หนึ่งในประกาศช่วงงาน Google I/O 2018 คือ Volvo เตรียมนำแอนดรอยด์มาใช้บน Infotainment ซึ่งเป็นการใช้งาน Android ตัวเต็มเลย (เหมือนเอาแท็บเล็ตไปแปะรถ) ต่างจาก Android Auto ที่เป็นการฉายจากมือถือไปขึ้นจอภาพรถยนต์
ในพื้นที่งาน Google I/O ก็มีเจ้ารถคันที่ว่ามาตั้งอยู่ด้วย ผมมีโอกาสลองไปเล่นเลยนำข้อมูลมาฝากกันครับ
ก่อนอื่นต้องเท้าความก่อนว่า ประกาศของ Volvo ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น และเราจะได้เห็นรถยนต์ที่ใช้ระบบนี้จริงๆ วางขายก็ต้องรอกันอีก 2-3 ปีเป็นอย่างต่ำ แต่รถต้นแบบของ Volvo ใช้รุ่น XC40 ที่ดัดแปลงคอนโซลด้านหน้ามาโชว์ให้เห็นกันก่อน ยังไม่ใช่รถยนต์รุ่นที่จะขายจริง
ในแง่ของแบรนด์ Volvo ไม่ใช้คำว่า Android ทำตลาด แต่ใช้คำว่า Volvo+Google แทน และชูจุดขายเรื่องฟีเจอร์ Google Assistant กับ Google Maps มากกว่าแบรนด์ Android
พนักงานของกูเกิลอธิบายว่าโครงการ Android ในรถยนต์ ถือเป็นโครงการใหม่นอกเหนือจาก Android Auto ที่มีอยู่แล้ว โดยกูเกิลวางแผนจะร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์อีกหลายยี่ห้อ แต่ตอนนี้ที่ประกาศชื่อแล้วยังมีแค่ Volvo เท่านั้น
ข้อดีของการใช้ Android ตัวเต็มเหนือ Android Auto คือมันสามารถเข้าถึงฮาร์ดแวร์ของรถยนต์ได้ด้วย เช่น เราสามารถปรับระดับแอร์ได้จากหน้าจอ Android เลย (สั่งงานด้วยเสียงพูดผ่าน Assistant ก็ได้เช่นกัน) แต่คอมพิวเตอร์หลักของรถยนต์ยังเป็นระบบแยกเฉพาะอยู่ ตัว Android ควบคุมเฉพาะหน้าจอ infotainment เท่านั้น
กูเกิลมีหน้าที่เป็นผู้พัฒนา Android สำหรับรถยนต์ให้ แล้วผู้ผลิตนำไปปรับแต่ง UI ต่อให้เป็นสไตล์ของตัวเอง จุดที่น่าสนใจคือ Android ระบบนี้มี 2 หน้าจอ คือหน้าจอหลักตรงคอนโซลกลาง และหน้าจอเล็กบริเวณด้านหลังพวงมาลัย (ตรงเข็มไมล์และเข็มแสดงความเร็ว) จะมีจอภาพแทรกอยู่เช่นกัน รูปแบบการใช้งานอย่างเช่น เราเปิดระบบนำทางใน Google Maps แล้วไปแสดงให้คนขับเห็นในจอเล็ก ส่วนจอหลักยังสามารถนำไปใช้ทำอย่างอื่น เช่น ฟังเพลง ได้
Android รุ่นที่ใช้งานในรถคันนี้เป็น Android P ตัวล่าสุดด้วย (ใหม่สุดขอบจริงๆ) ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งคือมี Play Store มาให้ติดตั้งแอพเพิ่มได้เอง ตอนนี้มีแอพประมาณ 40 ตัว และยังมีเฉพาะแอพกลุ่มสื่อสารกับฟังเพลงเท่านั้น หน้าจอแอพจะถูกบังคับเรื่อง UI ในระดับหนึ่ง เช่น แอพฟังเพลงมีปุ่มควบคุมมาตรฐาน แต่ก็มีพื้นที่สำหรับปุ่มควบคุมเฉพาะของแอพเองเช่นกัน
ผมถามถึงประเด็นเรื่องการอัพเดตและการต่อเน็ต พนักงานของกูเกิลอธิบายว่า กูเกิลคำนึงเรื่องการอัพเดตในระยะยาวอยู่แล้ว เพราะรถยนต์คันหนึ่งต้องมีอายุเกิน 10 ปี แต่ก็ยังไม่สามารถบอกได้ชัดว่าแผนการเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องการต่อเน็ต รถยนต์สามารถต่อ Wi-Fi ได้แน่นอน รวมถึงต่อ cellular แบบ tethering จากโทรศัพท์ แต่จะต่อเน็ต cellular ได้โดยตรงหรือไม่ ขึ้นกับผู้ผลิตรถยนต์เป็นผู้ตัดสินใจ ซึ่งตรงนี้มีความซับซ้อนสูงและขึ้นกับบริบทในแต่ละประเทศ อย่างในอเมริกาอาจโดนโอเปอเรเตอร์อย่าง AT&T หรือ Verizon บีบให้สมัครแพ็กเกจเน็ตสำหรับรถยนต์แยกเฉพาะก็เป็นได้
หน้าตาการใช้งานจริงและรายละเอียดที่เหลือ ดูได้จากคลิปด้านล่างครับ
Comments
ทำไมผมไม่เห็นภาพเลย? เหมือนภาพถูกลบไป
ภาพหาย
Android auto จะหมดเวลาแล้วสินะ
ปัญหาหลักๆของระบบสนับสนุนของรถยนต์ปัจจุบันยังขาดก็หน้าจะเป็นระบบสั่งงานด้วยเสียงที่ดี
การเลือกของ volvo น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสมที่สุดในตอนนี้ เพราะระบบ google Assistant ที่ดีกว่าเจ้าอื่นมากทำให้อนาคตที่จะต่อยอดเหนือกว่าระบบอื่นๆ และบวกกับ
OS ที่มีการปรับปรุงที่ดีขึ้น และ ความสามารถในการอัพเดท OS ที่ง่ายกว่าเดิมมากด้วยโปรเจก treble ถึง google จะไม่ช่วยเหลือต่อ โดยที่ให้ค่าใช้จ่ายในการอัพเดท OS น้อยลงถ้าเทียบกับ Android auto ซึงไม่รู้จะเป็นยังไงในอนาคตที่ไม่รู้จะถูกทิ้งเมื่อใหล
ถ้าเลือกทำเองสามารถทำให้ดีกว่า google ได้เหลอ ต้องใช้ทรัพยากรขนาดใหนถึงจะดีกว่า ขนาด microsoft หรือ apple เองยังทำไม่ได้ไกล้เคียงเลย
ประเด็นของมคือ Google หันมาดันอีก Product นึงคือ Android ตัวเต็ม ในตลาดที่มี Product อื่นของตัวเองนั่นคือ Android Auto อยู่แล้ว นั่นหมายถึง Google กำลังจะทิ้ง Android Auto แล้วใช่ไหม
ปล. อ่านข้างล่างสงสัยจะตอบผิดคน
ตอนแรกก็อยากได้นะ ก็สงสัยว่าทำไมผู้ผลิตรถไม่ทำ พอเห็นของจริงแล้วก็ เออว่ะ ไม่ควรทำเลย 555
ลองคิดสภาพว่ารถใช้หลังจากนี้ไป 5-6 ปี มันจะอัพเดทแล้วจะช้ารึเปล่า แน่นอนว่าฟีเจอร์ใหม่ ๆ คงใช้ไม่ได้ สุดท้ายอาจจะต้องถอดออกแล้วใช้ 3rd party เอาแล้วพอทำงั้นมันดูแปลก ๆ แล้วบางทีไม่เข้ากับตัวรถและระบบรถอีก
Tesla ปล่อยตัวอัพเดทระบบแผนที่ให้รถที่ใช้ MCU ตัวเก่า (Model S/X หลายปีก่อน) ผลคือลื่นขึ้นเยอะ
บอกว่าอีกหน่อยมีออพชั่นให้ไปอัพเกรด MCU ได้
ใช่ครับ ในใจคิดไว้ว่า ใช้ OS ของตัวเองแบบ Tesla ดีกว่าที่จะมาเป็น Android เพราะยังไงมันก็น่าจะทำมาให้ Optimize กับระบบมากกว่าน่าจะลื่น + ปลอดภัยกว่า แต่ถ้าเป็น Android นี่ไม่รู้เลยว่าจะยังไง
ส่วนการอัพเกรดได้นี่ดีมาก ไม่รู้ว่า Volvo จะทำมั้ย
คือถ้าทำดี จะกลายเป็น Apple เลยคือ optimize ได้เข้ากับ hardware
แต่ก่อนหน้านี้มีแต่คนด่า ว่าทำไมไม่ใช้ของดีๆที่มีอยู่แล้วอย่าง Google Maps 555
ตามที่ผมเข้าใจ Volvo กับ Google ร่วมมือกันมาก่อนหน้านี้สักพักแล้วนี่ครับเรื่อง Android infotainment ในรถ Volvo แต่งาน I/O ปีนี้มาอัพเดทว่าถึงไหนแล้ว แล้ว apps ตอนนี้ก็น่าจะมีให้ใช้หลักพันแล้ว หรือผมเข้าใจผิดไปเอง ^^
รถยนต์แถมแพ
ปรกติ front ของรถยนต์มัน Update เองได้ไม่กี่เจ้าอยู่แล้วนี่ครับ ถ้าจะ Update ส่วนใหญ่ก็ต้องเปลี่ยนทั้งแผง
มาล่องแพกับพี่
เปิด Kodi,youtube,spotify,netflix,google map ได้ ผมก็พอใจแล้ว ตอนนี้ต่อ mi box 3 +android auto กับ pioneer ได้ก็ครบหมดแล้ว
ถ้าเกิด software มีปัญหาขึ้นมากับหน้าจอหลักหลังพวงมาลัยนี่อาจถึงขั้นแสดงผลไม่ขึ้นกันได้เลยทีเดียว
That is the way things are.
ดีงามแบบไม่ต้องหา Android Box มาใส่เพิ่ม
กล่องพวกนั้นยัง Android version 4,5 ด้วยซ้ำ
แบบนี้ต่อไปเวลาต่อ OBD II ก็ไม่ต้องง้อมือถือแล้ว
+1 อ่านแล้วเห็นภาพ ช่างก็เปิดจอดูไปเลยไม่ต้องต่อคอม
รถ Honda civic ผมก็ android full ครีบ โหลด app จาก store ได้เหมืนกัน ใช้ spotify YouTube Twitter true id (เอาไว้ดู true vision platinum ในรถ) ดู google map กด้ลือกจากมือถือ แล้ว sync เข้ารถ ต่อกล้อง DVR เข้า รับ mail เปิด line + google assistant
ทั้งหมดนี้ 2 din android จีนมีกว่าสองปีแล้วครับ ส่วนเน็ตมันมีช่องใส่ซิม ต่อเน็ตตลอด
เห็นข่าวนี้แล้วไม่แปลกใจ ใช้มาแล้วก็สองปี ราคาหมื่นต้นๆไม่ได้แพงเลย
ย้ำว่า android full ไม่ใช่ auto