หน่วยงานความปลอดภัยทางหลวงของสหรัฐ National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ในสังกัดกระทรวงคมนาคม ออกรายงานสถิติอุบัติเหตุของรถยนต์ที่มีระบบช่วยขับขี่ (Driver Assistance) เป็นครั้งแรก โดยนับสถิติการชนระหว่างเดือนกรกฎาคม 2021 จนถึง 15 พฤษภาคม 2022 และต่อจากนี้ไปจะออกรายงานสรุปให้ทุกเดือน
รายงานแบ่งเป็น 2 ฉบับคือ กลุ่มที่ใช้ระบบขับขี่ SAE Level 2 (ADAS) และอีกกลุ่มที่เป็น Level 3-5 ซึ่งเข้าข่าย Automated Driving System (ADS)
ในรายงานของ NHTSA ยังมีสถิติการชนโดยรถของแอปเปิลที่ยังไม่เคยเปิดตัว จำนวน 1 ครั้งด้วย
สถิติการชนอื่นๆ ยังมีเรื่องประเภทของการชน โดยทั้งกลุ่ม Level 2 ชนกับวัตถุอื่น (Other Fixed Objects) เยอะที่สุด ตามด้วยการชนกับรถยนต์คันอื่นตามมา ส่วนกลุ่ม Level 3-5 ชนกับรถยนต์คันอื่นมากที่สุด แต่ชนกับวัตถุอื่นเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก
อย่างไรก็ตาม NHTSA ระบุว่าข้อมูลเหล่านี้อาจไม่ถูกต้อง 100% เพราะใช้แหล่งข้อมูลหลายส่วนประกอบกัน บางเหตุการณ์อาจไม่ถูกตรวจสอบยืนยันว่าชนจริงหรือบางเหตุการณ์ถูกรายงานซ้ำ แถมยังมีเฉพาะข้อมูลดิบ (จำนวนครั้งที่ชน) แต่ไม่มีรายละเอียดหรือบริบทของการชนแต่ละครั้งประกอบ จึงควรอ่านสถิติและตีความด้วยความระมัดระวัง
ที่มา - NHTSA
Comments
อันนี้นับเป็นจำนวนครั้งที่เกิดอุบัติเหตุเลย (นับจำนวนครั้งที่เกิด crashes reported) ซึ่งสัดส่วนรถที่วิ่งจริง Tesla ก็น่าจะมีมากที่สุด ส่งผลให้โอกาสที่จะเกิดมากที่สุดอยู่ดี
bias นี้น่าจะมี chart ที่ normalize ในส่วนนี้ด้วย เช่นหารด้วยจำนวนรถจากยอดขายหรือรถที่ต่อทะเบียนปีนั้น ๆ
+1
ในรายงานฉบับเต็มก็ออกตัวเรื่องข้อมูลไม่ครบเอาไว้เยอะครับ ไปตามอ่านกันได้
+1 จริงๆ มีอีกจุดที่สำคัญมากด้วยครับ คือ tesla เก็บมาจาก telemetry ของ tesla ที่รถยี่ห้ออื่นไม่มี ทำให้การรายงานอุบัติเหตุของรถ tesla เยอะกว่ารถยี่ห้ออื่น
สรุปสถิติแบบนี้เหมาะสมแล้วครับ หมายถึงเหมาะสมที่จะทำให้เป็นข่าวได้
ผมก็งงนะ ออกรายงานแบบนี้มาได้ยังไงโดยไม่บอกจำนวนรถทั้งหมดบนถนน ข้อมูลพื้นๆต้องมีอยู่แล้วว่า Tesla ที่ใช้ Autopilot มีกี่คัน แล้วชนกี่ครั้ง จะได้คิดเป็นสัดส่วนได้ว่ายี่ห้อไหนชนมากน้อยกว่ากัน
อย่าง Waymo ที่เป็นผู้นำด้านนี้ ขับจริงมาเป็นล้านๆ ไมล์ นำคู่แข่งไปเยอะ ก็ต้องชนเยอะเป็นธรรมดา
เล่นเอาตัวเลขจำนวนการชนมาทำกราฟแบบนี้ไม่มีประโยชน์อะไรกับผู้อ่านเลย ได้พื้นที่ข่าวเฉยๆ เพราะเห็นหัวข้อก็ไวรัลแล้ว
Pitawat's Blog :: บล็อกผมเองครับ
ใน report มีบอกว่าข้อมูลมันแย่นะ อ้าว รู้ตัวแล้วยังจะปล่อยออกมาทำไม 5555555 นอกจากไม่เกิดประโยชน์อะไร ยังเหมือน target บางยี่ห้อเห็นๆ โลกสวยเกินไปถ้าจะหวังให้ media ใส่ทุกอย่างในหัวข้อข่าว
จากที่นั่งอ่านในต้นฉบับเอกสารเองก็ลงไว้ในย่อหน้าสุดท้ายได้เข้าใจจุดประสงค์มากขึ้น รายงานคงปรับปรุงต่อไปในเดือนถัดๆ ไปแหละ
Tesla ในฐานะเจ้าตลาดก็รับแรงกระแทกหนักหน่อย ก็แค่นั้น
ตัวเลขครับ อ้างอิง
ยอดขาย Tesla ณ เดือน 12/2021 คือ 47,253 คัน เดือน 12/2020 คือ 26,950 คัน
ยอดขายทั้งปี 2021 คือ 352,471 คัน คิดเป็น 2.3% ของส่วนแบ่งการตลาด
ยอดขายทั้งปี 2020 คือ 205,600 คัน คิดเป็น 1.4% ของส่วนแบ่งการตลาด
แล้ว Honda ที่เป็นอันดับ 2 นี่นับเฉพาะมีรถที่มีฟีเจอร์ดังกล่าวได้กี่คันนะครับ
ว่าแต่อันนี้นับเฉพาะรถเกิดอุบัติเหตุตอนเปิดฟีเจอร์แล้วหรือนับหมดเลยนะ
NHTSA - We know our data is bad but guy pls don't draws any conclusions from our appalling data
The media - Here's our conclusions...
ถ้าข้อมูลจะน้อยขนาดนี้จริงๆไม่ต้องบอกยี่ห้อจะดีกว่านะ
Report นี้ก็ดีนะครับ
ทำให้รู้ว่าจริงๆแล้ว Tesla ก็ไม่ได้ level สูงกว่าเจ้าอื่นเท่าไร
ส่วนเรื่องความไม่ครบถ้วนของข้อมูลผมว่า ok นะ เค้าก็บอกอยู่ ก็อยู่ที่จุดประสงค์ของคนที่จะเอาไปตีความต่อแล้วล่ะ
ปัญหาคือข้อมูลมันเอาไปวัด Level กับเจ้าอื่นๆไม่ได้ครับ เพราะว่า Tesla ขายมาก่อนเป็นเจ้าแรกๆ ยอดขายน่าจะเยอะสุด มีระยะเวลาใช้งานที่นานสุด รายงานอุบัติเหตุก็ต้องมากสุดอยู่แล้ว ถ้าจะให้ดีควรจะต้องเทียบต่อยอดขายรถและอายุของรถด้วย เช่น สถิติจากรถทั้งหมด 100,000 คันที่ขายตั้งแต่ปี 20xx อะไรก้ว่าไป
พึ่งเห็นว่ารายงานมาจากกระทรวงคมนาคมสหรัฐก็พอเข้าใจได้อยู่ครับ เค้าเน้นแค่จำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น น่าจะเพื่อใช้ในหน่วยงานคมนาคมเองไม่ได้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ
ที่น่าจะช่วยให้เห็นภาพคือ miles driven while on autopilot ครับ จำนวนรถที่ขายได้ถ้าเกิดคนใช้ไม่เปิด autopilot เลยก็ไม่มีผลอะไรเท่าไหร่ แต่ถ้าบอกว่าคนใช้ autopilot เป็นจำนวนกี่กิโลจะเจออุบัติเหตุทีนึง อันนี้จะเห็นภาพมากกว่า ซึ่งผมมองว่านอกจากพวก Tesla หรือ Waymo แล้ว ไม่น่าจะมีข้อมูลตรงนี้กัน (เพราะไม่ค่อยเห็นมีมีใคร report นอกจากหลักๆสองเจ้านี้)
ตัวอย่างของ Tesla https://www.tesla.com/VehicleSafetyReport
จริงๆจะให้ดีที่สุดก็ควรจะ normalize โดยใช้ miles driven while on autopilot นั้นแหละครับ
แต่เอามานำเสนอแบบนี้มันดู click bait น่าด่ามากกว่าครับ
พึ่งทราบว่ามีการเก็บข้อมูลแบบนี้ด้วย คนนอกน่าจะเข้าถึงได้ยากจริงๆครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
ขออภัย ผมพิมพ์ไม่ชัดเจน
ผมจะหมายถึง Tesla ก็ยังอยู่ที่ level 2
แต่ด้วยการตลาดและ การ pr ของ tesla อาจทำให้เข้าใจได้ว่าเค้านำหน้าเจ้าอื่นๆไปไกล
พอมีอะไรแบบนี้ที่เป็น fact ออกมามันก็ชัดเจนดีครับ
ผมไม่ได้จะว่า tesla นะ เพราะการตลาดกับ fact มันก็ต่างกันเป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว