การวิจัยและพัฒนาหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์จากทั่วทุกมุมโลกทำให้เทคโนโลยีในด้านนี้มีความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ และหากเราสังเกตดูดีๆแล้ว การพัฒนาหุ่นยนต์ในแต่ละทวีปนั้นมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกันเล็กน้อย
การพัฒนาหุ่นยนต์ในโซนเอเชียโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นนั้น เน้นหนักในงานวิจัยเกี่ยวกับหุ่นยนต์เสมือนคน (Humanoid) ในขณะที่งานวิจัยจากประเทศตะวันตกนั้น กลับเป็นงานวิจัยหุ่นยนต์ในเชิงระบบอัตโนมัติและเครื่องจักรอัจฉริยะ
จนมีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า ความเชื่อทางศาสนาของนักวิจัยนั้นมีผลต่องานวิจัยเหล่านี้หรือไม่?
ไมโครซอฟท์และบริษัท Tmsuk จากญี่ปุ่นได้ประกาศความร่วมมือในการนำซอฟต์แวร์ Microsoft Robotics Studio (MSRS) มาใช้ในหุ่นยนต์ของตัวเอง
บริษัท Tmsuk นั้นเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่ได้ทำการผลิตเครื่องจักรและหุ่นยนต์มาตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งหุ่นยนต์ที่ผลิตนั้นมีทั้งหุ่นยนต์ที่ใช้ล้อในการเคลื่อนที่ และหุ่นยนต์เสมือนคน (Humanoid) โดยหุ่นยนต์แต่ละชนิดจะถูกออกแบบสำหรับงานที่แตกต่างกันไป เช่นหุ่นยนต์ทำงานออฟฟิศ และหุ่นยนต์ช่วยดูแลสุขภาพมนุษย์
จากงาน SIGGRAPH 2007 ที่เพิ่งจบลงไปในเดือนที่แล้ว ได้มีการแสดงผลงานวิจัยเกี่ยวกับการย่อและขยายภาพ โดยคำนึงถึงบริบทของภาพเป็นหลัก แทนที่จะคำนึงถึงอัตราส่วนทางกายภาพแบบเดิมๆ
นักวิทยาศาสตร์ทั้งสอง Shai Avidan และ Ariel Shamir ได้อธิบายผลงานของเขาไว้ว่า ไฟล์ภาพนั้นสามารถถูกย่อและขยายได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ โดยการลบภาพส่วนที่มีความสำคัญทางบริบทน้อยที่สุดออก
พวกเขาได้กำหนดฟังก์ชันพลังงาน (Energy function) สำหรับภาพแต่ละภาพ และใช้ฟังก์ชันนั้นหาพื้นที่ที่มีพลังงานต่ำติดๆกันจากบนลงล่างและจากซ้ายไปขวา เขาเรียกพื้นที่เหล่านั้นว่า "ตะเข็บ" (seam) ซึ่งตะเข็บเหล่านี้แหละที่สามารถลบออกไปได้โดยที่ข้อมุลของภาพนั้นไม่สูญหายไปมาก
หากคุณคิดว่าการจะสร้างหุ่นยนต์ซักตัวนั้นต้องจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยดังๆ ต้องเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยหรือเป็นนักวิจัยในสถาบันวิจัยชื่อดังแล้วละก็ คุณคงคิดผิดแล้ว
จริงอยู่ที่การเรียนการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยดีๆสักแห่งนั้นสำคัญ แต่คนบางคนนั้นก็สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองและประยุกต์นำความรู้ที่มีอยู่นั้นมาใช้สร้างหุ่นยนต์ได้ ยกตัวอย่างเช่นคุณหวู่ ซึ่งเป็นชาวนาคนหนึ่งในเมืองจีนที่สามารถสร้างหุ่นยนต์เดินได้ ไม่ว่าหุ่นยนต์จะมีขนาดเล็กหรือขนาดเท่าคน โดยใช้วัตถุดิบจากจากเศษเหล็กเก่าๆ ที่เขาหามาได้
หุ่นยนต์สัญชาติญี่ปุ่นที่ชื่อว่า Roller-Waler ถูกพัฒนาจากห้องวิจัย Hirose-Fukushima Robotics Lab โดยหุ่นยนต์ตัวนี้มีความสามารถพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง คือสามารถทำการเคลื่อนโดยใช้ขาทั้งสี่ขาได้โดยทั้งการเดินและโดยการไถลแบบสเก็ต (ดูวีดีโอได้จากที่มา)
เทคโนโลยีได้แทรกซึมสู่การออกแบบเครื่องประดับขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ครั้งก่อนได้นำเสนอข่าวถึงแหวนปลุกไปแล้ว ครั้งนี้นักออกแบบ Yang Hai ได้ออกแบบแหวนที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลคอมพิวเตอร์ของคุณ
แหวนวงนี้ทำงานโดยการติดต่อกับฐานที่เสียบอยู่กับคอมพิวเตอร์ หากผู้สวมเคลื่อนที่ออกไปจากรัศมีที่ตั้งไว้ คอมพิวเตอร์จะทำการล็อคตัวเองอัตโนมัติ เพื่อป้องกันเพื่อนร่วมงานตัวแสบของคุณมาล้วงข้อมูลส่วนตัวของคุณไป หรือป้องกันเจ้านายมาดูว่าคุณแอบเล่นอินเตอร์เน็ตหรือเปล่าในขณะที่คุณไปเข้าห้องน้ำ
นี่ถ้าไม่มีแท่นเสียบนี่ผมซื้อไปแล้วนะ
แหวนที่ถูกใช้เป็นนาฬิกาปลุกแบบสั่นนั้น ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องการเสียงดังรบกวนจากนาฬิกาปลุกแบบเดิมๆ แหวนดังกล่าวนี้สามารถตั้งเวลาปลุกได้จากแทนชาร์จ เมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้แหวนก็จะทำการสั่นจนกว่าจะมีคนนำมันกลับไปวางบนแท่นชาร์จอีกครั้ง
แหวนวงนี้มีข้อดีสำหรับคู่สามีภรรยาที่ต้องการตื่นนอนในเวลาที่แตกต่างกัน และไม่ต้องการรบกวนคู่ของตัวเอง นอกจากนั้นยังมีประโยชน์แก่ผู้ที่มีความบกพร่องทางการได้ยินอีกด้วย
ถ้าผมใช้ ผมจะถอดมันทิ้งไว้บนเตียงแทนที่จะเดินไปวางบนแท่นชาร์จ
ที่มา - Yanko Design
นักวิจัยจาก Tel-Aviv University ประเทศอิสราเอล ได้ทำการสาธิตผ่านการทดลองว่า เราสามารถสร้างหน่วยความจำเทียมโดยการฉีดสารเคมีไปกระตุ้นเซลล์สมองที่ผ่านการเพาะเลี้ยงได้
ซึ่งหมายถึง เราสามารถนำเศษเสี้ยวเซลล์สมองไปเพาะเลี้ยงในภาชนะ จากนั้นนำเซลล์ที่เพาะมาได้นั้นมาประกอบเข้ากับสมองใหม่เพื่อเพิ่มหน่วยความจำ ซึ่งกระบวนการนี้คล้ายกับกระบวนการย้อนกลับของวิธีการผ่าตัดที่เรียกว่า lobotomy
นี่อาจจะเป็นก้าวสำคัญของมนุษย์ในการดัดแปลงตัวเอง นอกเหนือจากการดัดแปลงทางพันธุกรรมก็ได้
ฟังดูน่าสยองยังไงก็ไม่รู้
เป็นเวลาหลายสิบปีที่เราใช้ใบพัดลมเพดานที่มีใบพัดสามถึงห้าปีก มีความเร็วในการหมุนให้เลือกได้หลายระดับ สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เราลืมพัฒนาสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของพัดลมเพดานไป นั่นก็คือลักษณะและรูปทรงของใบพัดนั่นเอง
ใบพัดลมที่เลียนแบบรูปทรงของฝักของต้น Sycamore ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทจากประเทศออสเตรเลียนั้น ได้รับการออกแบบมาให้มีความสวยงามแปลกตา และให้สามารถบังคับทิศทางลมได้ดีขึ้น ถึงแม้ว่าพัดลมนี้จะมีใบพัดเพียงใบเดียว
นวัตกรรมชิ้นนี้สามารถให้แรงลมได้เท่ากับพัดลมที่เราใช้กันอยู่ ในขณะที่มีความเร็วในการหมุนที่ต่ำกว่าเดิมครึ่งหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เกิดเสียงรำคาญน้อยลง และประหยัดพลังงานมากขึ้น
บริษัท Given Imaging Ltd. จากประเทศอิสราเอลได้ทำการออกสินค้าชนิดใหม่ ชื่อว่า PillCam™ ESO2 ซึ่งเป็นแคปซูลที่บรรจุกล้องภายในทั้งด้านหัวและท้ายเพื่อใช้ในทางการแพทย์
กล้องขนาดเล็กนี้สามารถถูกกลืนได้โดยคนไข้ และสามารถถ่ายภาพที่สำคัญทางการแพทย์ในระหว่างที่มันเดินทางอยุ่ในช่องอาหารของผู้ป่วย จากนั้นภาพถ่ายที่ถ่ายได้นั้นจะถูกส่งกลับไปยัง Sensor Arrays ที่ติดอยู่กับหน้าอกของผู้ป่วยด้วยความเร็ว 18 เฟรมต่อวินาที ซึ่งเพียงพอที่จะเป็นประโยชน์แก่แพทย์ในการรักษา และต่อตัวคนไข้เองในการเข้าใจโรคที่เกิดขึ้น
แคปซูลดังกล่าวมีจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านบริษัทในเครือ Johnson and Johnson
สงสัยว่ามันจะนำมารียูสได้ไหม ถ้าได้ละก็ผมไม่ใช้จริงๆนะ
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยยูทาห์ (University of Utah) ได้พัฒนาอุปกรณ์ที่จะช่วยเปลี่ยนพลังงานความร้อนจากเครื่องใช้ไฟฟ้าไปเป็นคลื่นเสียง และจากนั้นจึงทำการแปรสภาพเสียงนั้นกลับเป็นพลังงานไฟฟ้าที่ใช้งานได้
ในการทดลอง ผู้คิดค้นได้ทำการแปลงพลังงานความร้อนไปเป็นพลังงานเสียง โดยผ่านเครื่องมือ thermoacoustic ชนิดหนึ่งซึ่งเมื่อให้ความร้อนแก่อุปกรณ์ชิ้นนั้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือคลื่นความถี่เสียงความถี่หนึ่งเช่นเดียวกับคลื่นความถี่ของขลุ่ย
เมื่อนำความถี่ที่ได้ไปใช้กับเครื่องมือประเภท piezoelectric แรงดันที่เกิดจากความถี่ของเสียงนั้นจะถูกเปลี่ยนไปเป็นพลังงานไฟฟ้าที่เราต้องการ