จากประเด็นอัยการกว่า 30 รัฐในสหรัฐฯ ฟ้องกูเกิลเรื่องผูกขาดร้านค้าแอป ซึ่งพุ่งเป้าที่การเก็บค่าคอมมิชชั่น 30% แต่ในเอกสารส่งฟ้องยังมีรายละเอียดเพิ่มระบุว่า กูเกิลพยายามกีดกันร้านค้าแอปคู่แข่งโดยเฉพาะ Samsung Galaxy Store เพื่อให้ตัวเองได้เป็นร้านค้าแอปแห่งเดียวบนอุปกรณ์แอนดรอยด์
ในเอกสารบอกว่า กูเกิลได้เสนอข้อตกลงแบ่งปันผลกำไรให้นักพัฒนาแอปรายใหญ่เพื่อแลกกับการพัฒนาแอปบนแพลตฟอร์มของตนเท่านั้น สร้างอุปสรรคต่อการไซด์โหลด และยื่นข้อเสนอไปยังซัมซุงเพื่อสร้างความได้เปรียบแก่ตัวเองด้วย
แม้ Galaxy Store จะไม่ได้รับความนิยมเท่า Play Store แต่ก็มีโอกาสที่ซัมซุงจะพัฒนาเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งได้ อย่างเช่นในปี 2018 ที่ซัมซุงได้ร่วมมือกับ Epic เพื่อเปิดตัว Fortnite บน Galaxy Store
ในเอกสารบอกด้วยว่า กูเกิลพยายามเสนอเนื้อหาเกม และกิจกรรมพิเศษเฉพาะของซัมซุงบน Google Play Store และบน YouTube และเสนอเงินก้อนเป็นส่วนแบ่งรายได้ แต่ไม่แบ่งเป็นสัดส่วนซึ่งจะกลายเป็นไปเปิดเผยขนาดของ Play Store ให้ซัมซุงได้รู้ ส่วนบริษัทอื่นๆ ที่รับส่วนแบ่งรายได้จากกูเกิลไป ก็ต้องวาง Play Store ไว้บนหน้าจอหลัก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่สามารถลบออกได้ และสัญญาว่าจะไม่วางร้านค้าแอปอื่นให้โดดเด่นกว่า
ด้านกูเกิลออกมาโต้การฟ้องร้องครั้งใหม่ว่าเป็นการเข้าใจบริษัทผิด เพราะบนมือถือแอนดรอยด์มีช่องทางร้านค้าแอปอื่นนอกจาก Play Store ติดตั้งมาด้วย ผู้ใช้งานมือถือยังสามารถดาวน์โหลดแอปหรือร้านค้าแอปอื่นโดยไม่ผ่านช่องทาง Google Play Store ได้ ซึ่งการฟ้องที่บอกว่านักพัฒนาและผู้ใช้งานไม่มีทางเลือกอื่นเลยนั้นจึงเป็นเรื่องที่ผิด
กูเกิลยังยกข้อมูลมาโต้ด้วยว่า ปัจจุบัน นักพัฒนาประมาณ 97% ไม่ได้ขายเนื้อหาดิจิทัลบน Google Play ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องเสียค่าบริการ มีเพียงไม่เกิน 0.1% ที่เสียค่าบริการ 30% ในบางธุรกรรม และเป็นนักพัฒนาจากบริษัทใหญ่ มีรายได้มาก และค่าธรรมเนียมของกูเกิลก็เทียบเคียงได้กับเจ้าอื่นอย่าง Samsung Galaxy Store, Amazon Appstore, Microsoft Xbox, Sony PlayStation, Nintendo Switch และ App Store
ส่วนระบบการเรียกเก็บเงินนั้น จะช่วยปกป้องผู้บริโภคจากการฉ้อโกง และช่วยให้ผู้บริโภคสามารถติดตามการซื้อได้อย่างง่ายดายในที่เดียว
ที่มา - Ars Technica, กูเกิล
Comments
อยากมีความสามารถในการตอบแบบนี้จัง ตอบไม่ตรงคำถามเนี่ย
โจทย์เค้าฟ้องกีดกัน แต่ไปตอบว่าผู้ใช้ก็ยังมีทางเลือกนะ(เลือกแบบจำใจเลือก เลือกแบบเพราะมีให้เลือกเท่านี้ก็อีกเรื่องนึงสินะ)
แต่อันนี้งงมันคือยังไงนะ "นักพัฒนาประมาณ 97% ไม่ได้ขายเนื้อหาดิจิทัลบน Google Play ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องเสียค่าบริการ มีเพียงไม่เกิน 0.1% ที่เสียค่าบริการ 30% ในบางธุรกรรม" คือมีแค่ 0.1% ที่เป็น app เสียตังหรอ
ประเด็นที่ถูกฟ้องร้องไม่ใช่แค่การเก็บส่วนแบ่ง 30% ครับ แต่เป็นเรื่องของการบังคับให้ใช้ IAP ของ Google และเก็บส่วนแบ่งจากมัน (ส่วนเรื่องการเก็บส่วนแบ่งกรณีแอปเสียตังอันนั้นไม่มีปัญหาครับ)
ซึ่ง Google ระบุว่ามีแค่ 3% เท่านั้นที่ขายเนื้อหาดิจิตอลและต้องใช้ IAP ของ Google และเสียค่าบริการทั้ง 15% และ 30% ครับ และ Google ยังระบุอีกว่ากว่า 99% (จากใน 3% ที่ว่า) เสียแค่ 15% เท่านั้น
สรุปก็คือ
- 97% แอปที่ไม่มีการขายเนื้อหาดิจิตอล
- 2.97% แอปที่มีการขายเนื้อหาดิจิตอลที่รายได้ไม่เกิน 1 ล้านดอลและต้องเสีย 15%
- 0.03% (ซึ่งน้อยกว่า 0.1%) แอปที่มีการขายเนื้อหาดิจิตอลที่รายได้เกิน 1 ล้านดอลและต้องเสีย 30%
ขอบคุณครับ
มาแนว Dark Pattern