หมัดสาม การนำไปใช้งาน
Drupal
- การติดตั้งเพียงแค่ใส่ข้อมูลของฐานข้อมูลเท่านั้น ทำให้ง่ายในการติดตั้ง แต่คุณต้องตั้งค่าพื้นฐานส่วนใหญ่เอง (ไม่มากนัก) มีตัวนำทางที่พอใช้
- การจัดการเนื้อหามีลักษณะเป็น node ซึ่งสามารถเรียกใช้งานกี่ครั้งก็ได้ ซึ่งการแสดงผลก็เพียงหามอดูลที่ตรงกับใจมาลง ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษก็งานนี้แหละครับ ทำให้มีความยืดหยุ่นสูง
- มีระบบ work flow ช่วยในการดูแลระบบ ทำให้สามารถจับตาการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์ได้
- วิธีติดตั้งมอดูลและธีมคือขยายไฟล์ไปไว้ที่ Directory ที่เหมาะสมก็พอ แล้วก็เอา SQL ไปสร้างตารางของแต่ละมอดูลเอาเอง
- การปรับแต่งหน้าตาง่าย เพราะจะมีเครื่องมือสำหรับปรับแต่งธีมให้เรียบร้อย แต่จะปรับแต่งไม่ได้มาก จะทำให้สวยต้องฝีมือจริง ๆ (ทั้ง PHP และ design)
- ในการจะทำให้เว็บเป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ตัวช่วยที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ Search Engine Optimization (SEO) ซึ่ง Drupal ทำได้ดีมาก สามารถตั้งชื่อได้ตามสะดวก
- มีการกำหนดสิทธิ์ของผู้ใช้ที่ดีเยี่ยม
Joomla! และ Mambo
- มีตัวช่วยสร้างการติดตั้งให้ ซึ่งจะช่วยตั้งค่าพื้นฐานให้
- การจัดการเนื้อหามีลักษณะเป็นแบบต้นไม้ จะแยกย่อยได้ 3 ระดับ การนำเนื้อหาเดิมไปใช้ต้องคัดลอกไปใหม่
- ไม่มีระบบ work flow ช่วยในการดูแลระบบ
- วิธีติดตั้งส่วนเสริม Joomla! สามารถทำผ่านหน้า admin จะมีแยกเป็น Components, Modules, Mambots และธีม ส่วนของ Mambo สามารถโยนเข้าไปที่เดียวเลยได้
- การปรับแต่งหน้าตาต้องมีความรู้ทาง html แล้วจะทำให้เลิศปานไหนก็ได้
- SEO ยังไม่ดีมากนัก อยู่ในรูป http://yourdomain.com/content/view/2/9/
- การกำหนดสิทธิ์ของผู้ใช้ทำได้อย่างยากลำบาก
Typo3
- มีตัวช่วยในการติดตั้ง มีตัวนำทางที่ดีเยี่ยม แต่ต้องตั้งค่าที่ถ้าพิมพ์ออกมายาวประมาณ 20 หน้ากระดาษ
- การจัดการเนื้อหามีลักษณะเป็น node ซึ่งสามารถเรียกใช้งานกี่ครั้งก็ได้ การแสดงผลก็ง่ายนิดเดียว (ยากมาก) ไปเรียน TYPOscript ซะ ทำให้ต้องเสียเวลาในการเรียนรู้มหาศาล แต่คุณสามารถจัดหน้าเว็บยังไงก็ได้
- มีระบบ work flow ช่วยในการดูแลระบบ
- วิธีการติดตั้งสามารถทำผ่านหน้า admin จะมีแยกเป็น Modules และธีม
- การปรับแต่งหน้าตาต้องมีความรู้ทาง html และ TYPOscript แล้วจะทำให้เลิศปานไหนก็ได้
- SEO ทำได้ดีไม่แพ้ Drupal
- มีการกำหนดสิทธิ์ของผู้ใช้ที่ดีเยี่ยม
สรุป Drupal - 9, Joomla! - 8, Mambo - 9, Typo3 - 4
หมัดสี่ สิ่งแวดล้อมในการพัฒนา
Drupal มีการเขียนเป็นมอดูลที่ดี โค้ดสะอาด เข้าใจง่าย มีลักษณะเกือบเป็น Model-view-controller (MVC) จึงสามารถมองตัว Drupal เป็น framework กลาย ๆ ได้ จึงสะดวกในการเขียนมอดูลเพื่อปรับแต่งให้ Drupal ทำงานได้ตามใจ
Joomla! สำหรับ Joomla! 1.5 ตัว Joomla! เองได้เขียนโค้ดใหม่หมดและได้กลายเป็น framework เต็มตัว ทำให้สามารถพัฒนามอดูลเพิ่มเติมได้ง่ายไม่แพ้ Drupal
Mambo การพัฒนามอดูลยุ่งยาก การเรียกเปิด API ยังทำได้ไม่ดี คู่มือมีน้อยต้องมีความรู้หลายด้านนอกจาก PHP เช่น XML แต่อีกประมาณ 2 ปี Mambo รุ่น 5.0 จะมีการเขียนโค้ดใหม่บน Cake Framework ซึ่งจะทำให้ง่ายในการปรับแต่งสุด ๆ แต่อาจต้องแลกด้วยประสิทธิภาพมหาศาล (Cake Framework เป็นหนึ่งใน PHP Framework ที่ขึ้นชื่อเรื่องความช้า)
Typo3 ยอดเยี่ยมมาก สามารถทำสิ่งที่ CMS ตัวอื่นทำไม่ได้ เช่น ทำเว็บสร้างธีมมือถือ คู่มือมีพร้อมสมบูรณ์
สรุป Drupal - 10, Joomla! - 10, Mambo - 8, Typo3 - 10
(19 กันยายน 2550)
ศึกจ้าว CMS ภาค 1 เทียบมวย
ศึกจ้าว CMS ภาค 2 ยกแรก
ศึกจ้าว CMS ภาค 3 ยกที่สอง
ศึกจ้าว CMS ภาค 4 ยกที่สาม
ศึกจ้าว CMS ภาค 5 ยกที่สี่
ศึกจ้าว CMS ภาค 6 ยกตัดสิน
Comments
"Cake Framwork เป็นหนึ่งใน PHP Framwork ที่ขึ้นชื่อเรื่องความช้า" ประโยคโดนใจ ที่ทำ framework เองเพราะเงี้ยแหละ ------------------------------------ Ford AntiTrust’s Blog; Blog DeveloperOnTheRoad = new SoloGeek.ThaiCyberPoint(’Ford AntiTrust’s Blog’);
Cake Framwork เป็นหนึ่งใน PHP Framwork ที่ขึ้นชื่อเรื่องความช้า ^ ^ Framework?
เคยลอง Typo3 ครับของเค้าเยอะจนทำอะไรไม่เป็นเลยเพราะงง เมืองไทยมีคนใช้เยอะไหม Make Love No War
ขอบคุณคุณ DoraeMew ครับ ผมสะกดผิดอีกละ งุงิ แก้ไขในบทความละครับ ส่วน Typo3 พอมีนะครับ
แล้ว PHP-Nuke! ล่ะ เป็นงัยบ้าง ไม่ค่อยเห็นกล่าวถึงกันเท่าไหร่อ่ะ // ว้าว เจอแย้วว อยู่อันแรกอ่ะ อิอิอิ -------------------------------------------------- | www.WalkRally.net | www.WalkRally.in.th | Walk Rally for Smart TeamWork
อ้วน กินทรัพยากร server มี module มาให้เกินใช้งาน theme ของ phpnuke ผมไม่ชอบอย่างมากๆเลย ไม่มีความอิสระของการออกแบบซักเท่าไหร่ แถมตัดตอนเป็นหลายๆส่วน ยุ่งยากต่อการแก้ไข ผมเลิกใช้มาตั้งแต่ 5.x
แต่ก็มีข้อดีตรงที่ว่า พวก dev มีเยอะมาก แก้ไขอะไรไวดี
---------------------------------
ส่วนตัวแล้ว ใช้งาน mambo เพราะว่า การสร้าง theme ค่อนข้างอิสระมาก และง่ายต่อการสร้าง แต่ระบบค่อนข้างซับซ้อน ถ้าจะกำหนดให้ตรงความต้องการจริงๆ
แต่ตอนนี้กำลังศึกษา drupal อยู่ เพราะว่า SEO อันดับแรก ง่ายสุดๆ อีกอย่างคือ เล็กกระทัดรัด ระบบมีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง ตัว core มีแต่ core จริงๆ ไม่ยัดสิ่งต่างๆมาให้ ส่วนเรื่อง theme ยังไม่ได้เข้าไปศึกษาเลย กำลังดูเรื่องระบบอยู่
มีใครใช้ Prado Framework เหมือนผมบ้าง?
ผมครับ
Make Love No War
มีวิจารณ์ข้อดีแล้วก็อยากให้มีวิจารณ์ข้อเสียมั้งครับ
เขียนดีจังเลยครับ ชวนติดตาม ว่าแต่จะมีกี่ยกเนี่ย เป็นมวยสมัครเล่น หรือมวยอาชีพเอ่ย...อิอิ
ขอแจม หน่อย เป็นบทความที่ดีมากๆ เทียบให้เห็นแต่ละตัว
มีคนถามมาเยอะ ว่าใช้ตัวไหนดี ก็เลือกดูความสามารถ ว่าเว็บเราเป็นแบบไหน
มีคนบอกผมว่า joomla ใช้ ง่ายกว่า Mambo นะเวอร์ชั่น ปัจุบัน (joomla 1.xx กับ mambo 4.xx) ผมก็ยังแยกไม่ค่อยออก ฮะๆๆ joomla มี ของเล่น(component module mambot) เยอะกว่า mambo กว่า 70 % ที่อยู่กับ จูมล่า ใช้กับ mambo ได้ และกำลังย้ายกลับ มาแมมโบ้
Drupal ผมก็ใช้อยู่ เหมาะกับการทำเว็บที่มีนักเขียนเยอะๆ แต่เอามาทำเว็บ Portals ผมว่า 2 joomlaกับmambo Ok กว่า ด้วยความง่ายในการออกแบบ
ส่วน typo ใช้ยากนิดนึง คอมมูนิตี้น้อยยังที่ว่า
แต่สิ่งสำคัญที่สุด ต่อให้คุณมีสคริปขั้นเทพ แต่เนื้อหาของคุณไม่ได้เรื่อง สคริปนั้นๆ ก็ช่วยอะไรไม่ได้
มวยไทยครับ งุงิ ขอพัก 1 วันครับ พอดีเพื่อนมาจิก (แถมการกุศลอีก)
เวลาเพิ่ม module ใน Drupal นี่ไม่ต้องยุ่งกับ SQL เองแล้วนะครับ แค่ copy ไฟล์ไปไว้ให้ถูกที่แล้ว enable, แล้วระบบจะสร้าง table ที่ต้องใช้ให้
เรื่อง SEO ของ Drupal นี่ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดยเฉพาะถ้าใช้ pathauto.module ด้วย
แต่มันจะไปโหลด database จน performance drop ลงครับ เคยเขียน monitor ตัว query ดักดู ทุก ๆ link ที่มีการ rewrite style ใหม่จะถูก select จาก database ที่เป็น alias url ทุก ๆ link บางครั้ง query ข้อมูลจาก db มากกว่า 200 queries ต่อ 1 หน้าเลยทีเดียว ถ้าไม่มี cache ช่วยนี่คาดว่า server ล่มกันง่าย ๆ เลย เว็บ siampod.com เคยทำ link alais เยอะสุด ๆ โดยมี alias url ประมาณหมื่นกว่า ๆ ได้จน database table ที่เป็น alias ขนาดใหญ่มาก ๆ เวลาใช้งานแต่ละหน้าช้าลงอย่างเห็นได้ชัดเลย จนต้องไล่เอา alias ที่ไม่จำเป็นออกจาก autopath และใช้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น ------------------------------------ Ford AntiTrust’s Blog; Blog DeveloperOnTheRoad = new SoloGeek.ThaiCyberPoint(’Ford AntiTrust’s Blog’);
ตกลงไม่มีคนใช้ Seditio จริงๆ หรอครับเนี่ย ถึงจะไม่ opensource แต่ก็ฟรีนา - -' http://www.neocrome.net/ - เล็ก (ขนาดแฟ้มต้นฉบับ < 300k) - เร็ว ( < 20 query/page + caching) - ไม่รั่ว ( anti-hammer & anti flood & สารพัดระบบป้องกัน ) - seo เจ๋ง (ตั้งชื่อ page ได้โดยตรง ไม่ต้องขึ้นเป็น id อยู่)
SEO โดย Search Engine Friendly URL(SEF) ของ drupal หากไม่นับการใช้ modules ก็ต้องไป enable ยุ่งยากมาก ถ้าไม่ ble ก็เป็น node อย่างนี้ แล้ว bleแล้ว ผมไม่ทราบว่าใช้กับภาษาไทยได้รึปล่าว?(เห็นส่วนใหญ่ก็เป็น node ทั้งนั้นเลย แสดงว่าไม่ค่อยมีคน enable)enable แล้วอาจจะ ก็ดีกว่า joomla ครับ ของ joomla เปลี่ยนชื่อ htaccess.txt เป็น .htaccess แล้ว ติ๊ก enable ใช้ id แสดงเลยไม่มีปัญหาภาษา
หากนับการใช้ modules drupal ก็มี sef module ที่ช่วยเสริม ...joomla ก็มีเหมือนกัน
modules SEF ของ joomla มีหลายค่าย แต่ที่ดีสุดก็คือ sh404SEF ที่ทุก commentที่ extensions.joomla.org บอกว่าดีที่สุด(ผมก็คิดว่าดีที่สุด)
url = http://www.yourdomain.com/[ชื่อsection]/[ชื่อcategory]/[ชื่อtitleหรือtitle alias].html
ชื่อ section เลือกไม่ใช้ก็ได้ แต่ที่ดีที่สุดคือการเลือกใช้ title alias หรือ นามแฝงของหัวเรื่อง
เพราะ อย่างหนึ่งที่เป็นปัญหาที่สำคัญของ SEF คือภาษาไทย หากชื่อtitleของคุณเป็นภาษาไทย joomla สามารถเลือกใช้ title alias หรือนามแฝงซึ่งคุณจะต้องตั้งอยู่แล้วตอนสร้าง content เราก็ตั้ง title เป็นภาษาไทย แล้ว title alias เป็นภาษาอังกฤษ url ของคุณก็จะเป็นตาม title alias
ได้ครับ
http://www.xn--v3cgadd2ib0g8c.com เว็บนี้เห็นตั้งชื่อไฟล์เป็นภาษไทยได้ครับ ลองเข้าไปดูกันครับ แต่อยากรูปว่า ไฟล์ประเภท รูปภาพนี้ตั้งชื่อ ภาษาไทยได้เปล่า โฟลเดอร์ ก็เป็นไทยด้วยมีทำได้ม่ะ อยากรู้จริง(ถ้าใช่จูมล่าทำ)วิธี