Google Play Store ประกาศนโยบายให้แอพต้องปรับตัวรองรับ API ของ Android เวอร์ชันใหม่ๆ มากขึ้น
ปัจจุบัน Google Play มีนโยบายว่าแอพใหม่และแอพเดิมที่มีอัพเดต จะต้องตั้ง target API ตาม Android เวอร์ชันล่าสุดภายใน 1 ปีหลังจากออกเวอร์ชัน หากไม่ปฏิบัติตามจะไม่สามารถส่งแอพขึ้นสโตร์ได้ แต่ไม่มีผลกับแอพเดิมที่อยู่บนสโตร์
นโยบายใหม่มีผลต่อแอพเดิมที่อยู่บนสโตร์ หากไม่ target API ตาม Android เวอร์ชันล่าสุดภายใน 2 ปีหลังออกเวอร์ชัน จะค้นหาไม่เจอและผู้ใช้ใหม่ไม่สามารถติดตั้งได้อีก (ผู้ใช้เดิมยังใช้ต่อได้) นโยบายนี้จะเริ่มมีผล 1 พฤศจิกายน 2022 เป็นต้นไป
กูเกิลบอกว่าเหตุผลในการปรับกฎนี้ เพื่อต้องการให้ผู้ใช้เข้าถึงแอพใหม่ๆ ที่ดึงศักยภาพของ Android เวอร์ชันใหม่ๆ ได้เต็มที่มากขึ้น ซึ่งช่วยคุ้มครองความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ด้วย
แผนภาพข้อกำหนดด้าน target API ของแอพใหม่ (new apps and app updates)
แผนภาพข้อกำหนดด้าน target API ของแอพเดิม (existing apps)
ที่มา - Android Developers
Comments
ส่วนลูกค้าคนใดที่โดนค่ายมือถือลอยแพอัพเดตเวอร์ชั่น Android ก็ต้องจำใจซื้อใหม่สินะ
เข้าใจว่าสามารถตั้ง min version แยกได้ครับ (และไม่ได้มีการปรับกฎอะไร) เพราะงั้นเครื่องที่ Android เวอร์ชั่นที่เก่ากว่าสองปีก็ยังคงสามารถใช้ได้อยู่
มือถือเก่าไม่มีปัญหา เพราะ Google API มัน Backwards Compatible เสมอ ปัญหาจะไปเกิดกับแอปเก่า ๆ ที่เจ้าของแอปไม่ได้สนใจที่จะ update แล้ว
แอพเก่าๆหายเป็นแผงแน่ๆ
แอพไม่น่าจะมีผลนะครับ แต่ถ้าแอพใหม่ และแอพที่อัพเดตต้องทำตาม ถ้าทำไว้นานละคงรอด
ไม่ใช่ว่าแอปเดิมบนสโตร์ถ้าไม่อัพเดทก็หายด้วยหรอกเหรอครับ? เท่าที่อ่านจากข่าวผมเข้าใจว่างั้นนะ
ปัจจุบันคือแบบที่ว่ามาครับ แต่ที่เค้ากำลังจะทำคือกระทบแอพเก่าด้วยถ้าไม่ update ก็โดนครับ
แอพเก่าๆ ถ้าจะแก้ bugs เล็กๆน้อยๆ จะกลายเป็นโดนบังคับให้ต้องทดสอบกับ framework ใหม่หมดเลย
บังคับก็ดีนะ จะได้ใช้ api ใหม่ๆ นักพัฒนาก็ไม่ต้องยุ่งยากพยายามปรับแอพให้รองรับ พวก 3.0 อีก