 2019 อาจเห็นซีนที่ Panos Panay "ถอด" ฝาคีย์บอร์ดของ Surface Laptop 3 โชว์บนเวที เพื่อแสดงให้เห็นว่ามันแกะซ่อมเองได้ง่ายขึ้นมาก

เรื่องนี้ถือเป็นพัฒนาการจาก Surface Laptop รุ่นแรกๆ ที่ได้คะแนนซ่อมง่ายจาก iFixit ระดับ 0/10 (ซ่อมเองไม่ได้เลย เพราะทุกอย่างติดกันด้วยกาว) และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของกระแส "อุปกรณ์ไอทีซ่อมเองได้" ที่หวนกลับมาอีกครั้ง

ถ้าจำกันได้ในงานเปิดตัว Microsoft Surface Laptop 3 รุ่น 15" สำหรับ Consumer มีแต่ซีพียู AMD Ryzen แต่มีคนไปค้นพบบนหน้าเว็บของไมโครซอฟท์ว่า ถ้าเป็น Surface for Business ที่ Microsoft จำหน่ายให้ลูกค้าองค์กร จะมีแต่ซีพียู Intel 10th Gen เท่านั้น ทั้งรุ่น 13.5" และ 15" ไม่มีรุ่น AMD ให้เลือก

ลูกค้าจะมีตัวเลือกเพียงว่าจะเอาซีพียู Intel เป็น Core i5-1035G7 หรือ i7-1065G7 ถ้าจะอัปเกรดแรม รุ่น 13.5" จะรองรับสูงสุดที่ 16GB ส่วนรุ่น 15" รองรับได้สูงสุดที่ 32GB

Microsoft เคลมว่า Surface Laptop 3 จะสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 11.5 ชั่วโมง กำหนดวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคมเป็นต้นไป

งานแถลงข่าว Surface ของไมโครซอฟท์เมื่อคืนนี้มีประเด็นน่าสนใจหลายอย่าง เช่น โน้ตบุ๊ก Surface Laptop 3 ที่ออกรุ่นหน้าจอ 15" เพิ่มเข้ามา โดยรุ่น 15" ใช้ซีพียู Ryzen รุ่นพิเศษจาก AMD

ชื่ออย่างเป็นทางการของชิป APU ตัวนี้คือ AMD Ryzen Microsoft Surface Edition ที่แบ่งออกเป็น 2 รุ่นย่อยคือ Ryzen 7 3780U และ Ryzen 5 3580U (แยกแยะได้ง่ายคือตัวเลขท้าย 80)

Microsoft เปิดตัวคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ของทางบริษัทในชื่อ Surface Laptop 3 โดยมีให้เลือกขนาด 13.5" กับ 15" เน้นความหรูหรา รองรับการชาร์จไวและแกะซ่อมแซมได้ง่าย เพียงแกะน็อตไม่กี่ตัวก็สามารถเข้าถึงด้านในเครื่องได้ทันที

สเปคของ Surface Laptop 3 มีดังนี้:

วันมะรืนนี้หรือวันที่ 2 ตุลาคมตามเวลาฝั่งสหรัฐอเมริกาจะมีงานเปิดตัวฮาร์ดแวร์ Surface ที่เมืองนิวยอร์ก ซึ่งก็คาดกันว่าจะมีฮาร์ดแวร์รุ่นใหม่เปิดตัวหลายอย่าง เช่น Surface Pro 7, Surface Laptop 3 และ Surface อีกรุ่นที่ลือว่าจะใช้ซีพียู ARM

วันนี้ @evleaks เจ้าพ่อข่าวหลุดก็ได้ปล่อยรูปของฮาร์ดแวร์ Surface รุ่นใหม่มาครบชุดกันเลย เริ่มที่ Surface Pro 7 ที่หน้าตายังคล้ายรุ่นเดิม แต่ความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือไมโครซอฟท์ได้ถอด mini DisplayPort ออกและแทนที่ด้วย USB-C เสียที รวมถึงพอร์ต Surface Connect ก็ยังอยู่เหมือนเดิม

ใกล้งานแถลงข่าว Surface วันที่ 2 ตุลาคม ก็มีข่าวลือของ Surface ทยอยออกมา

ข่าวรอบนี้เป็นของตัวโน้ตบุ๊ก Surface Laptop ที่รอบนี้จะนับรุ่นเป็น Surface Laptop 3 ซึ่งเว็บไซต์ WinFuture ของเยอรมนี ให้ข้อมูลว่าไมโครซอฟท์จะออก Surface Laptop ขนาดหน้าจอ 15" เพิ่มมาจากขนาดเดิม 13.5"

ข่าวนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก เพราะโน้ตบุ๊กถอดจอได้ Surface Book 2 ก็มีสองขนาดหน้าจอให้เลือกคือ 13.5" และ 15" เท่ากัน

ข้อมูลอย่างอื่นของ Surface Laptop 3 คือยังใช้สัดส่วนหน้าจอ 3:2 เหมือนเดิม, รองรับปากกา และตามข่าวก่อนหน้านี้คือใช้ซีพียู Core 10th Gen Ice Lake ของอินเทล

ไมโครซอฟท์ออกโฆษณา Surface Laptop 2 ตัวใหม่ โดยเนื้อหาเน้นเปรียบเทียบกับคุณสมบัติของ Surface Laptop กับ MacBook ของแอปเปิลกันแบบตรงกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว

หนังโฆษณาพาคนดูไปรู้จักกับชายคนหนึ่งชื่อว่า Mackenzie Book ซึ่งโฆษณาให้เรียกชื่อเขาสั้น ๆ ว่า นาย Mac Book จากนั้นเป็นการสอบถามเปรียบเทียบ Surface Laptop กับ MacBook ซึ่งเขาก็ให้ข้อมูลว่า Surface Laptop นั้น แบตเตอรี่อยู่ได้นานกว่า ทำงานเร็วกว่า แถมมีหน้าจอสัมผัสอีกด้วย

โฆษณาจบด้วยประโยคที่ว่า คุณควรเลือก Surface เชื่อเถอะผมคือ Mac Book (Trust me, I'm Mac Book.)

ที่มา: Business Insider

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว Surface Pro 6 และ Surface Laptop 2 ที่อัพเกรดซีพียูเป็น Intel Core 8th Gen ล่าสุดได้เปิดราคาอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของทั้งสองรุ่นออกมาแล้ว

Surface Pro 6 มีสเปกให้เลือกทั้งหมดสามแบบ ดังนี้

• Intel Core i5 / RAM 8GB / SSD 128GB ราคา 36,590 บาท
• Intel Core i5 / RAM 8GB / SSD 256GB ราคา 47,990 บาท
• Intel Core i7 / RAM 8GB / SSD 256GB ราคา 57,990 บาท

ไมโครซอฟท์ประกาศวันนี้ว่า Surface Laptop 2 จะเพิ่มตัวเลือกสีชมพูอีกหนึ่งสี โดยจะวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น ซึ่ง Panos Panay หัวหน้าฝ่าย Surface ได้ทวีตข้อมูลเพิ่มเติมว่า Surface Laptop 2 สีชมพูนี้มีการออกแบบขึ้นพิเศษโดย Quan ทีมงานของไมโครซอฟท์ที่อยู่ในภาพนั่นเอง

ตัวเลือกสีของ Surface Laptop 2 สำหรับประเทศอื่นนั้นมี Platinum, Burgundy, Cobalt Blue และ Black ซึ่งสินค้ามีกำหนดส่งมอบตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (16 ตุลาคม) เป็นต้นไป

Panos Panay หัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ ให้สัมภาษณ์กับ Mashable ในประเด็นที่หลายคนสงสัย ว่าทำไม Surface Pro 6 และ Surface Laptop 2 ถึงยังไม่มีพอร์ต USB-C

Panay บอกว่าพอร์ต USB-C ยังไม่พร้อมใช้งาน และยังมีความสับสนอยู่มากเรื่องสายชาร์จ เช่น เราไม่สามารถนำสายชาร์จ Android มาชาร์จ Surface ได้ แม้เป็นพอร์ต USB-C เหมือนกัน เขายังระบุว่าต้องการเก็บพอร์ตแบบเดิมไว้สำหรับลูกค้ากลุ่มองค์กร

อย่างไรก็ตาม Panay ระบุว่ายินดีจะใช้พอร์ต USB-C ในอนาคต เมื่อเวลาเหมาะสม ไมโครซอฟท์จะใส่มาแน่นอน

ถ้าใครติดตามข่าวหรือเคยใช้ Surface Pro มาก่อนคงจะทราบกันดีกว่า ไมโครซอฟท์จะติดตั้ง Windows รุ่น Pro มาให้กับเครื่องเสมอ ซึ่งสามารถรอบรับการใช้งานในองค์กรอย่างการเชื่อมต่อกับโดเมน รัน Hyper V บนเครื่องได้ แต่ล่าสุด Surface Pro 6 ที่ไมโครซอฟท์เพิ่งเปิดตัวไปกลับติดตั้งเพียง Windows 10 Home เท่านั้น

นอกจากระบบปฏิบัติการที่ต่างกันแล้ว Surface Pro 6 รุ่นผู้ใช้ตามบ้านกับรุ่นองค์กรจะต่างกันอีกจุดตรงที่ซีพียูในรุ่นองค์กรจะรองรับ Intel vPro ด้วย

อีกรุ่นที่ไมโครซอฟท์เปลี่ยนระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งมากับเครื่องก็คือ Surface Laptop 2 โดยแต่เดิม Surface Laptop รุ่นแรกจะมากับ Windows 10 S (Windows 10 ที่ถูกจำกัดไว้เพียงแอปที่ติดตั้งผ่าน Windows Store เท่านั้น) ซึ่งผู้ใช้สามารถอัพเกรดเป็น Windows 10 Pro ได้ฟรีในระยะเวลาจำกัด แต่ล่าสุด Surface Laptop 2 ซึ่งมากับ Windows 10 Home เลย จึงไม่ได้สิทธิ์อัพเกรดเป็น Windows 10 Pro อีก

การเปลี่ยนแปลงนี้ในมุมผู้ใช้ตามบ้านคงไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่สำหรับผู้ใช้ในองค์กรหรือผู้ที่ต้องการใช้ฟีเจอร์ของรุ่น Pro ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ เพราะถ้าต้องการ Windows 10 Pro ต้องเสียเงินอีก 100 ดอลลาร์

ที่มา: Digital Trends

เคียงคู่มากับ Surface Pro 6 ไมโครซอฟท์ประกาศอัพเกรดโน้ตบุ๊ก Surface Laptop 2 มาพร้อมกัน โดยเป็นการอัพเกรดแบบเดียวกันคือ ปรับสเปกซีพียู โดยยังคงหน้าตาภายนอกเหมือนเดิม และเพิ่มดีไซน์รุ่นสีดำเข้ามาให้เลือก

Surface Laptop 2 ใช้ซีพียู Core i5/i7 ที่เป็นควอดคอร์ 8th Gen และไมโครซอฟท์คุยว่าแรงขึ้นว่า Surface Laptop รุ่นแรกถึง 85% ส่วนสเปกอย่างอื่นเหมือนเดิมคือ หน้าจอ PixelSense 13.5" 2256x1504, แรม 8GB/16GB, สตอเรจเริ่มที่ 128GB, แบตเตอรี่อยู่ได้นาน 14.5 ชั่วโมง

พอร์ตเชื่อมต่อยังไม่มี USB-C เช่นกัน โดยมีพอร์ต USB 3.0 ขนาดเต็ม, Mini DisplayPort และ Surface Connect เหมือนของเดิม เพิ่มลำโพง OmniSonic ที่ให้คุณภาพเสียงดีขึ้น

ให้หลังการประกาศวางจำหน่าย Surface Book 2 เพิ่มเติมในหลายประเทศ วันนี้ไมโครซอฟท์ประเทศไทยประกาศการวางจำหน่ายในไทยแล้ว โดยนอกจาก Surface Book 2 แล้วยังพ่วง Surface Laptop มาด้วย ซึ่งจะเริ่มวางขาย 15 มีนาคมนี้และสามารถสั่งจองได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งผ่าน Banana IT, IT City, Power Buy และหน้าเว็บไมโครซอฟท์

ไมโครซอฟท์ออกรุ่นย่อยของ Surface Book 2 และ Surface Laptop มาแบบเงียบๆ โดยตั้งราคาให้เข้าถึงได้มากกว่าเดิม

Surface Book 2 รุ่นย่อยใหม่ถือเป็นรุ่นถูกที่สุด ราคา 1,199 ดอลลาร์ ถูกกว่ารุ่นล่างสุดเดิมที่ตั้งราคา 1,499 ดอลลาร์ (ลดลงมา 300 ดอลลาร์) สเปกคือ Core i5 (7th Gen), แรม 8GB, สตอเรจ 128GB

Surface Laptop รุ่นย่อยใหม่ ตั้งราคา 799 ดอลลาร์ ถูกกว่ารุ่นล่างเดิมที่ตั้งราคา 999 ดอลลาร์ (ลดลงมา 200 ดอลลาร์) ได้ Core m3, แรม 4GB, สตอเรจ 128GB

ที่มา - ZDNet

ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์เคยระบุว่าผู้ใช้ Surface Laptop ที่มาพร้อมกับ Windows 10 S สามารถอัพเกรดเป็น Windows 10 Pro ได้ฟรีจนถึงสิ้นปีนี้ และเมื่ออัพเกรดเป็น Pro แล้วจะไม่สามารถกลับไปเป็น S ได้อีก

แต่ล่าสุดดูเหมือนไมโครซอฟท์เปลี่ยนใจ เปิดให้ผู้ใช้ Surface Laptop สามารถกลับไปใช้ Windows 10 S ได้ เพียงแต่กระบวนการจะยุ่งยากสักหน่อยคือต้องไปดาวน์โหลดอิมเมจมา recovery ระบบใหม่ทั้งหมด นั่นแปลว่าข้อมูลในเครื่องก็จะหายไปด้วย

เหตุผลในการกลับไปใช้ Windows 10 S อาจมีทั้งเรื่องความปลอดภัย หรือข้อกำหนดขององค์กรที่จำเป็นต้องให้ใช้ Windows 10 S ที่ลงแอพเองนอก Store ไม่ได้

ในโอกาสที่ Surface Laptop และ Surface Pro ตัวใหม่เริ่มวางขาย เว็บไซต์ iFixit ก็ลองแกะและให้คะแนนการซ่อมง่ายระดับ 0/10 (ซ่อมเองไม่ได้เลย)

Surface Laptop รับคะแนน 0/10 เพราะทุกอย่างถูกเชื่อมต่อกันด้วยกาว ไม่สามารถแกะโดยไม่ทำอุปกรณ์เสียหาย ส่วนฮาร์ดแวร์ภายในก็เชื่อมบนบอร์ดฝังแน่น แบตเตอรี่ถอดเปลี่ยนยาก และไม่รู้จะเป็นอย่างไรถ้าแบตเสื่อมในอนาคต โดย iFixit สรุปว่าถ้าให้คะแนน -1/10 ได้ก็ทำไปแล้ว

เมื่อวานนี้ไมโครซอฟท์ประกาศขยายการวางจำหน่าย Surface Laptop และ Surface Studio เพิ่มเติมในหลายประเทศ โดยในส่วนของ Laptop นั้นจะวางจำหน่ายเพิ่มเติมในออสเตรเลีย, ออสเตรีย, แคนาดา, จีน, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, ไอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์, ไต้หวันและสหราชอาณาจักร

ส่วน Surface Studio วางจำหน่ายเพิ่มในออสเตรีย, จีน, เดนมาร์ก, ฟินแลนด์, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, สวีเดน, สวิตเซอร์แลนด์และสหราชอาณาจักร

หลังจากไมโครซอฟท์ออก Windows 10 S ก็มีความสับสนมากพอสมควร ล่าสุด Yusuf Mehdi ผู้บริหารของไมโครซอฟท์ให้สัมภาษณ์กับ TechCrunch อธิบายข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้

Mehdi อธิบายว่า Windows 10 S ออกแบบมาสำหรับตลาดการศึกษา โดยจะแข่งกับ Chromebook ในตลาดล่าง (ประถม-มัธยม เครื่องราคาเริ่มต้น 189 ดอลลาร์) และ MacBook ในตลาดอุดมศึกษา (ด้วย Surface Laptop ที่ราคาแพงขึ้น)

แต่นอกจากตลาดการศึกษาแล้ว ไมโครซอฟท์ยังมองว่า Windows 10 S ตอบโจทย์ธุรกิจ SME ที่ไม่มีแผนกไอทีซัพพอร์ตของตัวเอง เพราะ Windows 10 S มีจุดขายเรื่องความปลอดภัยและลดภาระในการดูแล

หลังจากช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ไมโครซอฟท์เปิดตัว Surface Laptop ซึ่งก็สร้างกระแสความสนใจในวงกว้างได้อยู่ไม่น้อย วันนี้ในงาน Build 2017 ที่ผมได้รับเชิญมาร่วมงาน มีโอกาสได้ลองจับลองเล่น Surface Laptop ที่ทางไมโครซอฟท์เอามาวางโชว์ภายในงาน เลยเก็บมาฝากกันเล็กๆ น้อยๆ ครับ

หลังไมโครซอฟท์หันมาทำฮาร์ดแวร์ด้วยตัวเอง โดยเฉพาะ Surface Book หนึ่งในจุดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดของผลิตภัณฑ์คือความสวยงามของตัวเครื่องที่ค่อนข้างโดดเด่นและสะดุดตาจากวัสดุ ซึ่งจุดเด่นตรงนี้ยังคงอยู่ใน Surface Laptop เสริมด้วยสีที่มีให้เลือกเพิ่มเข้ามาจาก Surface Book ที่ส่วนตัวรู้สึกว่าช่วยให้ตัวเครื่องโดดเด่นมากขึ้น ไม่รวมความบางและเบาของตัวเครื่อง

ตามข่าวลือที่รายงานไปก่อนหน้า วันนี้ไมโครซอฟท์เปิดตัว Surface Laptop อย่างเป็นทางการแล้ว มากับ Windows 10 S ซึ่งสามารถอัพเกรดเป็น Windows 10 Pro ได้เองแบบจ่ายเงินเพิ่ม (อัพเดต: อัพเกรดเป็น Windows 10 Pro ได้ฟรีถึงสิ้นปี ที่มา)

Surface Laptop มีตัวเครื่องให้เลือก 4 สีคือ platinum, burgundy, cobalt blue, และ graphite gold หนัก 3 ปอนด์ (ประมาณ 1.3 กิโลกรัม) มากับหน้าจอขนาด 13.5 นิ้วในชื่อ PixelSense Display สัดส่วน 3:2 ที่ความละเอียด 3.4 ล้านพิกเซล (2256×1504 พิกเซล) ที่เคลมว่าบางที่สุด รองรับระบบสัมผัสและใช้กับ Surface Pen ได้ คีย์บอร์ดบุด้วยวัสดุ Alcantara มีพอร์ต USB, DisplayPort และหัวชาร์จของ Surface

ด้านสเปก มีซีพียู Intel Core i5 และ i7 ให้เลือก กับ SSD แบบ PCIe ความจุสูงสุด 1TB ซึ่งไมโครซอฟท์บอกเองว่าแรงกว่า MacBook Pro ตัว Core i7 แบตเตอรี่เคลมว่าอยู่ได้ 14.5 ชั่วโมง อยู่ได้นานกว่า MacBook Air ราคาตัว Core i5 เริ่มต้นที่ 999 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 34,500 บาท) เปิดให้พรีออเดอร์แล้ววันนี้ และมีจำหน่ายวันที่ 15 มิถุนายนปีนี้

พรุ่งนี้ไมโครซอฟท์จะมีงาน #MicrosoftEDU แต่วันนี้มีข่าวของแล็ปท็อปรุ่นใหม่ของค่ายอย่าง Surface Laptop ที่ว่ากันว่าจะมาต่อกรกับ Chromebook

ผู้ใช้ทวิตเตอร์ @h0x0d ปล่อยภาพของแล็ปท็อปเครื่องนี้พร้อมเผยสเปคว่าเป็นแล็ปท็อปจอ 13.5" PixelSense Display มี 4 สี ส่วนของคีย์บอร์ดกรุด้วยวัสดุ Alcantara รูปแบบเดียวกับปุ่มของ Surface ปกติ และมากับ Windows 10 "S" (กำลังสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติม) และมีพอร์ตเชื่อมต่อน้อยนิดตามความบาง