ไมโครซอฟท์ถูกบริษัท i4i ฟ้องในว่าละเมิดสิทธิบัตรในการเปิดให้ Word สามารถสร้างไฟล์ XML ใดๆ จนกระทั่งศาลรัฐเท็กซัสรับฟ้องและมีคำสั่งคุ้มครองให้ไมโครซอฟท์ห้ามขาย Word จนไมโครซอฟท์ต้องถอดฟีเจอร์นี้ออกในภายหลัง วันนี้เรื่องไปถึงศาลฎีกาและจบลงด้วยการยืนยันให้ไมโครซอฟท์จ่ายค่าเสียหายให้กับ i4i เป็นเงิน 300 ล้านดอลลาร์
สิทธิบัตรของ i4i นั้นค่อนข้างกว้างมากจนกระทั่งหลังจากนี้เราอาจจะได้เห็นคดีจากบริษัทนี้อีกจำนวนมาก และดูเหมือนสิทธิบัตรของ i4i จะเป็นตัวอย่างที่ดีว่าระบบกฏหมายทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ นั้นกำลังมีปัญหาอย่างหนัก จากการที่บริษัทสามารถหาเงินสิทธิบัตรที่อ้างการประดิษฐ์ไว้อย่างกว้างๆ เช่นนี้
กฏหมายทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ และการบังคับใช้อย่างหนักทำให้บริษัทจำนวนมากไล่ซื้อบริษัทเทคโนโลยีที่ล้มละลายในราคาถูกๆ เพื่อซื้อสิทธิบัตรแล้วไล่ฟ้องบริษัทที่ออกสินค้าใกล้เคียงกันเป็นจำนวนมาก จนบริษัทต่างๆ ต้องสะสมสิทธิบัตรเพื่อป้องกันตัวเอง เป็นวงจรที่ไม่รู้จักจบ
ที่มา - ComputerWorld
Comments
การจดสิทธิบัตรมีปัญหาแต่แก้ไม่ได้ เพราะยังไม่มีคนมีอำนาจที่ใจดีพอ MS โดนฟ้อง แต่ก็ยังไม่กล้าจะทำอะไรเพราะตัวเองก็ถือ MPEG LA แล้วก็ loop
ให้ความรู้สึกเมือนปัญหาเส้นสายในบ้านเรายังไงไม่รู้ คนดีก็ไม่รู้จะเริ่มที่ไหน ตัวเล็กตายก่อน เลยต้องตามน้ำ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
Patent Troll อีกรายสินะ..
ผมว่าปัญหามันจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อีก10ปีข้างหน้า ถ้ายังไม่แกไขเรื่องนี้ คงจะมีอะไรใหม่ๆออกมาน้อยลงเรื่อยๆแน่
นอนดึกกันจัง
เราอาจจะได้เห็นบริษัทไอทีย้ายออกจาก US และไม่มีผลิตภัณฑ์ขายใน USA อีกก็ได้
แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าทำแบบนี้แล้วปัญหาจะจบ
เปิดบริษัทในเมกามาที คงต้องจ้างทีมงาน+ทนาย มาคอยดูเรื่องสิทธิบัตรอีก
เพราะมันเยอะจนไม่รู้ว่า ที่เราคิดได้ เนี่ย มีคนคิดมากก่อนรึเปล่า
เห็นด้วยครับ คิดแล้วก็รู้สึกงานจะเยอะจริงๆ ถ้าไปเปิดที่โน่น
opensource พอจะเป็นทางออกได้บ้างป่าว
ทุกวันนี้โอเพ่นซอร์สก็โดนเหมือนกัน
ดูอย่าง Java Oracle Google เป็นตัวอย่างละกันครับ
Technology is so fast!
แปลว่าสิทธิบัตรไม่ใช่เรื่องดี?
สิทธิบัตรเป็นเรื่องดีแต่ไอ้ที่ไม่ดีคือหลักการจดสิทธิบัตรกับคนถือสิทธิบัตรครับ
ปัญหาหลักของระบบสิทธิบัตรอเมริกามีสองเรื่องใหญ่ๆ คือ
lewcpe.com, @wasonliw
ถ้าแบบนี้ผมเขียนโปรแกรมที่สามารถสร้างและแก้ไข XML ได้ ผมก็มีสิทธิโดนฟ้องใช่ไหมครับ
เขียนๆ ไปเลยครับ ไม่ต้องกลัว
แค่เตรียมเงินอย่างน้อย 300 ล้านดอลลาร์ก็พอ.. ชิลๆ (แซวแล้วหนี ฟิ้วววว~)
มี 300 ล้าน USD ผมคงไม่มานั่งทำ XML Editor ขายอ่ะนะ
ทำ Text Editor ขายดีก่า XD แล้วก็อ้างว่า User เอาไปทำ XML เอง อิอิ
+1
ไมโครซอฟย์คงต้องใช้วิธีเดิม ใครฟ้องก็ซื้อบริษัทนั้นซะเลยจบเรื่อง
ศาลศาลฏีกา?
เห็นข่าวฟ้องเรื่องสิทธิบัตรเยอะมาก ออกมาเรื่อยๆ มันเป็นวงจรอุบาทจริงๆ ทำไมต้องหวงกันนักหนา ก็รู้แหละว่าอุตส่าห์คิดขึ้นมากว่าจะได้ แต่ก็ทำเพื่อมนุษย์ด้วยกันไม่ได้หรือไงนะ ทำไมต้องคิดจะขายอย่างเดียว ถ้ามันได้กำไรแล้วก็ให้คนอื่นใช้บ้างเหอะ ถ้าเค้าไม่ได้ไปละเมิดจนถึงกับทำให้บริษัทเสียหายย่อยยับน่ะ เฮ้อออ.....
ผมว่าเรื่องนี้ปัญหามันอยู่ที่
การจดสิทธิบัตรแบบครอบจักรวาลมันง่ายเกินไปน่ะครับ
อ่านแล้วก็ดูน่ากลัวจริง ๆ นะครับเนี่ย
แต่พอมองกลับมาดูบ้านเราแล้ว ก้อ เฮ้อ..
หย่อนไป ตึงไป ก็ใช่ว่าดีสินะเนี่ย
ปวดตับ งับหางกันเอง
เหอะๆ
ด้านมืดสินะ
นึกถึงหนังเรื่อง the social network
"ถ้าทำได้เองก็คงทำไปแล้ว"
อย่าว่าแต่อะไรเลย ข้าวหอมฯ ยัง = ='
(บางก็ไม่น่าจด หรือไม่จำเป็นต้องจด ถ้ารู้จักเคารพสิทธิกันจริงๆ)