ในข่าว Windows Terminal 1.0 ไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะเรนเดอร์กราฟิกของแอพจากลินุกซ์ด้วย GPU ด้วย เบื้องหลังของมันคือสิ่งที่อาจจินตนาการไม่ถึงเมื่อหลายปีก่อนอย่าง DirectX บนลินุกซ์ (ในความหมายนี้คือลินุกซ์ที่ติดตั้งบน Windows Subsystem for Linux 2 หรือ WSL 2)
ไมโครซอฟท์อธิบายว่าพัฒนาเทคนิค GPU paravirtualization (GPU-PV) บนวินโดวส์มาหลายปีแล้ว และใช้งานในโปรแกรมฝั่งวินโดวส์หลายตัว เช่น Windows Defender Application Guard, Windows Sandbox และอีมูเลเตอร์ของ Hololens
ที่ผ่านมา GPU-PV รองรับเฉพาะ guest OS ที่เป็นวินโดวส์เท่านั้น แต่ล่าสุดไมโครซอฟท์ขยายมายัง guest ลินุกซ์ด้วย โดยเพิ่มไดรเวอร์ตัวใหม่ชื่อ dxgkrnl ที่ฝั่งเคอร์เนลวินโดวส์ที่เป็น host OS ส่วนฝั่งลินุกซ์ที่เป็น guest อยู่บนระบบ WSL2 จะมองเห็นเป็น /dev/dxg ตามภาพ
เมื่อฝั่งลินุกซ์มองเห็น GPU (เสมือน) เรียบร้อยแล้ว ไมโครซอฟท์จึงพอร์ตบางส่วนของ DirectX (ในที่นี้คือ DirectX Core และ Direct3D) มาบนลินุกซ์ โดยตัว libd3d12.so ของลินุกซ์เป็นการคอมไพล์โค้ดตัวเดียวกับ d3d12.dll ของวินโดวส์ ที่มีความสามารถและประสิทธิภาพทัดเทียมกัน (ในการใช้งานจริงจะเสียประสิทธิภาพจาก virtualization ไปบ้าง)
เมื่อโครงสร้างพื้นฐานทั้งไดรเวอร์จีพียู และ API ของ DirectX พร้อมแล้ว ทำให้โปรแกรมฝั่งลินุกซ์สามารถเรียกใช้งานจีพียูได้อย่างเต็มที่ ไมโครซอฟท์ยกตัวอย่างการใช้งานที่พบบ่อยมา 3 แบบ ได้แก่
โปรแกรมลินุกซ์มักเรียกใช้ API กราฟิกจากค่าย Khronos (OpenGL, OpenCL, Vulkan) ไมโครซอฟท์จึงเริ่มพัฒนาระบบ mapping ระหว่างฝั่ง Khronos มายัง DirectX อีกที ในขั้นแรกจะรองรับเฉพาะ OpenGL และ OpenCL ส่วน Vulkan อยู่ในแผนขั้นต่อไป
งานด้าน AI ที่เรียกใช้ผ่าน DirectML ของไมโครซอฟท์เอง (ที่ขี่อยู่บน Direct3D อีกที) ไมโครซอฟท์พอร์ต DirectML มาอยู่บนลินุกซ์แล้วเช่นกัน
แต่โปรแกรมสายใช้จีพียูช่วยประมวลผล (เช่น งาน AI) มักเรียกใช้งานผ่าน NVIDIA CUDA โดยตรง (ไม่ต้องผ่าน Direct3D) ตรงนี้ไมโครซอฟท์จับมือกับ NVIDIA แก้ปัญหานี้เรียบร้อยแล้ว โดย CUDA เวอร์ชันใหม่จะรองรับไดรเวอร์ /dev/dxg ได้โดยตรง
ฟีเจอร์ทั้งหมดจะอยู่ในไดรเวอร์ WDDM (Windows Display Driver Model) เวอร์ชัน 2.9 และจะเริ่มเปิดให้ใช้งานใน Windows Insider กลุ่ม Fast Ring ในเร็วๆ นี้
ที่มา - Microsoft
Comments
เอา DirectX ออกแล้วใช้ Vulkan แทนเลยจะได้ไหม ???
github.com/doitsujin/dxvk ปกติแล้วทดสอบกับ Linux อย่างเดียว แต่มีคนลองบน Windows 10 (RADV) แล้วใช้ได้ด้วย NVIDIA ผมยังไม่เห็นใครลอง
กำลังอยู่ในช่วง Extend ?
tensorflow บน wsl2 กำลังจะใช้ gpu ได้แล้วสิแบบนี้
เห็นใน Build มีการใช้ TensorFlow ผ่าน WSL2 ด้วย Windows Home โดยใช้ CUDA Core ของ GF16xx ครับ
คราวนี้ ML อาจไม่จำเป็นต้องเล่น Linux อย่างเดียวแล้ว
Windows อาจจะเป็น OS ที่ใกล้เคียง Linux มากๆ เพราะมี Linux ในตัว
เหมือน Microsoft จะส่ง patch ตัวนี้ขึ้น upstream linux kernel ด้วยนะครับ https://lkml.org/lkml/2020/5/19/742 มี maintainer ของฝั่ง graphics มา review ด้วย ค่อนข้างน่าสนใจเลยที่เดียวว่าจะได้ขึ้น upstream หรือไม่
โหยรัก M$ ยุคนี้ตายเลย.
วินโดวส์รุ่นถัดไปอาจจะใช้ core linux ก็ได้นะ อะไรก็เกิดขึ้นได้แล้วตอนนี้...
ยังคงมีเรื่องดีๆระหว่าง MS กับโลกฝั่ง Open source เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เยี่ยมเลย
..: เรื่อยไป
ขอ Office 365 บน Linux ด้วย
เค้าจะทำ Office 365 บน Linux ทำไม เมื่อเค้าพยายามเอาโปรแกรมบน Linux มารันบน Windows แล้ว ก็ใช้บน Windows เลยจบๆ กันไป ?
ประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลักแบบนี้ มีแววโดนตีกลับ
ไม่แน่ครับ เขาไม่ได้แตะต้อง Linux Kernel เลย แค่เหมือนส่ง Driver code เข้าต้นน้ำ แบบเดียวกับที่ VMware ส่งเข้าเหมือนกัน
Kernel ไม่รู้แต่ MPV มีแซะมาแล้วครับ https://github.com/mpv-player/mpv/commit/a20ae0417f2d1e1a2c173f5eaf66a81974df0008 ?
ความเห็นส่วนตัวผมคือ เค้าเหมือนเจ้าสัวขี้เหนียวอ่ะครับ อยากลงทุนน้อยๆ แต่ได้กำไรเยอะๆ ทั้งๆ ที่ตัวเองสามารถเปย์ได้เต็มที่สบายๆ แต่ไม่ทำ (ถ้าทำอาจเป็นการทุบหม้อข้าวตัวเองอ่ะมั้ง) อันนี้คือสำหรับกรณีนี้นะ
อีกหน่อยก็เปิดตัว DirectX สำหรับ Linux เจ้าตลาดไปใช้ พร้อม Office for Linux ไปเลย ได้ลูกค้าเพิ่มอีก ไม่ต้องพึ่ง Wine หรือโปรแกรมเสริม (Linux Desktop อย่าง Ubuntu, Linux Mint ฯลฯ)
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ทุกอย่างฝั่ง Linux ทำงานบน Windows ได้ ก็ซื้อ Windows ทีเดียว ได้ทั้ง 2 platform ไม่ต้อง port ไปมา
โอ๊ยยย เจ็บจี๊ด แบบนี้เหมือนกินบนเรือนขี้บนหลังคาเลย ถ้าดันรับแพทช์นะ ผมเศร้าเลย
ก็ Microsoft ไม่ได้ทำอะไรผิด license นิครับ ทำตามขั้นตอนทุกอย่าง เอา Linux kernel มาใช้ มีปัญหาก็ส่ง patch คืนต้นน้ำไป บริษัทอื่น ๆ ก็ทำกันแบบนี้ แถมตอนนี้เป็นบริษัท Top 5 ที่เป็น contributor ในโครงการ Linux kernel ด้วย
จงเก็บมิตรไว้ใกล้ตัว แต่จงเก็บศัตรูไว้ใกล้ยิ่งกว่า
ใช่แล้ว
ผมเฉยๆ นะครับ คิดว่าในกลุ่มคนแบบผมคงไม่มีผลอะไรมาก
ยังไง Windows ก็ไม่อนุญาตให้ Customize ได้พรุนอย่าง Linux
Windows เจอปัญหาอะไร ก็ต้องนั่งสวดมนต์รอเขาออก Patch
สำหรับ Linux ก็เอา Source มาไล่แก้เอง Compile ใช้เลย จบปัญหาในไม่กี่นาทีถึงไม่กี่วัน
หรือจะ Work around เอาก็มี Solution มากมายเยอะแยะเท่าที่สติปัญญาจะมีไอเดีย
ปล. นี่คุยกันแบบ CPE นะครับ ไม่ใช่ User
ไม่ต้องเศร้าครับ เดี๋ยวสักพักมีคนออก Linux kernel แบบ Microsoft-free แน่นอนครับ
บางคนเขาไม่อยากได้ Windows ก็มีนะครับ แต่ต้องการเล่นเกมแบบ Native ไม่อยากลง Wine หรือโปรแกรมเสริม ผมว่าก็เปิดโอกาสให้เกมของ MS และที่ใช้ DirectX ไปรันบน Linux ได้เลย ผมว่ามีแต่ได้นะ
ความล้มเหลว คือจุดเริ่มต้นสู่ความหายนะ มีผลกระทบมากกว่าแค่เสียเงิน เวลา อนาคต และทรัพยากรที่เสียไป - จงอย่าล้มเหลว
ผมพูดในมุมการลงทุนของ Microsoft น่ะ ถ้าเค้าจะลงทุน เค้าน่าจะลงทุนให้ platform ของเขารัน Linux แล้วโปรแกรมฝั่ง Linux มารันน่าจะได้ประโยชน์กว่า
เพราะเค้าขาย platform ของเขาได้ ส่วนการ contribute เค้าก็ทำเฉพาะส่วนที่มันสนับสนุนความเข้ากันได้ระหว่าง platform ซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน
ผมว่าไม่มีทางอย่างที่ด้านบนบอก MS ต้องการให้คนใช้และอยู่บน Windows เท่านั้น ไม่งั้นอัปเดตทีคงไม่พัง Bootloader เป็นระยะๆหรอก (แต่ขอให้ผมคิดผิดทีเถอะ?)
เกลียดนักเชียว คนรู้ทันเนี่ย :(
อยากได้win10 pure edition ที่ไม่มี microsoft store,linux subsystem แถมมาจังเลยเครื่องคงทำงานเบาะลงลดพื้นที่ได้อีกแยะ (เอาไว้เล่นเกมเท่านั้น)
The Last Wizard Of Century.
microsoft store อันนี้คงเป็นปไม่ได้
แต่ linux subsystem ปรกติถ้าไม่ไปเปิด มันก็ไม่มีติดตั้งแต่แรกอยู่แล้วครับ มันเป็นส่วนเสริมที่ต้องติดตั้งเพิ่มเติมครับ
ขอบคุณครับ ส่วนตัวยังมองว่า Linux system มีประโยชน์กว่า store เสียอีก
The Last Wizard Of Century.