Apple ได้ยื่นเรื่องให้ USPTO ซึ่งเป็นหน่วยงานดูแลทรัพย์สินทางปัญญาในสหรัฐอเมริกา ประกาศยกเลิกสิทธิบัตรของ Qualcomm จำนวน 4 ฉบับ โดยให้ถือเป็นโมฆะ ทั้งนี้สิทธิบัตรที่ว่านี้เป็นสิทธิบัตรที่ Qualcomm ใช้ฟ้องร้อง Apple ว่ามีการละเมิดใช้งานเทคโนโลยีในสิทธิบัตรโดยเรียกร้องเงินชดเชยนับพันล้านดอลลาร์
ที่มาที่ไปของข่าวนี้ต้องย้อนจากจุดเริ่มต้นของเรื่องว่า Qualcomm นั้นถือครองสิทธิบัตรอยู่ราว 130,000 ฉบับ และในบรรดาสิทธิบัตรมากมายเหล่านั้นก็มีสิทธิบัตรเกี่ยวกับชิปโมเด็มอยู่ด้วย ซึ่งนั่นทำให้ Qualcomm สามารถทำเงินได้จากค่าขออนุญาตใช้งานเทคโนโลยีตามสิทธิบัตรดังกล่าว โดยสามารถเรียกเก็บเงินจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนหลายรายในอัตรา 5% ของมูลค่าสมาร์ทโฟนแต่ละเครื่อง ซึ่ง Apple เองก็เป็นหนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่ว่านี้และต้องจ่ายให้เงินให้ Qualcomm ราวปีละ 2 พันล้านดอลลาร์
Apple นั้นรู้สึกว่ามูลค่าเงินที่ Qualcomm เรียกเก็บนั้นมากเกินไป จึงตัดการจ่ายเงินส่วนดังกล่าวและดำเนินการฟ้อง Qualcomm เมื่อช่วงต้นปีก่อนด้วยเรื่องนี้ ซึ่งเบื้องลึกเบื้องหลังนั้นก็สืบเนื่องมาจากความไม่พอใจระหว่างกันที่ Qualcomm มองว่า Apple เป็นฝ่ายยุให้ Samsung ไปกระตุ้นให้ทางการเกาหลีสอบสวน Qualcomm เรื่องการผูกขาดตลาดจนนำไปสู่การไต่สวน Qualcomm โดยหน่วยงานในประเทศอื่นๆ เรื่องประเด็นการผูกขาดตลาดชิปเช่นกัน
หลังจากนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นการฟ้องกันแบบยืนแลกหมัดกันเน้นๆ ช่วงเดือนกรกฎาคม Qualcomm ก็ฟ้อง Apple บ้าง โดยบอกว่าผู้ผลิต iPhone ละเมิดสิทธิบัตร 6 รายการ ซึ่งเน้นหนักไปในเรื่องการรับส่งข้อมูลไฟล์แบบไร้สายโดยลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ ซึ่งการฟ้องนี้ Qualcomm ได้ขอให้ทางการสหรัฐฯ สั่งระงับการนำเข้า iPhone ทุกเครื่องที่ไม่ได้ใช้ชิปของ Apple เองด้วย
พอถึงช่วงเดือนพฤศจิกายนของปีก่อน Apple ก็ฟ้อง Qualcomm คืนอีกโดยกล่าวหาว่าหน่วยประมวลผล Snapdragon 800 และ Snapdragon 820 ของ Qualcomm นั้นละเมิดสิทธิบัตรว่าด้วยเรื่องของการยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่โดยอาศัยเทคนิคต่างๆ จำนวน 8 ฉบับ
ในขณะที่ Qualcomm เองก็ไม่อยู่เฉย ออกมาบอกว่ามีการฟ้องเรื่องสิทธิบัตรของตนถูก Apple ละเมิดนำเอาเทคโนโลยีไปใช้งานโดยไม่จ่ายเงินค่าใช้งานเพิ่มอีกหลายฉบับ และสรุปว่ารวมแล้ว Qualcomm ได้ฟ้อง Apple ฐานละเมิดใช้งานสิทธิบัตรโดยไม่ชอบรวม 16 ฉบับด้วยกัน โดยไม่ได้จำกัดแค่เพียงสิทธิบัตรเกี่ยวกับระบบการสื่อสารไร้สาย
จนเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การไต่สวนคดีความระหว่าง Apple และ Qualcomm ที่ซัดกันนัวเนียก็เริ่มต้นขึ้น งานนี้หาก Apple แพ้คดีก็อาจจะต้องเสียเงินให้ Qualcomm มากถึง 2.5-4.5 พันล้านดอลลาร์ (ขึ้นอยู่กับการนับจำนวนเครื่อง iPhone และสินค้าอื่นทีเกี่ยวข้องของ Apple และมูลค่าเงินชดเชยว่าคิดเป็นเงินเท่าไหร่ต่อเครื่อง)
และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็มีอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ Apple งัดมาสู้กับ Qualcomm นั่นก็คือการร้องต่อ USPTO ให้พิจารณาสิทธิบัตร 4 ฉบับที่ Qualcomm นำมาใช้เพื่อการฟ้อง โดย Apple ระบุว่าควรถูกยกให้เป็นโมฆะเนื่องจากไม่ได้มีความใหม่ในแง่เทคโนโลยีหรือแนวคิดอันใดแตกต่างไปจากสิ่งที่มีอยู่ก่อนหน้านั้น โดยสิทธิบัตร 4 ฉบับที่ว่ามีดังนี้
ศึกครั้งนี้ดูท่าจะยืดเยื้อยาวนาน และดูท่าแล้วมันอาจหมายถึงการเดิมพันกันด้วยมูลค่าเงินที่สูงกว่าเงินชดใช้ในคดีสิทธิบัตรระหว่าง Apple กับ Samsung หลายเท่า
Comments
ก็ว่ากันไปตามกฏหมาย แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่า Apple ทำเหมือนบริษัทหนึ่งที่แฟนๆเกลียดเคยทำ แล้วก่นด่าบริษัทนั้นๆจนเละเทะ
ทุกวันนี้ก็แทบกลืนน้ำลายตัวเองไม่ทันแล้วครับ
บ. S หรือเปล่าครับ ?
ว่าแต่เก็บ 5% กับ บ.ที่รวยแทบจะที่สุดในโลกที่ขาย โทรศัพท์ราคาตัวละครึ่งแสน แพงกว่าทุกยี่ห้อเท่านึง แต่ spec ต่ำกว่า แล้ว บ.ที่ว่านี่ บอกว่า แพงไปไม่จ่ายแต่จะใช้มีอะไรมั้ย นี่ ไม่ไหวเลยนะครับ
ขอบคุณคุณตะโร่งโต้งครับ ช่วงนี้เห็นเขียนข่าวยาว+ยืดเยื้อที่เอามาสรุปเป็นข่าวได้ยากหลายข่าวเลย
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
+1 ครับ
ยุคนี้เป็นยุคอเมริกากีดกันจีน แอปเปิ้ลอาจจะทำสำเร็จก็ได้นะนิ
เดี๋ยวนะครับ Qualcomm เป็นบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ นะครับ ไม่น่าเกี่ยวกับจีนในข่าวนี้
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
บริษัทฯหลายๆตัว นายทุนจีน ผลิตจีน จ้างแรงงานจีน......
แต่จดตั้ง สนญ. ที่ สหรัฐ/ยุโรป มันก็ยังไงๆอยู่นะครับ
ผมว่า Foxconn ก็เคสคล้ายๆกัน
ขอบคุณที่สรุปมาให้อีกรอบครับ มันยืดเยื้อจนผมผมเลิกตามต้นข่าวไปเลย 5555
ฟ้องกันไปกันมาหลายรอบเกิน
เป็นศัตรูจะเค้าไปทั่ว ซักวันจะเจ๊งเอานะ
เป็นเรื่องปกติครับ ธุรกิจไหนกำไรดีคนอื่นก็อยากมึเอี่ยวขอส่วนแบ่ง ฝ่ายเจ้าเก่าก็ต้องหาทางกีดกันพวกนั้นสุดชีวิตเพื่อรักษากำไรของตัวเองให้ได้
ผมเห็นเค้าก็ฟ้องร้องกันเป็นปกติในหลายๆ บริษัทนะ เรื่องพวกนี้มันเรื่องธรรมดามาก และส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เป็นศัตรูกันไปตลอด เอาเรื่องผลประโยชน์นำกันทั้งนั้น เมื่อไหร่ที่คุยกันลงตัวก็กลับมาจูบปากกันเป็นปกติ
อีก 5 ปี ค่อยมาดูผลอีกที ท่าทางจะนานจัด
5% ของมูลค่านี่น่าจะมูลค่าการผลิตเฉยๆใช่มั้ยครับ ถ้า 5% ของหน้าร้านนี่แพงมากๆ แค่ 5% ของการผลิตก็ว่าแพงแล้ว แค่ chip ตัวเดียว (รึหลายตัว?)
ช่วงนี้นับถือคุณตะโร่งโต้งเป็นพิเศษจริงๆ
ข่าวความระดับ "บทความ" ที่ซับซ้อนหลายข่าว แล้วต้องเอามาย่อยให้อ่านรู้เรื่องเนี่ย
ทำไมผมฮาคอมเม้น มันแค่ป็นหนึ่งในกระบวนการธุรกิจ
บริษัทใหญ่โต ต้องการลดค่าใช้จ่ายเรื่องสิทธิบัตร เมื่อเจรจากันไม่ได้ ก็ต้องค้าความกัน เงินเยอะเสียด้วย เลยไม่กลัว Apple ก็มีช่องทางเยอะ นอกจากฟ้องร้องในศาลแล้ว ก็ยังใช้วิธีการแสบๆ ในการยื่นเรื่องให้ USPTO ยกเลิกสิทธิบัตรมันเสียเลย งานนี้ Qualcomm เหนื่อยหน่อย จะทนแรงเสียดทานได้แค่ไหน
งานนี้ถ้าแอปเปิ้ลชนะ ค่ายมือถือเจ้าอื่นๆได้อานิสงค์กันถ้วนหน้า
เอา ง่าย ก็ แค่ เอเปิล ทำอะไร เอง ให้หมด ่คิดใหม่ ให้ หมด ไม่ตองพึ่งคนอื่น เค้า อีกต่อไป จะได้ไม่ต้องจ่าย เงินชาว บ้านเค้า
เริ่มช้ากว่าชาวบ้านเขาก็เสียเปรียบแล้วครับ
คิดใหม่หมดแต่ถ้ายังเอิญไปเหมือนกับคนอื่นก็ต้องมาสู้กันและอาจจะต้องจ่ายเงินชาวบ้านเหมือนเดิมครับ