ไมโครซอฟท์เปิดให้ใช้งาน DirectSR API กลางของ OS สำหรับการอัพสเกลภาพ Super Resolution (SR) ที่ใช้กับจีพียูได้ทุกค่าย ทั้ง AMD FidelityFX Super Resolution (FSR), Intel XeSS, and NVIDIA DLSS Super Resolution
การมาถึงของ DirectSR ทำให้นักพัฒนาเกมสาย DirectX ทำงานง่ายขึ้น เพราะเขียนเกมให้รองรับ DirectSR อย่างเดียวพอ แล้ว DirectSR จะไปคุยกับจีพียูแต่ละค่ายให้เอง ผลลัพธ์ที่ได้คือเราคงได้เห็นเกมที่รองรับการทำอัพสเกลภาพกันเยอะขึ้น เพราะทำได้ง่ายขึ้นมาก
ในเบื้องต้น DirectSR รองรับ AMD FidelityFX Super Resolution (FSR) 2.2 มาพร้อมในตัว ส่วนอีก 2 ค่ายรองรับที่ระดับไดรเวอร์แล้วเช่นกัน
Remedy Entertainment เตรียมออกแพตช์ใหม่ให้เกม Alan Wake 2 ปรับปรุงคุณภาพของเกมให้ทำงานกับจีพียูรุ่นเก่าๆ ได้ดีขึ้น ผลคือเกม Alan Wake 2 ปรับลดสเปกขั้นต่ำที่ต้องใช้รันเกมลง ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากในเกมทั่วไป
รายละเอียดทางเทคนิคของแพตช์ตัวนี้คือ เดิมทีเกม Alan Wake 2 จำเป็นต้องใช้ฟีเจอร์ Mesh Shading ที่มีในจีพียูรุ่นใหม่ๆ ที่รองรับ DirectX 12 Ultimate ขึ้นไป (เช่น GeForce RTX 20, AMD RDNA 2) ผลคือจีพียูที่เก่ากว่านั้นอย่าง GeForce RTX 10 ที่รองรับแค่ DirectX 12 แต่ไม่ถึงขั้น Ultimate จะเล่นเกมได้ประสิทธิภาพที่แย่มาก
ไมโครซอฟท์เปิดตัว DirectSR เป็น API ใหม่ในตระกูล DirectX ช่วยใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ของจีพียูทำ Super Resolution (SR) หรือการขยายสเกลภาพให้ละเอียดขึ้น
เราเห็นฟีเจอร์จำพวก NVIDIA DLSS Super Resolution, AMD FidelityFX Super Resolution, Intel XeSS ออกสู่ตลาดกันมาสักระยะ การออก API ตัวนี้จะช่วยให้นักพัฒนาเกมทำงานง่ายขึ้น เพราะเขียนเกมให้รองรับ DirectSR อย่างเดียวพอ แล้ว DirectSR ไปคุยต่อกับจีพียูแต่ละค่ายให้เอง
DirectML เป็น API ระดับล่างตัวหนึ่งของ DirectX 12 ที่ใช้รันงาน machine learning บนจีพียู ปัจจุบัน DirectML รองรับจีพียูหลากหลายค่ายทั้ง AMD, Intel, NVIDIA, Qualcomm โดยซอฟต์แวร์ machine learning ยอดนิยมหลายๆ ตัวที่ทำงานบนวินโดวส์ เช่น ONNX Runtime, Windows ML, TensorFlow, PyTorch ต่างก็รองรับการเรียกใช้จีพียูผ่าน DirectML อีกทอดหนึ่ง
เมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้วพอดี อินเทลเปิดตัวจีพียู Intel Arc ชุดแรก ที่รันเกมยุคใหม่ DirectX 12 ออกมาประสิทธิภาพดี แต่มีปัญหากับเกมเก่าๆ ที่เป็น DirectX 11 ลงไป ซึ่งอินเทลยอมรับปัญหาและสัญญาว่าจะแก้ผ่านไดรเวอร์
ในรอบปีที่ผ่านมา อินเทลทยอยอัพเดตไดรเวอร์และปรับปรุงประสิทธิภาพของเกม DirectX 9 (เช่น Counter-Strike หรือ League of Legends) ให้ดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว ล่าสุดอินเทลออกไดรเวอร์เวอร์ชันใหม่ ปรับปรุงเกม DirectX 11 ให้เฟรมเรตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 19% และในกรณีที่ดีที่สุดเพิ่มขึ้นถึง 33%
จากการเปิดตัวของ macOS Sonoma มีฟีเจอร์หนึ่งที่ได้เปิดตัวมาด้วยคือ Game Mode ที่จะช่วยให้ Mac เล่นเกมได้ดีขึ้น มาพร้อม Tool ที่ช่วยในการพอร์ตเกมให้สะดวกขึ้นอย่าง Game Porting Toolkit แต่ว่าหลังจากจบ Keynote แล้ว Apple ได้ปล่อยคลิปในชื่อ Platform State of the Union ได้แสดงรายละเอียดของ Game Porting Toolkit เพิ่มขึ้น
ส่วนหนึ่งของคลิป Platform State of the Union ได้เจาะลึกไปที่ Game Porting Toolkit เกียวกับกระบวนการการพอร์ตเกมต่าง ๆ มาลง Mac โดยแบ่งเป็น 3 ด่านดังนี้
ไมโครซอฟท์ประกาศแผนการออก DirectStorage 1.1 ที่มีฟีเจอร์ใหม่ GPU Decompression ให้นักพัฒนาเริ่มใช้งานในช่วงปลายปี 2022
ไมโครซอฟท์เปิดตัว DirectStorage 1.0 มาตั้งแต่กลางปี 2021 (อัพเดตให้ผู้ใช้จริงๆ ในเดือนมีนาคม 2022) ช่วยให้ดึงไฟล์ assets ของเกมจากสตอเรจแบบ SSD NVMe ได้ประหยัดพลังซีพียูมากขึ้น โหลดไฟล์เร็วขึ้นสูงสุด 40% (ตัวอย่างเกมที่นำไปใช้งานคือ Forspoken ของ Square Enix)
มาถึงวันนี้ อินเทลยังไม่สามารถวางขายการ์ดจอแยก Intel Arc เวอร์ชันเดสก์ท็อปได้ตามแผน (เดิมทีบอกขายภายในไตรมาส 2) ตอนนี้ยังมีเพียงจีพียูรุ่นล่างสุด Intel Arc A380 วางขายแค่รุ่นเดียว แถมรีวิวก็ออกมาแย่เพราะปัญหาบั๊กของไดรเวอร์ และมีปัญหาประสิทธิภาพในการเล่นเกมที่เก่าสักหน่อย
สัปดาห์ที่ผ่านมา Lisa_Pearce ผู้บริหารฝ่ายกราฟิกของอินเทล ต้องออกมาเขียนบล็อกยอมรับว่าคุณภาพของไดรเวอร์มีปัญหาจริง และชี้แจงในประเด็นต่างๆ ดังนี้
อินเทลขึ้นประกาศหน้าเว็บไซต์ว่า จีพียูรุ่นใหม่ๆ ของตัวเอง ได้แก่ จีพียูออนบอร์ดในซีพียู 12th Gen และจีพียูแยกตระกูล Arc จะไม่รองรับ DirectX 9 (D3D9) อีกต่อไป เป็นผลให้ไม่สามารถเล่นเกมเก่าๆ ที่ต้องพึ่งพา DirectX 9 ได้แบบเนทีฟ แต่ยังสามารถเล่นได้ผ่านอีมูเลเตอร์กราฟิก D3D9On12 ของไมโครซอฟท์ ที่ใช้วิธี mapping DirectX 9 บน DirectX 12 และมีอยู่แล้วบน Windows 10 โดยเพิ่งเปิดเป็นโอเพนซอร์สในปี 2021
Luminous Productions บริษัทในเครือ Square Enix จากทีมเดิมที่ทำ FFXV กำลังจะมีเกมใหม่คือ Forspoken ออกขายในเดือนตุลาคม 2022
ล่าสุด ทีมงาน Luminous Productions ไปพูดในงาน Game Developers Conference (GDC) เล่าถึงเทคโนโลยีเบื้องหลังที่ใช้พัฒนาเกม มีทั้งชุดกราฟิก FidelityFX ของ AMD และฟีเจอร์สตอเรจ DirectStorage ของไมโครซอฟท์ ซึ่ง Forspoken เป็นเกมแรกที่ใช้งานฟีเจอร์นี้
ในคลิปที่ Luminous นำมาโชว์ แสดงระยะเวลาที่ใช้โหลดไฟล์ 20,000 ไฟล์ ขนาดรวม 4.5GB บนสตอเรจ 3 ชนิด ผ่าน DirectStorage API คือ
ไมโครซอฟท์เปิดตัว DirectStorage API บนพีซีอย่างเป็นทางการ ทั้งบน Windows 10 และ 11
DirectStorage API เป็น API ตัวใหม่ที่เริ่มใช้กับ Xbox Series X|S ก่อน ไอเดียของมันคือใช้ประโยชน์จาก NVMe SSD ที่ใช้งานกันแพร่หลายแล้วในยุคนี้ เกมสามารถสั่งดึงข้อมูลจากดิสก์เป็นชิ้นเล็กๆ (64kb) แต่ทำงานขนานกันมากๆ โดยไม่เปลืองแรงของซีพียูมากนัก เพราะกระจายงานโหลดและแตกไฟล์ไปอยู่ที่ตัว NVMe แทน
ชาวเกมเมอร์สายวินโดวส์น่าจะพอทราบว่า การเล่นเกมแบบเต็มหน้าจอ (fullscreen) กับการย่อในหน้าต่าง (windowed) มีผลต่อประสิทธิภาพของเกม ด้วยเหตุผลหลักๆ คือวิธีการเรนเดอร์เฟรมของกราฟิก (presentation mode) และยังมีประเด็นว่าการเล่นแบบหน้าต่างอนุญาตให้แสดงหน้าต่างอื่นหรือการแจ้งเตือนทับบนหน้าต่างเกมอีกที ในขณะที่เกมแบบเต็มหน้าจอได้ทรัพยากรเครื่องแบบไม่ต้องแบ่งให้ใคร
ไมโครซอฟท์มีวิธีเรนเดอร์เฟรม 2 แบบคือ blt แบบดั้งเดิม (ก่อน Windows 7) และ "flip model" ที่เริ่มใช้ใน Windows 7 แล้วพัฒนามาเรื่อยๆ (รายละเอียดบนเว็บไมโครซอฟท์)
ไมโครซอฟท์ประกาศฟีเจอร์ใหม่ของ DirectX 12 คือ Video Encoder เปิด API ให้ใช้จีพียูช่วยเร่งความเร็วการเข้ารหัสวิดีโอได้แล้ว ส่งผลให้แอพจำพวกตัดต่อหรือแปลงไฟล์วิดีโอทำงานได้เร็วขึ้น
DirectX 12 มี API สำหรับถอดรหัสวิดีโอ (Video Decoder) อยู่ก่อนแล้ว การเพิ่ม API สำหรับเข้ารหัสวิดีโอด้วยจีพียูมา ย้ายงานประมวลผลไปที่ฮาร์ดแวร์ ย่อมช่วยทำให้ประสิทธิภาพของแอพเพิ่มขึ้น
เบื้องต้นยังรองรับ codec สองตัวคือ H264 และ HEVC ใช้งานได้กับจีพียู 2 ค่ายคือ Intel (Ice Lake ขึ้นไป) และ NVIDIA (GeForce GTX 10 ขึ้นไป) ส่วนจีพียูฝั่ง AMD จะตามมาในไตรมาส 2/2022
ไมโครซอฟท์ประกาศนำฟีเจอร์ DirectStorage API ที่เริ่มใช้ใน Xbox Series X|S ตามด้วย Windows 11 มาใช้กับ Windows 10 ด้วย โดยใช้ได้กับ Windows 10 v1909 ขึ้นไป
DirectStorage API เป็นเทคโนโลยีด้าน I/O ที่ช่วยลดคอขวดของการดึงข้อมูลจากดิสก์ ที่จากเดิม แอพ/เกมต้องสั่งดึงข้อมูลเองตามคิว เปลี่ยนมาเป็นการเรียกผ่าน API ให้ดึงข้อมูลชิ้นเล็กๆ แต่ขนานไปพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป็นการดึงพลังของสตอเรจยุคใหม่อย่าง NVMe ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ผลคือเกมโหลดเร็วขึ้นมาก
ไมโครซอฟท์เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ด้านเกมมิ่งใน Windows 11 ทั้งหมด 3 อย่าง โดยสองอย่างแรกเป็นการยกฟีเจอร์จาก Xbox Series X|S มาใช้กับพีซีด้วย
Auto HDR เป็นการปรับภาพของเกมให้รองรับ HDR อัตโนมัติ แม้เกมนั้นไม่ได้ออกแบบกราฟิกมาเป็น HDR ก็ตาม ไมโครซอฟท์บอกว่ารองรับเกมที่เขียนด้วย DirectX 11 ขึ้นไป (ในเดโมใช้เกม Skyrim) และนักพัฒนาไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเลย
ไมโครซอฟท์ออก DirectX 12 Ultimate เมื่อต้นปี 2020 โดยเป็นชุด API กราฟิกยุคใหม่ ทันสมัยเท่า Xbox Series X
แต่ข้อจำกัดของ DirectX 12 Ultimate คือมันผูกกับ Windows 10 20H1 ขึ้นไป และในอนาคตถ้า DirectX มีฟีเจอร์ใหม่ นักพัฒนาเกมจำเป็นต้องรอผู้ใช้อัพเดตผ่าน Windows Update ก่อนจึงจะใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้ กลายเป็นอุปสรรคในการรองรับฟีเจอร์ใหม่ๆ
ข่าวสำคัญของแวดวงกราฟิกปีนี้คือ DirectX 12 Ultimate ที่เป็น API กราฟิกเดียวกันของทั้ง Xbox Series X และพีซี (เริ่มใช้ใน Windows 10 v2004 ที่ออกเดือนที่แล้ว)
ล่าสุด NVIDIA ออกไดรเวอร์ GeForce Game Ready เวอร์ชัน 451.48 ที่รองรับ DirectX 12 Ultimate เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นจีพียูค่ายแรกที่รองรับ DX12 Ultimate อย่างเป็นทางการ
ฟีเจอร์ใหม่ของ DX12 Ultimate ได้แก่ Ray Tracing, Variable Rate Shading, Mesh Shading, Sampler Feedback ซึ่งแน่นอนว่ากว่าเราจะได้ใช้ DX12 Ultimate กันจริงจัง ก็ต้องรอเกมชุดใหม่ที่พัฒนาด้วย DX12 Ultimate ที่จะเปิดตัวพร้อม Xbox Series X ในช่วงปลายปีนี้
ในข่าว Windows Terminal 1.0 ไมโครซอฟท์ประกาศว่าจะเรนเดอร์กราฟิกของแอพจากลินุกซ์ด้วย GPU ด้วย เบื้องหลังของมันคือสิ่งที่อาจจินตนาการไม่ถึงเมื่อหลายปีก่อนอย่าง DirectX บนลินุกซ์ (ในความหมายนี้คือลินุกซ์ที่ติดตั้งบน Windows Subsystem for Linux 2 หรือ WSL 2)
ไมโครซอฟท์อธิบายว่าพัฒนาเทคนิค GPU paravirtualization (GPU-PV) บนวินโดวส์มาหลายปีแล้ว และใช้งานในโปรแกรมฝั่งวินโดวส์หลายตัว เช่น Windows Defender Application Guard, Windows Sandbox และอีมูเลเตอร์ของ Hololens
ไมโครซอฟท์เปิดตัว DirectX 12 ในปี 2014 และออกตัวจริงในปี 2015 (พร้อม Windows 10 รุ่นแรก) เวลาผ่านมา 6 ปีก็ได้เวลาของ DirectX รุ่นถัดไปที่ไม่ใช่ DirectX 13 แต่เป็น DirectX 12 Ultimate
จุดเด่นสำคัญของ DirectX 12 Ultimate คือการนำฟีเจอร์กราฟิกใหม่ๆ ของคอนโซลยุคใหม่ Xbox Series X มาให้เกมฝั่งพีซีใช้งานได้ด้วย
ในอดีตที่ผ่านมา API ของ Xbox แต่ละรุ่นกับ DirectX นั้นไม่เหมือนกันซะทีเดียว (แม้ใช้แกนกลางเดียวกัน ต่างกันในรายละเอียด) แต่ในยุคใหม่ DX12 Ultimate จะเป็น API ตัวเดียวที่ใช้ได้ทั้งสองฝั่ง ช่วยเร่งให้นักพัฒนาเกมหันมาใช้ฟีเจอร์กราฟิกใหม่ๆ ของฮาร์ดแวร์ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
จุดขายสำคัญอีกประการหนึ่งของ Windows 10 คือใช้สถาปัตยกรรมกราฟิก DirectX เวอร์ชัน 12 ที่เหนือกว่าเวอร์ชัน 11 หลายด้าน ที่ผ่านมาไมโครซอฟท์คงนโยบายจำกัด DirectX 12 ไว้กับ Windows 10 เพียงอย่างเดียว
แต่วันนี้ ไมโครซอฟท์ช็อควงการด้วยการประกาศพอร์ต DirectX 12 กลับมายัง Windows 7 เพื่อให้เกมเมอร์ที่ยังใช้ Windows 7 ได้ประโยชน์จากกราฟิกที่พัฒนาขึ้นด้วย โดยเกมแรกที่จะได้ DirectX 12 บน Windows 7 คือ World of Warcraft: Battle for Azeroth กับแพตช์เวอร์ชัน 8.1.5 เป็นต้นไป
Futuremark เจ้าของซอฟต์แวร์ทดสอบกราฟิก 3DMark ออกชุดการทดสอบสำหรับ DirectX 12 ในชื่อ Time Spy ให้กลุ่มผู้ใช้ทั่วไปแล้ว โดยผู้ที่เสียเงินซื้อไปก่อนแล้ว จะได้รับการอัพเดตฟรี
แต่ทั้งนี้หากใครที่ต้องการตัวเลือกในการข้ามเดโม, ตัวเลือกการปรับแต่งการทดสอบและการทดสอบแบบ stress test จำเป็นต้องจ่ายเงินซื้อรุ่นอัพเกรดเพิ่มในราคา 219 บาท (ขณะนี้กำลังลดราคาเหลือ 109.50 บาท) สำหรับเวอร์ชัน Steam
ส่วนใครที่ยังไม่เคยเป็นเจ้าของ 3DMark มาก่อน ทาง Futuremark เผยว่า จะปรับราคาขึ้นหลังวันที่ 23 กรกฎาคม
ที่มา - 3DMark (Steam)
Futuremark เจ้าของซอฟต์แวร์ทดสอบกราฟิกชื่อดังอย่าง 3DMark ปล่อยคลิปและภาพตัวอย่าง ชุดทดสอบตัวใหม่อย่าง Time Spy ที่มาพร้อมการรองรับเทคโนโลยี DirectX 12 รองรับฟีเจอร์อย่าง asynchronous compute, explicit multi-adapter และการประมวลผลแบบ multi-threading ซึ่งได้ทำงานร่วมกับ Nvidia, AMD, อินเทลและไมโครซอฟท์
Rise of the Tomb Raider ออกอัพเดตตัวใหม่ รองรับเทคโนโลยี DirectX 12 แล้ว ทีมพัฒนากล่าวว่าหนึ่งในความท้าทายในการพัฒนาเกมคือทำอย่างไรให้ผู้เล่นบนพีซีที่มีสเปคคอมอันหลากหลาย แต่ยังได้รับประสบการณ์ที่ดีอยู่ ซึ่ง DirectX 12 เข้ามาช่วยในส่วนนี้
การมาของ DirectX 12 ช่วยให้กระจายการเรนเดอร์ของซีพียูให้ครบทุกคอร์ โดยเฉพาะซีพียูแบบ 8 คอร์ อย่าง Intel Core i7 บางรุ่น และ AMD FX ซีรีส์ 8000 ขึ้นไป ในเวลาที่มีการประมวลผลหนักๆ ซีพียูจะทำงานได้ไม่เร็วพอสำหรับการ์ดจอรุ่นสูงๆ เพราะไม่สามารถใช้ได้ครบทุกคอร์ ทำให้การเล่นไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร เมื่อเปลี่ยนมาใช้ DirectX 12 จึงทำให้ได้จำนวนเฟรมที่สูงขึ้น ด้วยการตั้งค่าที่เท่ากัน
ไมโครซอฟท์ยังคงเดินหน้าเปิดข้อมูลของ DirectX 12 มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ปล่อยฟีเจอร์ใหม่อย่าง Multiadapter ว่าที่ API ตัวใหม่ที่ช่วยให้จีพียูภายในที่มาพร้อมกับซีพียูไม่เป็นของไร้ค่าอีกต่อไป
ฟีเจอร์นี้เรียกได้ว่าออกแบบมาสำหรับใช้ทรัพยากรของจีพียูของชิปอินเทล และ APU ของ AMD โดยเฉพาะ โดยทำงานต่างกับ SLI/Clossfire ตรงที่ไม่ต้องใช้จีพียูรุ่นเดียวกัน แต่สามารถร่วมประมวลผลได้ โดยมีโหมดการทำงานสองแบบคือเหมือนกับ SLI/Clossfire และอีกแบบจะเป็นการสร้างโปรไฟล์ขึ้นมาเพื่อเลือกให้จีพียูทำงานตามที่ถนัด โดยจะมองจีพียูทั้งหมดเสมือนเป็นตัวเดียวกัน ตามที่มีข่าวลือมา
ที่งาน Build 2015 ของไมโครซอฟท์ ค่ายเกม Square Enix นำวิดีโอของ Final Fantasy XV เวอร์ชันที่รันบน DirectX 12 รุ่นล่าสุดมาโชว์ในงาน
เดโมตัวนี้เป็นการนำเอาเดโม Agni's Philosophy ที่เคยโชว์ตั้งแต่ปี 2012 มารันบน DirectX 12 ซึ่งให้ภาพที่สมจริงขึ้นมาก