Meta รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2023 รายได้รวม 28,645 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งเป็นการกลับมามีรายได้เพิ่มขึ้น หลังจากรายได้ลดลงติดต่อกันมาสามไตรมาส และมีกำไรสุทธิ 5,709 ล้านดอลลาร์
จำนวนผู้ใช้งานรวมในทุกแพลตฟอร์ม (Family Monthly Active People) เพิ่มเป็น 3.81 พันล้านคน ส่วนจำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกวัน (DAU) ของ Facebook อย่างเดียว เพิ่มขึ้นเป็น 2,037 ล้านบัญชี และเติบโตในทุกภูมิภาค
กลุ่มธุรกิจ Reality Labs ที่โฟกัสการสร้าง Metaverse ยังมีแนวโน้มไม่สดใสนัก รายได้ในไตรมาสลดลง 51% เป็น 339 ล้านดอลลาร์ ขาดทุนจากการดำเนินงานเฉพาะส่วนนี้มากขึ้นเป็น 3,992 ล้านดอลลาร์
ซีอีโอ Mark Zuckerberg ตอบคำถามกับนักวิเคราะห์ในการแถลงผลประกอบการ ยืนยันว่าเขายังให้ความสำคัญกับ Metaverse ไม่ได้ลดโฟกัสแล้วเปลี่ยนไปสนใจ AI ตามที่มีรายงานข่าวออกมา เขายังมองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ทำงานร่วมกันได้ดีมากกับ Metaverse บริษัทจะโฟกัสทั้งสองอย่างนี้ พร้อมบอกว่า Metaverse มีสถานะเป็นแผนการลงทุนระยะยาว
Zuckerberg ไม่ได้รายงานตัวเลขผู้ใช้งานใน Metaverse แต่บอกว่าคนที่ใช้เป็นประจำทุกวัน ใช้งานเฉลี่ยมากกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน
นอกจากนี้ซีเอฟโอ Susan Li ให้ข้อมูลว่าการปรับปรุงระบบแนะนำเนื้อหาของ Reels ทำให้ระยะเวลาใช้งานใน Instagram เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 24% จำนวนการรีแชร์ก็เพิ่มขึ้นเท่าตัว
Comments
คำว่า "เทคโนโลยีที่มาถูกที่ถูกเวลา" ยังคงใช้ได้เสมอ มาเร็วเกินไป ก็ต้องลงทุนมหาศาลแล้วไปวัดดวงเอา มาช้าไปคู่แข่งก็ได้เปรียบรวมถึงผู้ใช้เริ่มรู้ตัวถึงการเอาเปรียบของผู้ให้บริการก็เริ่มระวังตัวทำให้เก็บข้อมูลได้ยาก ส่วนตัวผมว่า Metaverse มันยังเร็วไป ส่วน Ai ถึงเวลาของมันแล้วหล่ะกราฟมันจะชันขั้นเรื่อยๆ แล้วจะมีจุดเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อมีผู้คิดค้นวิธีการที่ทำให้ Ai เรียนรู้ได้โดยไม่ต้องใช้พลังงานประมวลผลสูงมากเหมือนปัจจุบัน รวมถึงสามารถแชร์ข้อมูล knowledge ได้แบบ non centralized knowledge เมื่อนั่นแหล่ะมันจะเข้าสู่ยุคเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอีกครั้งนึง
จักรวารเนรมิต ผมว่ามันมาผิดเวลาไปสักหน่อย มันดันมาช่วงหลังจากโควิด ช่วงที่คนเพิ่งจะเข็ดขยาดกับการใช้ชีวิตในโลกเสมือน ทั้งเรียน ทั้งทำงาน ทั้งใช้ชีวิตทั่วไป พอโควิดมันซา ทุกคนเลยโหยหาชีวิตจริงในโลกแห่งความเป็นจริง เลยไม่มีใครใส่ใจจะไปใช้ชีวิตในโลกเสมือนอีก กระแสมันก็เลยไม่ได้ ประกอบกับการเข้าถึงมันก็ยาก ทั้งเรื่องราคาแว่น กราฟฟิกง่อยแบบเกม 80s ข้อจำกัดเรื่องแบต และปัญหาการสวมใส่ ส่วนตัวแม้จะตามเท่าทันเทคโนโลยีในเกือบทุก ๆ เรื่อง ยกเว้นแต่ VR นี่แหละ ที่ผมยังมองไม่ออกเลยว่ามันจะบูมได้ยังไง ถ้ามันไม่ได้ระดับเดียวกับ ready player one
มีเรื่องที่ไม่เข้าใจ Meta อยู่อย่างหนึ่งในฐานะที่ใช้ Quest 2 มาสองปีกว่าๆ เห็นตัวเลขขาดทุนในส่วนธุรกิจนี้รวมกันหลายหมื่นล้านเหรียญ แต่ทำไมไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมในส่วนของ Software ในแว่นของตัวเองเลย เกม Original ดีๆก็ไม่เห็นมี Software ก็เดิมๆ การตลาดก็ไม่เห็นทุ่มโฆษณาอะไรมากมาย แล้วเงินมันไหลไปไหนกันหมด เข้าใจว่ามีงาน R&D ข้างหลังแต่เงินขนาดนี้มันน่าจะให้อะไรที่มากกว่านี้ หรือเป็นแค่เทคนิคทางบัญชีที่อะไรๆก็เอามาลงขาดทุนบัญชีที่ส่วนนี้หมด
ต้องมี อะไรใหม่ๆ มาเพ่ิม