หลังจากข่าวการทะเลาะเบาะแว้งเล็กน้อยของวงการผู้ผลิตทั้งหลาย ในประเด็น USB 3.0 และข่าวลือว่าอินเทลจะปันใจจาก USB 3.0 ไปยัง Light Peak ที่ผมเองเชื่อว่าไม่จริง แต่ปรากฏว่าชิปเซ็ตรุ่นใหม่ๆ ของอินเทลไม่มีการพูดถึง USB 3.0 อีกเลยนับแต่ออกมาตรฐานมากว่าหนึ่งปี ข่าวสุดท้ายที่มีลือออกมาคืออินเทลจะรอจนถึงปี 2011 กว่าจะเริ่มรองรับ USB 3.0 ในชิปเซ็ตของตัวเอง แต่ความต้องการของผู้บริโภคยังคงชัดเจนว่า ผู้ใช้จำนวนมากต้องการ USB ที่เร็วขึ้
เว็บไซต์ EETimes* ได้รายงานว่า อินเทลได้ "เลื่อน" แผนการรองรับยูเอสบี 3.0 ออกไปอีกสองปีข้างหน้า ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตเมนบอร์ดและอุปกรณ์ทั้งหลายต้องเลื่อนแผนการใช้ยูเอสบี 3.0 ในอุปกรณ์ของตนออกไปด้วย เนื่องจากราคาชิปคอนโทรลเลอร์ของ third-party สูงอาจไม่คุ้มค่าแก่การลงทุน
ทางอินเทลได้ตอบทาง Gizmodo ว่าตอนนี้ไม่มีสัญญาณใดที่บอกว่าการรองรับยูเอสบี 3.0 จะล่าช้า แต่เขาก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมมากกว่านั้น
ชิงตัดหน้ายักษ์ใหญ่ของวงการฮาร์ดดิสก์ไปเรียบร้อย สำหรับ Freecom ที่ประกาศเปิดตัว external drive ที่ใช้การเชื่อมต่อ USB 3.0 เป็นเจ้าแรกของโลก โดยใช้ชื่อรุ่นว่า Hard Drive XS 3.0 มีด้วยกัน 3 ขนาดคือ 1TB, 1.5TB และ 2TB สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 119 ยูโรหรือประมาณ 6,000 บาท
ในด้านของความเร็วของการโอนถ่ายข้อมูล สามารถทำได้ถึง 130MB/วินาที (สูงสุดตามทฤษฎีคือ 500MB/วินาที) เท่ากับการย้ายหนังขนาด 5GB จะใช้เวลาเพียง 38 วินาทีเท่านั้นเอง
The USB Implementers Forum (USB-IF) หรือกลุ่มผู้ประกอบการและใช้งาน USB ได้ส่งเอกสารชี้แจงว่าแอปเปิลสามารถที่จะบล็อคไม่ให้ Palm Pre สามารถเชื่อมต่อกับ iTunes ได้ และยังได้ส่งจดหมายเตือน Palm ว่าการทำแบบนี้ถือว่าเป็นการละเมิดนโยบายของกลุ่ม
โดย USB-IF เป็นผู้รับผิดชอบในการให้ Hardware Vendor ID กับสินค้าของแอปเปิลเพื่อที่จะใช้ในการเชื่อมต่อกับ iTunes ได้ผ่าน USB โดยวิธีที่ Palm ใช้นั้นคือการเปลี่ยน Vendor ID ของตัวเองเมื่อเชื่อมต่อกับ iTunes ให้เหมือนกับสินค้าของแอปเปิล วิธีนี้ทำให้ iTunes คิดว่ากำลังติดต่อกับอุปกรณ์ของแอปเปิล แต่เมื่ออัพเดทมาใช้ iTunes 9 แล้วจะพบว่าวิธีนี้ใช้งานไม่ได้อีกต่อไป
ก่อนหน้านี้มีหลายๆ ข่าวได้กล่าวถึงมาตรฐานพอร์ตเชื่อมต่อ USB 3.0 มากันเยอะ ถึงวันนี้อุปกรณ์ USB 3.0 ตัวแรกที่ได้รับการรับรองโลโก้ SuperSpeed USB ก็เผยโฉมแล้วครับ โดยอุปกรณ์ตัวที่ว่าคือ ชิป xHCI host controller ของ NEC นั่นเอง โอกาสที่ผู้ใช้อย่างเราจะได้ใช้ของจริงก็งวดเข้ามาทุกทีแล้ว
หลังจากที่มีเปิดเผยข้อมูลของ USB 3.0 มาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมานั้นก็มีข่าวความก้าวหน้าของ USB 3.0 มาเรื่อยๆ ไล่ตั้งแต่ การเปิดเผยสเปค การผลิตชิพควบคุม รวมไปถึงไดรเวอร์ที่รองรับ
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา บริษัทของไต้หวันได้ออกมาคาดการณ์ว่า อุปกรณ์ชิ้นแรกที่จะมาพร้อมกับ USB 3.0 ที่กำลังผลิตอยู่ น่าจะวางขายในช่วงปลายปีนี้ หรือไม่แน่อาจจะเลื่อนไปเป็นช่วงต้นปีหน้าแทน
ซึ่งพอคิดไปคิดมาแล้วพบว่า ปลายปีที่จะถึงนี่ถือว่าเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยีเลยทีเดียว
ที่มา : Gizmodo
มาตรฐาน USB 3.0 นั้นปล่อยออกมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ส่วนฮาร์ดแวร์นั้นก็เริ่มมีผู้ผลิตส่งชิปออกมาในตลาดกันหลายราย แม้จะยังไม่มีสินค้าเป็นชิ้นๆ ออกมาให้เราซื้อหากันก็ตามที แต่ไดร์เวอร์ xHCI ก็ได้ถูกส่งเป็นแพตซ์เข้าไปยังลินุกซ์แล้ว โดยคาดว่าไดรเวอร์นี้จะถูกรวมกับลินุกซ์ในรุ่น 2.6.31 ทำให้ลินุกซ์จะเป็นระบบปฎิบัติการตัวแรกที่รองรับ xHCI หรือ USB 3.0 นี้
สำหรับรอบการปล่อยเคอร์เนลนั้นลินุกซ์รุ่น 2.6.30 เพิ่งจะถูกปล่อยออกมาในวันนี้ โดยมีการพัฒนาเป็นรุ่น Release Candidate ทั้งหมด 8 รุ่นและใช้เวลาประมาณ 3 เดือนในการพัฒนา ซึ่งรุ่น 2.6.31 นั้นก็น่าจะมาให้เราเห็นกันทันปีนี้
จากงาน CES 2009 อินเทลได้เริ่มพูดถึงสถานะของ SuperSpeed USB หรือ USB 3.0 และพูดถึงความเร็วของมันว่ามันเร็วขนาดไหน
สำหรับตัว SuperSpeed USB นั้นจะมีความเร็วที่เพิ่มขึ้นอีกมากถึง 10 เท่าจาก USB 2.0 หากเทียบความเร็วในการย้ายไฟล์หนัง HD ขนาด 25GB จะใช้เวลาเพียงแค่ 70 วินาทีจากปัจจุบันบน USB 2.0 ที่ใช้เวลาประมาณ 14 นาที
ย้ายไฟลหนัง HD ขนาด 25GB:
ที่มา - C|net
หลังจากมีเรื่องกันไปพักใหญ่ๆ สเปคของ USB 3.0 ที่จะมีความเร็วถึง 4.8 กิกะบิตต่อวินาทีก็เปิดให้สมาชิกของ USB 3.0 Promoter Group เข้าดาวน์โหลดกันได้แล้ว โดยเอกสารจะมีสัญญาอนุญาตแบบ RAND-Z ที่ไม่มีค่าใช้จ่ายในการขอเอกสารแต่ต้องลงนามในข้อตกลงที่กำหนดไว้
บริษัทที่ประกาศตัวว่าจะร่วมพัฒนาสินค้าในมาตรฐาน USB 3.0 นี้เป็นทางการแล้วสี่บริษัทคือ เดลล์, เอเอ็มดี, NEC, และไมโครซอฟท์ เป็นอันว่าข่าวการแตกสเปคก่อนหน้านี้ของทางเอเอ็มดีเป็นอันตกไป
IEEE ได้ทำการรับรอง IEEE 1394 แล้ว หรือที่รู้จักกันในนาม Firewire โดยมาตราฐานนี้ได้ถูกเรียกว่า IEEE 1394-2008 โดยจะมีสเปคความเร็วอยู่ที่ 1.6 Gbit/s และ 3.2 Gbit/s โดย Firewire ใหม่นี้จะใช้เคเบิลแบบ 9 pin เหมือนกับ Firewire 800
แม้ว่า Firewire 400 นั้นจะไม่เป็นที่นิยมเท่ากับ USB แต่กลับเป็นที่นิยมมากกว่า หากดูในกลุ่มกล้องถ่ายวีดีโอประเภท DV แต่สำหรับ Firewire 800 นั้นกลุ่มผู้ใช้มีอยู่จำกัดมาก
IEEE กล่าวว่ามาตราฐานใหม่นี้จะเริ่มนำออกมาใช้ภายในเดือนตุลาคมนี้
ที่มา - MacRumors
ข้อดีหลักของ USB ในทุกวันนี้เราคงเห็นว่าอุปกรณ์แทบทุกตัวทำงานร่วมกับพอร์ต USB ได้แบบครอบจักรวาล การที่ USB 3.0 จะเร่งความเร็วขึ้นไปถึงสิบเท่าตัวเป็น 5 กิกะบิตต่อวินาทีนั้นหลายๆ คงก็อาจจะคาดว่ามันจะทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้เหมือนเดิม
แต่ปัญหาอาจจะกำลังเกิดขึ้นเมื่อทาง C|Net ได้รายงานข่าวว่ามีแหล่งข่าวภายใน AMD และ NVIDIA ออกมาระบุว่าอินเทลกำลังพยายามถ่วงเวลาที่จะปล่อยสเปคของ USB 3.0 ของทางอินเทลออกมา ซึ่งจะสุดท้ายแล้วจะสร้างความได้เปรียบให้กับอินเทลที่จะมีอุปกรณ์มาวางขายล่วงหน้าคู่แข่งอยู่หลายเดือน และสุดท้ายแล้วอาจจะเป็นการบีบให้ทาง AMD และ NVIDIA ต้องพัฒนามาตรฐานของตัวเองมาใช้กันเอง
ปัญหานี้ยังไม่มีการแถลงการอย่างเป็นทางการจากทุกบริษัททั้ง AMD, อินเทล, และ NVIDIA
ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงการใช้อุปกรณ์เก็บข้อมูลภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ เราคงนึกถึงกันแต่พอร์ต USB เป็นอย่างแรกเสมอๆ ทั้งที่จริงๆ แล้วตัว USB เองนั้นออกแบบมาเพื่องานทั่วๆ ไปที่ไม่ต้องการความเร็วสูง ที่น่าสนใจคือเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ นั้นล้วนแต่มีพอร์ต eSATA ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้กับอุปกรณ์เก็บข้อมูลโดยเฉพาะ แถมยังรองรับการเชื่อมต่อระหว่างที่เครื่องทำงาน แต่ที่ผ่านมาพอร์ต eSATA ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เนื่องจากความยุ่งยากในการติดตั้งเพราะอุปกรณ์ทุกตัวต้องมีแหล่งพลังงานเป็นของตัวเอง
เราๆ ท่านๆ คงได้ใช้งานพอร์ต USB 2.0 กันเป็นเรื่องปรกติในชีวิตประจำวันไปแล้ว และพอ Thunbdrive เริ่มจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก็พบว่าความเร็ว 480 เมกกะบิตต่อวินาทีนั้นดูจะไม่ได้เร็วอะไรนักหนา มาตรฐาน USB 3.0 จึงเป็นความท้าทายใหม่ ที่ต้องทำความเร็วให้สูงขึ้นโดยที่ยังทำงานร่วมกับ USB 2.0 ได้ทุกประการ ในงาน CES ปีนี้เรื่องเด่นอีกเรื่องจึงตกเป็นของค่าย USB ที่มีการเปิดตัวมาตรฐานซ๊อกเก็ตของ USB 3.0 ออกมาเป็นทางการ
การใช้งานอุปกรณ์ USB เริ่มเป็นที่นิยมกันขึ้นเรื่อยๆ จนในวันนี้เราแทบจะเห็นอุปกรณ์ทุกประเภทที่ใช้งานพอร์ต USB ไปแล้ว และด้วยความนิยมขนาดนี้จึงมีผู้คิดใช้งาน USB เพื่อการจ่ายเงินแทนบัตรเครดิตขึ้นมา โดยบัตรในรูปแบบนี้เป็นผลงานของบริษัท Shinan Card
ข้อดีของการใช้การ์ดแบบนี้คือการจ่ายเงินผ่านอินเทอร์เน็ตที่ผู้ใช้ไม่ต้องกรอกหมายเลขบัตรโดยตรง แต่การจ่ายจะเป็นการยืนยันกับชิปในตัวการ์ดโดยตรง ทำให้มีความปลอดภัยในการทำธุรกรรมผ่านอินเทอร์เน็ตค่อนข้างสูงมาก
นอกจากการเชื่อมต่อแบบ USB แล้วตัวการ์ดยังรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายเพื่อการจ่ายเงินตามร้านค้าที่ไม่ต้องเสียบการ์ดเข้ากับเครื่องโดยตรงอีกด้วย
ล่าสุด IEEE 1394 Trade Association ก็ได้ประกาศเทคโนโลยี FireWire ใหม่ที่จะมีความเร็วสูงถึง 3.2Gbps โดยได้ให้ชื่อว่า FireWire S3200 โดยเจ้า S3200 นี้จะใช้หัวเสียบลักษณะเดิมกับ FireWire 800 ซึ่งมีผลดีทำให้ผู้ใช้และผู้ผลิตสามารถเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีนี้ได้เร็วเหมือนกับการเปลี่ยนจาก USB 1.1 มาเป็น USB 2.0 (แตกต่างกับ FireWire 400 มาเป็น FireWire 800 ที่มีการเปลีี่ยน pin)
ถึงแม้ว่ายังไม่มีใครทราบว่า S3200 จะเข้ามาในตลาดเมื่อไร แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า S3200 อาจจะเข้าตลาดได้เร็วกว่า USB 3.0 ถ้าหากการนำมาใช้งานในตลาด Consumer หรือผู้ใช้ทั่วไปสามารทำได้ง่ายกว่า
ฟังดูแปลกๆงงๆ และอาจจะไม่เข้าใจว่าทำมาทำไม ... เพราะว่ามีคนคิดเอาถ่านไฟฉายกับ USB มารวมกัน.. ใช้เป็นกำลังไฟเสริมหรอ? เปล่าไม่ใช่ครับ เพียงแต่ว่าอุปกรณ์ที่ว่านี้คือถ่านไฟฉายแบบ rechargeable ขนาด AA ครับแต่ที่ประหลาดก็คือ ชาร์ทด้วยกำลังไฟจาก USB !!!
สงสัยว่าถ้าจะมีเหตุการณ์ที่ ไม่มีปลั๊กไฟ(ให้ชาร์ทถ่านไฟฉาย)แต่มีอุปกรณ์ USB ที่มีกำลังไฟพอให้ชาร์ทถ่านที่ว่านี้ได้ ด้วยหรือ???
ที่มา Engadget: Rechargeable USB battery works in AA-ready devices
อินเทลกับผู้ร่วมพัฒนาในโครงการเทคโนโลยี Universal Serial Bus หรือ USB ได้เตรียมตัวที่จะเปิดตัว USB 3.0 ในครึ่งแรกของปี 2008 โดยจะมีการนำไฟเบอร์ออฟติกเข้ามาใช้ร่วมกับสายไฟทองแดงปกติ ทำให้เจ้า USB 3.0 นี้มีความเร็วสูงสุดมากกว่า USB 2.0 ถึง 10 เท่าที่ 4.8 Gbps (กิกาบิตต่อวินาที)
นาย Pat Gelsinger ตัวแทนและผู้จัดการทั่วไปของอินเทลได้ออกมาเปิดเผยว่าในความจริงแล้วมักจะใช้เวลาประมาณหนึ่งถึงสองปีในการปรับตัวของผู้ผลิตกว่า USB 3.0 จะนำมาใช้จริงได้หลังการเปิดตัว เพราะฉะนั้นคาดว่าเราจะมี USB 3.0 ใช้กันภายในปี 2009 หรือ 2010
ทุกวันนี้นับได้ว่าเป็นยุคของ USB อย่างแท้จริง จากที่เราเห็นอุปกรณ์สารพัดล้วนทำงานบนพอร์ต USB ทั้งหมด จากความตั้งใจแรกที่จะให้ USB มาแทนที่พอร์ตอื่นๆ เช่น PS/2 จึงเริ่มเปลี่ยนไปโดยมีความต้องการที่จะใช้ความเร็วจากพอร์ต USB สูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึง 480 Mb/s กันแล้วในตอนนี้
อินเทลเตรียมวางแผนให้มาตรฐาน USB เดินหน้าต่อไป ด้วยการจัดตั้งกลุ่มสนับสนุน USB 3.0 ที่จะเรื่มพูดคุยกันว่ามาตรฐานในยุคต่อไปควรเป็นอย่างไร ที่น่าสนใจคือจะมีการพูดคุยกันในประเด็นการเตรียมตัวไปใช้สายไฟเบอร์ออปติกส์ต่อไปในอนาคตด้วย ทิศทางของ USB ตอนนี้จึงดูเหมือนจะกลายเป็นพอร์ตความเร็วสูงแทนที่จะเป็นพอร์ตอเนกประสงค์ไปแล้ว
ส่วนพวกคีย์บอร์ดอีกหน่อยก็ไร้สายกันหมดสินะ
งาน USB Implementers Forum ที่กรุงปักกิ่งได้ประกาศสเปคของอุปกรณ์ USB เพื่อการชาร์จแบตเตอรี่รุ่น 1.0 (Battery Charging Revision 1.0 specification) แล้ว ทำให้เชื่อได้ว่าในอนาคตเราคงได้เห็นสายชาร์จเป็นมาตรฐานในที่สุด โดยเฉพาะมือถือทั้งหลาย พร้อมกับการใช้งานที่น่าจะมีปัญหาน้อยลงด้วยการสร้างมาตรฐานการชาร์จที่เป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้อุปกรณ์ทั้งหลายสามารถชาร์จได้เร็วขึ้น