จากกรณี AIS หยุดถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกบน AIS Play และ Playbox ล่าสุด TrueVision ได้มีการชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว พร้อมสาเหตุการยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

TrueVision ระบุว่าตามที่ AIS ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ผ่านแอพ AIS Play โดยไม่ได้รับสิทธิ์ จึงจำเป็นต้องดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพื่อให้ AIS ยุติการถ่ายทอดสด ตามข้อกำหนดของ FIFA

AIS ประกาศหยุดถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ผ่านกล่อง Playbox และแอพ AIS Play หลัง TrueVisions ยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญา และการค้าระหว่างประเทศกลาง และศาลสั่งให้ AIS ต้องยุติการถ่ายทอดสด

การเปลี่ยนแปลงจะมีผลในเวลา 17.00 น. ของวันที่ 28 มิถุนายน 2018 (วันนี้)

Official Line ของทรูวิชั่นส์ ประกาศให้ทราบว่าในวันที่ 26 เมษายน ตั้งแต่เวลา 00:01-10:00 จะเรียงลำดับช่องทีวีดิจิตอลตามที่ กสท. กำหนดไว้ ส่งผลให้ช่วงเวลาดังกล่าวไม่สามารถชมรายการได้

คงเป็นการเปลี่ยนแปลง หลังจากที่ กสท. เตรียมพิจารณาเงื่อนไขเช็คบิล "ทรูวิชันส์" หลังยังไม่เรียงช่อง+ย้ายช่องทีวีดิจิทัลออกจากช่อง 1-10

หลังจาก ทรูวิชันส์ขัดขืนไม่ยอมเรียงช่องใหม่ ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัท ทรูวิชันส์ กรุ๊ป จำกัด ได้ทำหนังสือแจ้งต่อคณะกรรมการ กสท. โดยยินยอมที่จะทำตามประกาศของทาง กสทช. แต่ทางทรูวิชันส์ จะไม่ได้ดำเนินการเรียงช่องตามประกาศ กสทช. ในทันที บริษัทจะเป็นคนแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

ทางฝั่ง กสทช. ได้สั่งปรับตามคำสั่งทางปกครอง วันละ 20,000 บาท (ในกรณีขัดคำสั่งตาม ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์) ปรับ 1 ล้านบาทและวันละ 50,000 บาท (ตามกฎ Must Carry) ค่าปรับจะเพิ่มสูงขึ้นหากยังฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง

ในที่ประชุมคณะกรรมการ กสท. วันนี้ ได้มีมติสั่งปรับ บริษัท ทรูวิชันส์ กรุ๊ป จำกัด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากยืนกรานไม่เรียงช่องและปล่อยให้ช่องทีวีดิจิทัลอยู่ช่อง 1-10 ตามเดิม

โทษปรับในครั้งนี้จะแยกออกเป็นทั้งหมดสองกรณี ได้แก่ กรณีขัดคำสั่งตาม ประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การจัดลำดับบริการโทรทัศน์ โดยให้มีโทษปรับวันละ 20,000 บาท นับตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2559 จนถึงวันที่จัดเรียงช่องสำเร็จ หากครบกำหนด 30 วันนับตั้งแต่วันที่ส่งหนังสือแจ้ง จะพิจารณาโทษปรับทางปกครองที่สูงขึ้นต่อไป เช่นอาจจะเพิ่มค่าปรับ หรือสั่งพักใช้ใบอนุญาต

หลังจากที่มีข่าวว่า กสท. ลงมติให้ กสทช. พิจารณาเงื่อนไขในการ "เช็คบิล" กับ "ทรูวิชันส์" หลังตรวจสอบและพบว่าทรูวิชันส์ยังเป็นรายเดียวที่ไม่มีการปรับเรียงช่องตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่มติของ กสท. ในครั้งนั้น ก็สร้างความแปลกใจให้กับผู้ที่ติดตามข่าวสารในเรื่องของวันเวลาที่กำหนดกันพอสมควร ล่าสุดก็เลยมีการชี้แจงจากคุณสุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสท. ในเรื่องนี้ออกมาแล้ว

โดยคุณสุภิญญากล่าวว่า ประเด็นที่ทรูวิชันส์ยังคงขัดประกาศ กสทช. นั้น คาบเกี่ยวอยู่ด้วยกันทั้งหมดสองประเด็นดังต่อไปนี้

หลังจากที่ประกาศบังคับเรียงช่องตรงกันทุกแพลตฟอร์ม เริ่มมีผลทางปกครองตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ล่าสุดมีรายงานว่า คณะกรรมการ กสท. ได้ลงมติให้ กสทช. ไปดำเนินการศึกษารายละเอียด เพื่อกำหนดบทลงโทษให้กับผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง กสทช. อย่างชัดเจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยให้ยื่นแนวทางเพื่อทำการพิจารณาในที่ประชุม คณะกรรมการ กสท. ครั้งถัดไป

โดยเมื่อประกาศถูกบังคับใช้ ก็จะมีผลโดยตรงกับ บริษัท ทรูวิชันส์ กรุ๊ป จำกัด ในทันที เนื่องจากทรูวิชันส์ ยังเป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ยังไม่มีการเรียงช่องใหม่นับตั้งแต่ประกาศนี้ถูกบังคับใช้ ในขณะที่แพลตฟอร์มอื่นๆ ได้จัดการให้เสร็จสิ้นตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมาแล้ว

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎเรียงช่องทีวีดิจิทัลบนแพลตฟอร์มทีวีดาวเทียมและเคเบิลที่ให้ผู้ให้บริการต้องเรียงช่องให้ตรงกับเลขช่องที่แต่ละช่องประมูลมานั้นมีผลใช้บังคับ แต่ปัญหาก็ไม่ได้จบเพียงแค่นั้น เมื่อกลุ่มผู้ประกอบการเคเบิลทีวีและทีวีดาวเทียมหลายราย และ บริษัท บิ๊กโฟร์ แซทเทลไลท์ กรุ๊ป จำกัด ได้เข้ายื่นฟ้องสำนักงาน กสทช. เพื่อขอให้เพิกถอนประกาศนี้เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการให้บริการตามที่ เจริญ เคเบิลทีวี เคยเรียกร้องมาแล้วรอบหนึ่ง

ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 มีรายได้รวม 28,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน มีกำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสดก่อนตัดค่าเสื่อม (EBITDA) 5,470 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.9% และมีกำไรสุทธิ 1,316 ล้านบาท ดีกว่าปีก่อนที่ขาดทุน โดยไตรมาสนี้ทรูได้โอนเสาโทรคมนาคมให้กองทุน TRUEIF เพิ่มอีก 1,012 ต้น

สำหรับผลการดำเนินงานแยกตามส่วนธุรกิจ มีดังนี้

ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 4 ของปี 2557 มีรายได้รวม 33,376 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 26.2% หากเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2557 โดยมีกำไรสุทธิ 1,919 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าปีก่อนที่ขาดทุน

ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลการดำเนินประจำไตรมาสที่ 3 ของปี 2557 โดยมีรายได้รวม 26,448 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อน เพิ่มขึ้น 8.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สองของปีนี้ มีกำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสด (EBITDA) 5,123 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.9% แต่สุทธิแล้วยังคงขาดทุน 2,640 ล้านบาท อันเป็นผลจากการร่นระยะเวลาตัดค่าเสื่อมของสินทรัพย์โครงข่าย 2G

ผลการดำเนินงานแยกตาม 3 ส่วนธุรกิจหลักของทรูเป็นดังนี้

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรู รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2557 มีรายได้รวมทั้งหมด 24,308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% จากไตรมาสเดียวกันในปี 2556 มีกำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสด (EBITDA) 4,719 ล้านบาท แต่กลับมาขาดทุนสุทธิ 1,708 ล้านบาท จากที่ไตรมาสก่อนหน้านี้มีกำไร ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากการเร่งบันทึกค่าเสื่อมเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์โครงข่าย 2G และบริษัทไม่มีรายได้พิเศษจากการขายกองทุนเหมือนไตรมาสแรก

ผลการดำเนินงานแยกตาม 3 ส่วนธุรกิจหลักของทรูเป็นดังนี้

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่มทรู รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ของปี 2557 มีรายได้รวม 25,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2556 มีกำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสด (EBITDA) 4,742 ล้านบาท ขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 750 ล้านบาท แต่สุทธิแล้วมีกำไร 3,835 ล้านบาท ขณะที่ปีก่อนขาดทุน

ปัจจัยหลักที่ทำให้ทรูพลิกกลับมามีกำไรนั้นมาจากการคำนวณมูลค่าเงินลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท โดยใช้วิธีหาราคายุติธรรมตามมาตรฐานบัญชี ซึ่งปรากฏว่าเงินลงทุนส่วนนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและสามารถรับรู้เป็นกำไรได้ 5,314 ล้านบาท

ผลการดำเนินงานแยกตาม 3 ส่วนธุรกิจหลักของทรูเป็นดังนี้

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือทรู รายงานผลประกอบการประจำปี 2556 มีรายได้รวม 96,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับปี 2555 โดยขาดทุนจากการดำเนินงานปกติ 13,209 ล้านบาท มีสาเหตุหลักจากค่าเสื่อมราคา กับดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น และขาดทุนสุทธิ 9,063 ล้านบาท แม้มีการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์โครงข่าย 2G เข้ามา 2,056 ล้านบาท แต่บริษัทก็ได้กำไรจากการขายสินทรัพย์และสิทธิรายได้จากกองทุนโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ทรูโกรท 6,335 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานแยกตาม 3 ส่วนธุรกิจหลักของทรูเป็นดังนี้

ความหวังใหม่กับ HDTV ในประเทศไทยมาแล้วครับ เมื่อทาง TrueVisions ได้ทำการเปิดตัวช่อง HD บ้างแล้วสำหรับช่องกีฬา TrueSport HD และช่องภาพยนตร์ HBO HD

เมื่อเช้านี้ที่บ้านผมได้รับหนังสือ TrueVisions TV Guide มา ผมก็ส่งต่อเข้าบ้านแบบไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่มาตอนเย็นเหลือบไปเห็นหน้าปกที่เขียน HD ตัวเป้งๆ ไว้ก็เลยหยิบมาอ่านแล้วบอกต่อครับ

บนหน้าปกเขียนไว้ว่า High Definition Channels First Time in Thailand! ซึ่งผมก็ไม่มั่นใจเท่าไหร่เพราะได้ข่าวว่าก่อนหน้านี้ทาง Modernine ได้เปิดผ่านทางดาวเทียมไปแล้วก็ไม่ได้สนใจอะไร

สำหรับหลาย ๆ คนที่ได้รอคอยบริการ PVR ที่คล้าย ๆ กับบริการของ TiVo มานาน ข่าวดี ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ทรูวิชั่นส์ได้เปิดบริการ True Visions PVR อย่างเป็นทางการแล้ว

โดยบริการเฉพาะสมาชิกทรูวิชั่นส์เท่านั้น โดยผู้สนใจจะต้องทำการซื้ออุปกรณ์รับสัญญาณใหม่ในราคา 14,990 บาท โดยความแตกต่างของอุปกรณ์ตัวนี้กับเครื่องรับสัญญาณทั่วไปหลัก ๆ ได้แก่ ความสามารถในการจัดเก็บและบันทึกวีดีโอที่ออกอากาศ, Live Recording, บริการข้อมูลต่าง ๆ เช่น ข่าว ผลฟุตบอล ฯลฯ

โดยทางทรูวิชั่นส์จะทำการเก็บค่าบริการ PVR แยกจากราคาอุปกรณ์รับสัญญาณ PVR นี้อีกต่างหากเป็นรายเดือน

สำหรับใครที่สนใจ สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ True Visions PVR