ในงาน 35C3 ปีนี้ Privacy International นำเสนอการศึกษาแอปจำนวนมากใน Google Play Store ที่แอปจำนวนมากส่งข้อมูลให้กับเฟซบุ๊กแม้ผู้ใช้จะไม่ได้ล็อกอินเฟซบุ๊กบนเครื่องเลยก็ตามที เนื่องจากนักพัฒนาจำนวนมากใช้ Facebook SDK และค่ามาตรฐานของเฟซบุ๊กเองจะเป็นการส่งข้อมูลให้บริษัทอยู่แล้ว
รายงานแสดงให้เห็นว่าแอปกว่าครึ่งส่งข้อมูลไปยังเฟซบุ๊กทันทีที่เปิดแอป โดยยังไม่มีการขออนุญาตผู้ใช้ใดๆ ขณะที่แอปบางตัวเช่น KAYAK ส่งข้อมูลมากกว่าปกติมาก โดยส่งข้อมูลการค้นหาเที่ยวบินทุกรายการกลับไปยังเฟซบุ๊กด้วย ระบุทั้ง เมื่อต้นทาง, เมืองปลายทาง, วันเริ่มต้นเดินทาง, วันเดินทางกลับ, ชั้นโดยสาร, จำนวนตั๋ว, และ Google Advertising ID สำหรับการเชื่อมโยงกับบริการโฆษณาอื่น
ข้อมูลที่เฟซบุ๊กได้ไปพร้อมกับ Google Advertising ID (AAID) เป็นเลขประจำตัวผู้ใช้ที่กูเกิลอนุญาตให้บริษัทโฆษณาสามารถเก็บได้ โดยห้ามเก็บข้อมูลระบุตัวตนผู้ใช้โดยตรง เช่น อีเมล, หรือหมายเลข MAC ของเครื่อง ข้อดีของ AAID คือผู้ใช้รีเซ็ตหมายเลขนี้ได้เองเสมอ แต่หากไม่รีเซ็ตเอง หมายเลขนี้ก็จะติดตามตัวได้แทบเท่าๆ กับค่าระบุตัวตนอื่นๆ เช่น อีเมล ผู้ใช้แอนดรอยด์สามารถรีเซ็ตค่าได้เองผ่านเมนู Settings > Google > Ads > Reset advertising ID การเก็บข้อมูลจากแอปจำนวนมาก ทำให้บริการสามารถคาดเดาข้อมูลส่วนตัว เช่น เพศ, อายุ, ศาสนา, หรือความสนใจอื่นๆ ได้
เฟซบุ๊กยอมปรับ SDK ให้สามารถตั้งค่าไม่ให้ส่งข้อมูลกลับบริษัทหลังเปิดแอปได้แล้วใน SDK เวอร์ชั่น 4.34 ที่ออกเมื่อกลางปีที่ผ่านมา (หลัง GDPR มีผลบังคับ) จนทุกวันนี้แอปขนาดใหญ่ก็ยังใช้เวอร์ชั่นเก่ากว่านั้น เช่น Spotify เองใช้ Facebook SDK 4.31 และ Skyscanner ใช้เวอร์ชั่น 4.33 และแม้จะปิดการส่งข้อมูลแล้ว ตัว SDK ก็ยังส่งข้อมูลว่า SDK ถูกโหลดสำเร็จแล้วกลับไปยังเฟซบุ๊กอยู่ดี
ตัวรายงานหนา 50 หน้าระบุถึงข้อสังเกตและคำแนะนำ เช่น กูเกิลควรเตือนให้ผู้ใช้รีเซ็ต AAID ตามระยะเวลา และหาค่าได้ง่ายขึ้น, ส่วนเฟซบุ๊กควรสร้าง SDK ที่ทำให้นักพัฒนาเคารพต่อความเป็นส่วนตัวผู้ใช้เป็นค่าเริ่มต้น ส่วนผู้ใช้ควรรีเซ็ตค่า AAID อยู่เรื่อยๆ, เลือกไม่รับการแสดงโฆษณาแบบส่วนบุคคล, จำกัดสิทธิ์ที่ไม่จำเป็นออกจากแอป หรือเลือกลงแอปสำหรับตัดการเชื่อมต่อกับโดเมน เช่น graph.facebook.com ไปเลย
ที่มา - Privacy International, CCC.de
Comments
ด่าแอปจีน โปรแกรมจีน อุปกรณ์จีนกันมาตั้งหลายปี โธ่
ตามสเตปก็จะตอบว่า
"FB เป็นบ.เอกชน ถ้าไม่พอใจก็เลิกใช้ได้"
ผมว่าใช่อยู่แล้วนะ ไม่เหมือนที่จีน แบบนั้นไม่มีทางเลือกครับ หรือไม่รู้เลยจนกว่าจะถูกเปิดเผยครับ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
จะเลิกใช้ได้ยังไงครับ ตามเนื้อข่าวก็บอกว่าส่งข้อมูลกลับไปยัง facebookแม้ว่าไม่ได้ login
อย่างน้อยถ้ารู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่เป็นธรรมหรือโดนละเมิดมากจนเกินไป ก็ยังพอมีหนทางต่อสู้ได้ หรือดีไม่ดีฟ้องเรียกค่าเสียหายได้เงินมาใช้ด้วยนะ ซึ่งนึกไม่ออกว่าถ้าเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นในจีน ผลลัพธ์มันจะออกมาในรูปแบบไหน
ถ้าเป็น app จีนคุณ "อาจจะ" ไม่มีวันได้เห็นข่าวแบบนี้ในประเทศจีนเลยด้วยซ้ำครับ ผมคิดว่าอย่างไรเสียระบบที่อนุญาตให้คนอื่นตรวจสอบได้ย่อมดีกว่า อย่างกรณีข่าวนี้ก็ทำให้เกิดความตื่นรู้ขึ้นมามาก ผมไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไรแต่ผมคนหนึ่งที่รู้สึกว่า Facebook มันรุกล้ำเรามากเกินไปขึ้นทุกที
That is the way things are.
ถึงขนาดเอาภาพถ่าย + เลขบัตรประชาชนไปขึ้นหน้าจอประจานกลางสาธารณะ ถ้า AI ตรวจจับคนทำผิดกฏจราจร
และคนที่ทำคือภาครัฐเองนี่ อย่างอื่นก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครับ
ไอโฟนจะรอดไหมน้อ นี่ขนาดลบแอพ ลบhistory ออกหมดแล้ว ก็ยังกังวลว่า แฟสบุคมันยังจะสามารถตามหลอกหลอนด้วยวิธีไหนอีก
ข่าวนี้ อึ้งมาก ชนาดไม่มีแอพไม่มีบัญชี ยังดูดออกไปได้
Android ไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยเหรอครับ สงสัย
แล้วไม่ลง fb ไว้เลยจะเอาข้อมูลอะไรไปได้ไหม
จากที่อ่านถ้าผมเข้าใจไม่ผิดคือได้หมดครับ
เค้าไม่ได้เอาข้อมูล fb ส่งให้ เค้าเอาข้อมูลเราที่ให้ไว้ใน app นั้นๆ ส่งให้ fb ถ้าข้อมูลนั้นมีอะไรที่บ่งชี้ถึงเราได้ fb ก็รู้ข้อมูลและผูกมายังเราได้
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
โทรศัพท์ซัมซุงกลายเป็นไม่น่าซื้อแล้วนะเนี่ย
พี่เล่นpreloadฝังกับเครื่องมาแบบถอนการติดตั้งไม่ได้ด้วย
ลองอ่านเรื่อง shadow account ได้ครับ ไม่จำเป็นต้องมียัญชี SNS ใด ๆ ก็มีข้อมูลได้