Zoom เปิดตัว OnZoom มาร์เกตเพลสสำหรับอีเว้นท์ออนไลน์ ผู้ใช้งาน Zoom แบบเสียเงินสามารถสร้างกิจกรรมของตัวเองและโพสต์บน OnZoom เพื่อหารายได้เพิ่มได้ เช่น คลาสโยคะ, ออกกำลังกาย, คอนเสิร์ต, การแสดงในรูปแบบต่างๆ
OnZoom มีหน้าเว็บไซต์ไว้ค้นหาอีเว้ท์ เพื่อให้คนทั่วไปเข้ามาเลือกอีเว้นท์ที่ตัวเองสนใจ มีจัดประเภทอีเว้นท์ไว้ เช่นอีเว้นท์สำหรับ การศึกษา, ศิลปะ, สุขภาพ, ไลฟ์สไตล์ ผู้ใช้สามารถกดซื้อได้บนแพลตฟอร์มเลย สามารถจ่ายเงินได้ผ่าน PayPal และบัตรเครดิต สามารถรีวิวและให้เรตติ้งอีเว้นท์นั้นๆ ได้หลังจบงาน
OnZoom ยังเป็นเวอร์ชั่นเบต้าในตอนนี้
หลังเงียบหายไปตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่บอกจะเริ่มทดสอบการเข้ารหัส end-to-end ล่าสุด Zoom ประกาศเริ่มใช้งานการเข้ารหัสแบบ end-to-end แล้วทั้งผู้ใช้ฟรีและเสียเงินในแบบพรีวิว คือรับฟีดแบ็คจากผู้ใช้เป็นเวลา 30 วัน
Zoom บอกว่าการใช้การเข้ารหัส end-to-end จะแบ่งเป็น 4 เฟสและครั้งนี้คือเฟสแรก โดยใช้การเข้ารหัสแบบ AES 256-bit GCM และหากการประชุมใช้การเข้ารหัสแบบนี้ จะมีสัญลักษณ์โล่สีเขียวพร้อมกุญแจอยู่ที่ซ้ายบนของจอ
การเข้ารหัส end-to-end จะเริ่มปล่อยพรีวิวสัปดาห์หน้า แต่ผู้ใช้งานหรือโฮสต์จะเปิดใช้งาน end-to-end ทั้งแอคเคาท์ตัวเองและเลือกเวลาสร้างห้องประชุม (จะมีตัวเลือก enhanced encryption และ end-to-end encryption)
Zoom เพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลายอย่าง ในแง่ของการเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างประชุม สามารถทำพื้นหลังการประชุมให้เหมือนนั่งอยู่ด้วยกันในห้องเรียนหรือห้องประชุมได้ คล้ายกับ Microsoft Teams ที่ทำออกมาก่อนหน้านี้
เพิ่มอีโมจิเคลื่อนไหวแสดงการทักทาย พร้อมเสียงที่ออกมาจากอีโมจิด้วย, โฮสต์สามามารถมองเห็นคนที่เข้ามาอยู่ใน Waiting Room ก่อนจะกดยอมรับให้เขาเข้าร่วมประชุมได้ เพื่อความปลอดภัย
Zoom เปิดตัว Zapps เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่รวบรวมกลุ่มแอปพลิเคชั่นให้ใช้ได้เลยระหว่างคุยวิดีโอคอล ไม่ต้องสลับหน้าจอ เป็นหน้าต่างรวบรวมกลุ่มแอปไว้ที่ด้านล่างขวา
แอปที่สามารถใช้งานบน Zapps ได้มี 25 แอปคือ Atlassian, Asana, Box, Dropbox, Slack, Wrike, Coursera, Kahoot!, Kaltura, Cameo, Exer, Slido, Superhuman, Woven, Pitch, Smartsheet, Coda, HubSpot, Chorus, Gong, Lucidspark, Miro, Mural, ServiceNow และ PagerDut
Facebook Portal TV อุปกรณ์เสริมที่ให้คุยวิดีโอคอลบนจอทีวีได้โดยต่อสาย HDMI ประกาศเพิ่มการรองรับแอปสตรีมมิ่ง Netflix โดยสามารถกดรีโมทแบบใหม่ซึ่งกดครั้งเดียวเข้าถึง Netflix ได้เลย จนถึงตอนนี้ Portal TV สามารถรองรับสตรีมมิ่ง Amazon Prime Video, SHOWTIME และ SLING TV ได้ นอกจากนี้ Facebook ยังเพิ่มการรองรับ Zoom บนอุปกรณ์วิดีโอคอล Portal ด้วย ใช้งานได้บน Portal Mini, Portal และ Portal+
Zoom เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (two-factor authentication) ในทุกบัญชีการใช้งานแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบ zoombombing หรือการที่คนอื่นเข้ามาป่วนการประชุมได้อีก
Zoom Video Communications เจ้าของแอป Zoom รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 2 ตามปีการเงินบริษัท 2021 สิ้นสุดวันที่ 31 กรกฎาคม 2020 มีรายได้เพิ่มขึ้นเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนถึง 355% เป็น 663.5 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 185.7 ล้านดอลลาร์
ตัวชี้วัดด้านจำนวนลูกค้าก็เติบโตสูงเช่นกัน โดยมีผู้ใช้งานแบบองค์กรที่มีพนักงานมากกว่า 10 คน 370,200 ราย เพิ่มขึ้น 458% มีลูกค้า 988 ราย ที่จ่ายเงินมากกว่า 100,000 ดอลลาร์ ในช่วง 12 เดือน
ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Eric S. Yuan กล่าวว่าองค์กรต่างต้องการเครื่องมือสนับสนุนการทำงานที่ต่อเนื่อง โดยสามารถทำงานได้ทุกที่ เรียนได้ทุกที่ เชื่อมต่อได้ทุกที่ บนแพลตฟอร์มของ Zoom ที่พัฒนาเริ่มต้นจากวิดีโอก่อน
Zoom เผยว่าได้รับการรองรับในหน้าจออัจฉริยะของแบรนด์ต่างๆ ทั้ง Portal from Facebook, Amazon Echo Show และ Google Nest Hub Max โดย Zoom จะใช้งานได้บน Facebook Portal ในเดือนกันยายนนี้ ส่วน Amazon Echo Show และ Nest Hub Max จะใช้งานได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีนี้
Facebook มีฮาร์ดแวร์ Facebook Portal หน้าจออัจฉริยะเพื่อการทำวิดีโอคอลมาก่อนแล้ว และเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมใหม่ที่คนพึ่งพาการสื่อสารผ่านวิดีโอคอลมากขึ้น Facebook Portal จึงเตรียมเพิ่มการรองรับแอปภายนอกที่ได้รับความนิยมอย่าง Zoom, Webex, GoToMeeting และ BlueJeans ใช้งานได้ใน Portal Mini, Portal และ Portal+ ในเดือนกันยายนนี้ ส่วน Portal TV จะเพิ่มเข้ามาในรายการในอนาคต
Zoom ประกาศเปลี่ยนรูปแบบการทำธุรกิจในจีน จากเดิมที่มีทั้งการขายเองโดยตรง (ฮาร์ดแวร์ + subscription), online subscription และขายผ่านพาร์ทเนอร์ มาเป็นขายผ่านพาร์ทเนอร์แต่เพียงอย่างเดียว โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะเริ่มวันที่ 23 สิงหาคมเป็นต้นไป
Zoom ไม่ได้ให้เหตุผลใด ๆ ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้แต่ยืนยันว่าลูกค้าในจีนจะยังคงสามารถใช้งาน Zoom ได้เหมือนเดิม
ก่อนหน้านี้ Zoom มีประเด็นเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน จากการสั่งปิดบัญชีผู้ใช้เสียเงินในสหรัฐฯ หลังจัดมีตติ้งรำลึกเหตุการณ์เทียนอันเหมิน
ที่มา - Bloomberg
Zoom เป็นอีกบริษัทที่เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงการระบาดของ COVID-19 และล่าสุด Zoom ก็เปิดตัว Zoom for Home แอปซูมเวอร์ชั่นพิเศษ ที่จะมาพร้อมกับอุปกรณ์แท็บเล็ตที่สร้างมาโดยเฉพาะ เริ่มต้นมีแท็บเล็ตที่รองรับเพียงรุ่นเดียวคือ DTEN ME แท็บเล็ตขนาดยักษ์ หน้าจอ 27 นิ้ว พร้อมกล้องมุมกว้างความละเอียดสูง ไมค์ 8 ตัว แล้ะหน้าจอสัมผัส รัน DTEN OS มาพร้อมแอป Zoom for Home และจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนสิงหาคมนี้ ในราคา 599 เหรียญ (ประมาณ 19,000 บาท)
แม้ Zoom จะเป็นม้ามืดที่ถูกพูดถึงมากที่สุดรายหนึ่งในฐานะผู้ให้บริการวิดีโอคอลในช่วง COVID-19 ที่เติบโตทั้งยอดผู้ใช้งานและมูลค่าบริษัท ทว่าข้อมูลจาก Aternity บริษัทพัฒนาโซลูชันองค์กรออกรายงานว่าด้วยเรื่อง Global Remote Work Productivity เผยข้อมูลว่า Microsoft Teams คู่แข่ง Zoom ที่ดูจะเติบโตได้สูงไม่แพ้กัน กลับมียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นแซงหน้า Zoom ไปค่อนข้างเยอะ
ตัวเลขผู้ใช้งาน Aternity นับตั้งแต่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจนถึง 14 มิถุนายน โดย Microsoft Teams มียอดผู้ใช้งานเติบโตสูงสุดที่ 894% ส่วน Zoom มียอดเติบโต 677% และเคยเติบโตนำมาเป็นอันดับ 1 ก่อนจะถูก Microsoft Teams แซงราวเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
Zoom เปิดเผยว่าเตรียมจะทดสอบการให้บริการโดยการเข้ารหัส end-to-end ในเดือนหน้า โดยเป็นตัวเลือกการเข้ารหัสเสริม แอดมินหรือโฮสต์ต้องเป็นคนเลือกเปิดการเข้ารหัสแบบนี้ ขณะที่การเข้ารหัสดีฟอลต์จะยังคงเป็น AES 256 GCM อยู่
นอกจากนี้ Zoom ยังปรับปรุงเงื่อนไขการเข้ารหัส end-to-end สำหรับแอคเคาท์ฟรีด้วยว่าการใช้งานจะมีการเข้ารหัส ถ้าหากลงทะเบียนยืนยันตัวตนด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือ จากก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าแอคเคาท์ฟรีจะไม่มีการเข้ารหัส end-to-end ให้เพราะป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด
ที่มา - Zoom
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าว SCMP รายงานว่า Zoom สั่งปิดบัญชีเสียเงินของผู้ใช้งานในสหรัฐฯ ที่จัดมีตติ้งเพื่อรำลึกเหตุการณ์สังหารหมู่เทียนอันเหมินในวันที่ 4 มิถุนายน 1989 และหลังจากรายงานไม่นาน ทาง Zoom ก็ได้ reactivate บัญชีเหล่านี้อีกครั้ง
Zhou Fengsuo ผู้ก่อตั้ง Humanitarian China องค์กรไม่แสวงผลกำไรในสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งในนักเรียนที่เป็นผู้นำการประท้วงในเหตุการณ์เทียนอันเหมิน ได้จัดอีเวนท์ผ่านบัญชีเสียเงินของ Humanitarian China ในวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้เข้าร่วมทั่วโลก รวมถึงในจีนด้วย และบัญชีของเขาถูกระงับในวันที่ 7 มิถุนายนตามคำสั่งของรัฐบาลจีน เพราะปัจจุบัน Zoom สามารถใช้งานในจีนได้โดยไม่ต้องผ่าน VPN
หนึ่งในประเด็นความปลอดภัยที่ Zoom น่าจะกำลังปรับปรุงอยู่คือกระบวนการเข้ารหัสแบบ end-to-end หลังจากที่ซื้อ Keybase ผู้ให้บริการคลาวด์แบบเข้ารหัส end-to-end ไป โดยตอนนี้เปลี่ยนมาเป็น AES 256-bit GCM แทน TCP/UDP ในแบบเดิม
อย่างไรก็ตาม เมื่อ Zoom ปล่อยการเข้ารหัสแบบ end-to-end ออกมาจริง กลุ่มผู้ใช้งานฟรีจะไม่ได้มีกระบวนการเข้ารหัสแบบนี้ โดย Eric Yuan ให้เหตุผลเอาไว้ว่า เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ Zoom ถูกเอาไปใช้ในทางที่ผิด และเผื่อกรณีที่จำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่าง FBI
Microsoft Teams เพิ่งอัพเดตหน้าจอประชุมแบบ 3x3 คนไปเมือเดือนเมษายน เพื่อไล่ให้ทัน Zoom ที่รองรับหน้าจอ 7x7 คน และได้รับความนิยมอย่างมาก
ล่าสุดโฆษกของไมโครซอฟท์ยืนยันกับเว็บไซต์ CRN ว่าจะขยายหน้าจอเป็น 7x7 คนเท่ากับ Zoom แน่นอน แต่ยังไม่ระบุกรอบเวลาที่ชัดเจนว่าเมื่อไร
ตัวแทนของไมโครซอฟท์บอกว่า 3x3 เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี (เดิมคือ 2x2) แต่ก็ยังไม่เพียงพอ และพยายามจะรองรับจำนวนผู้สนทนาในวิดีโอคอลล์มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน
เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา Zoom ได้ประกาศยกเครื่องความปลอดภัยแพลตฟอร์มตนเองครั้งใหญ่ โดยสิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนมาใช้การเข้ารหัสแบบ AES 256-bit GCM ที่ปลอดภัยขึ้นจากเดิมที่ใช้ AES 256-bit ECB
ในการนี้ Zoom จึงออกอัพเดต Zoom 5.0 ในทุกแพลตฟอร์มทั้ง Windows, macOS, Linux, ChromeOS, Android และ iOS มาตั้งแต่ปลายเดือนเมษายนแล้ว เพื่อรองรับการเข้ารหัสแบบใหม่ โดยจะเริ่มใช้การเข้ารหัสแบบใหม่ในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ หากใครก็ตามที่ยังใช้ Zoom เวอร์ชันเก่าอยู่ เช่น 4.6 จะเข้าประชุมไม่ได้ ซึ่งในวันนั้นผู้ที่ยังไม่ได้อัพเดตและกดเข้าประชุมจะถูกบังคับให้อัพเดตก่อน
นอกจาก HP เปิดตัวเวิร์คสเตชัน ZBook Firefly ที่ออกมาชน MacBook Pro และอัพเดตโน้ตบุ๊กธุรกิจแบรนด์ EliteBook ชุดใหญ่ ยังมีพีซีเดสก์ท็อปสำหรับลูกค้าธุรกิจอีกชุดด้วย (ทุกตัวเรียกเป็น G6 ตาม Gen 6)
พีซีตัวที่น่าสนใจที่สุดคือ HP Collaboration All-in-One G6 with Zoom Rooms (ชื่อแบบนี้จริงๆ ไม่ได้เขียนผิด) มันเป็นพีซี All-in-One ที่จับมือกับ Zoom รับกระแสวิดีโอคอลล์บูม โดยฝังกล้องเว็บแคมแบบป๊อปอัป 5MP มุมมองกว้าง 88 องศาไว้ด้านบนของจอ มีไมโครโฟนและลำโพงให้พร้อมสรรพ
เมื่อวานนี้ช่วงค่ำตามเวลาบ้านเรา Zoom เกิดล่มในหลายประเทศทั่วโลกจนไม่สามารถโฮสต์หรือเข้าร่วมการประชุมได้ หนึ่งในผลกระทบใหญ่เกิดกับรัฐบาลสหราชอาณาจักร ที่กำลังแถลงอัพเดตสถานการณ์ COVID-19 ประจำวัน จนทำให้นักข่าวไม่สามารถถามคำถามแบบไลฟ์สดได้ตามปกติ และต้องพิมพ์ส่งคำถามเข้าไป (อาจจะช่องทางอื่น) ให้อ่านออกอากาศแทน
Zoom แถลงหลังจากเกิดปัญหาไม่นานว่า จำนวนผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างจำกัด ก่อนจะกลับมาใช้งานได้ปกติในอีกราว 2 ชม. ถัดมา
ที่มา - The Guardian, @Zoom_us
ไล่เลี่ยกับการประกาศซื้อ Keybase ผู้ให้บริการคลาวด์แบบเข้ารหัส Zoom ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกับ Letitia James อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก เรื่องการปรับปรุงและรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกค้า
เนื้อหาคร่าว ๆ คือหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของ Zoom ตกลงว่าจะดีไซน์ที่มีความปลอดภัย รักษาความเป็นส่วนตัว ใช้โปรโตคอลด้านความปลอดภัยและการเข้ารหัส มีช่องทางให้ผู้ใช้งานร้องเรียน
บริการประชุมวิดีโอ Zoom ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในช่วง COVID-19 แต่กลับถูกวิจารณ์ว่าโฆษณาเกินจริง โดย Zoom เคยอ้างว่าข้อมูลเข้ารหัสแบบ end-to-end แต่ที่จริงกลับเป็นเพียงการเข้ารหัสจากไคลเอนต์ไปยังเซิร์ฟเวอร์เท่านั้น วันนี้ทาง Zoom ประกาศเข้าซื้อบริษัท Keybase ผู้ให้บริการคลาวด์แบบเข้ารหัส end-to-end
Mozilla ออก Firefox 76 รุ่นเสถียร ของใหม่ในเวอร์ชันนี้เน้นที่ระบบจัดการรหัสผ่าน Lockwise แจ้งเตือนผู้ใช้ทันทีหากพบว่าเว็บไซต์ถูกเจาะ รหัสผ่านรั่ว นอกจากนี้ Firefox 76 ยังเพิ่มเมนู Logins and Passwords เข้ามาในเมนูหลักให้กดกันง่ายๆ (หรือเข้าได้จากหน้า about:logins)
ของใหม่อีกอย่างที่สำคัญคือรองรับ Audio Worklets ช่วยให้ Firefox ประมวลผลไฟล์เสียงที่ถูกบีบอัดมาได้ ฟีเจอร์นี้ยังช่วยให้ Firefox สามารถคุยวิดีโอคอลล์ผ่าน Zoom ได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรม Zoom บนเครื่องอีกแล้ว
ก่อนหน้านี้ Zoom เผยว่ามีผู้ใช้รายวันทะลุ 300 ล้านไปแล้ว แต่ช่วงหลังทาง The Verge พบว่า Zoom แอบแก้โพสต์รายงานจำนวนผู้ใช้แบบเงียบ ๆ โดยเปลี่ยนจาก “ผู้ใช้รายวัน” เป็น “ผู้เข้าร่วมประชุม”
ก่อนหน้านี้ บล็อกโพสต์ของ Zoom ระบุไว้ชัดเจนว่า “มีผู้ใช้รายวันมากกว่า 300 ล้านคน” และ “มีผู้คนทั่วโลกกว่า 300 ล้านคนใช้ Zoom ในช่วงเวลาที่ท้าทาย” แต่ข้อมูลเหล่านั้นถูกลบทิ้ง และเปลี่ยนเป็น “ผู้เข้าร่วมประชุมรายวันผ่าน Zoom กว่า 300 ล้านคน”
มาถึงตอนนี้ทุกคนคงใช้แอพประชุมออนไลน์กันหมดแล้ว โดยมีผู้เล่นในตลาดมากมายทั้งบริษัทเล็กใหญ่ ซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งที่ดังขึ้นมาในช่วงโรคระบาดคือ Zoom แต่ดังได้ไม่นานก็มีข่าวด้านลบเกี่ยวกับความปลอดภัยของแอพนี้เข้ามาหลายเรื่อง ซึ่ง Zoom ก็ได้รีบจัดการกับประเด็นดังกล่าวและร่วมมือกับหลายบริษัทในการยกเครื่องความปลอดภัย
นอกจากนี้ก็มี Microsoft Teams ที่ตัวเลขผู้ใช้ก้าวกระโดดเช่นกัน โดยการใช้งานประชุมออนไลน์เพิ่มขึ้น 200% ในเวลาเพียงครึ่งเดือน หรือซอฟต์แวร์ตัวอื่นๆ ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นกันถ้วนหน้า เช่น Google Meet, BlueJeans, Cisco Webex ฯลฯ
Zoom ผู้ให้บริการประชุมทางไกลประกาศเลือก Oracle Cloud Infrastructure เป็นผู้ให้บริการคลาวด์หลักที่จะรองรับการสเกลรองรับการใช้งานในอนาคต
Zoom ได้เซ็นสัญญากับ Oracle และดีพลอยระบบคอร์มีตติ้งบน Oracle Cloud มาแล้วกว่า 6 สัปดาห์ ซึ่งทาง Oracle ระบุว่าตอนนี้ Zoom มีการรับส่งข้อมูลมากกว่า 7 เพตะไบต์ต่อวันผ่าน Oracle Cloud Infrastructure
Brent Leary ผู้ก่อตั้งบริษัท CRM Essentials บริษัทด้านการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้าให้ความเห็นว่า Zoom ตั้งใจจะเน้นกลุ่มตลาดลูกค้าองค์กร จึงต้องให้ทั้งความมั่นใจทั้งในด้านการสเกลและความปลอดภัยของข้อมูล และค่อนข้างมั่นใจว่า Oracle น่าจะให้ข้อเสนอ Zoom ดีพอที่ทำให้ Zoom ตัดสินใจไม่เลือกรายใหญ่อย่าง AWS หรือ Azure