Mozilla ออกมาแสดงความเห็นจากนโยบายใหม่ของแอปเปิล ที่ปฏิบัติตามกฎหมาย DMA ของสหภาพยุโรป ซึ่งเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้เบราว์เซอร์อื่นเป็นค่าเริ่มต้นง่ายขึ้น และผู้พัฒนาก็ไม่ต้องใช้ WebKit เป็นเอ็นจินได้ด้วย ทั้งหมดอาจฟังดูเป็นประโยชน์สำหรับผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ 3rd Party แต่ Mozilla ไม่คิดเช่นกัน
Damiano DeMonte ตัวแทนของ Mozilla บอกว่าบริษัทผิดหวังอย่างรุนแรงต่อแนวทางที่แอปเปิลประกาศออกมา โดยประเด็นสำคัญคือการเพิ่ม BrowserEngineKit สำหรับขั้นตอนการเรนเดอร์ด้วยเอ็นจินอื่น แต่มีผลเฉพาะแอปในกลุ่มประเทศ EU เท่านั้น เท่ากับว่า Firefox ต้องดูแลเบราว์เซอร์สองเวอร์ชันคือสำหรับ EU และนอก EU ที่ยังต้องใช้ WebKit ไปพร้อมกัน ขณะที่แอปเปิลนั้นก็พัฒนาเบราว์เซอร์ตัวเดียวต่อไป
Mozilla มองว่าแนวทางที่แอปเปิลประกาศออกมา จะไม่ได้ทำให้ผู้ใช้งานมีตัวเลือกมากอย่างที่ควรเป็น และทำให้การแข่งขันกับ Safari ยากขึ้นไปอีก จึงทำให้ Mozilla เป็นบริษัทล่าสุดที่ออกมาแสดงความไม่พอใจแนวทางของแอปเปิล ซึ่งก่อนหน้านี้มีทั้ง Epic Games และ Spotify ที่โจมตีนโยบายของแอปเปิลนี้เช่นกัน
ที่มา: The Verge
Comments
เห็นแก่ตัว หรือ ปกป้องตัวเอง สำหรับแอปเปิ้ลแล้ว คงพิจารณาตัวเลือกได้ไม่ยาก
พอเค้าปิดก็ว่าพอเค้าเปิดก็ว่า…
ลักปิดลักเปิด
นี่เรียกว่าเปิด?
ได้อ่านข่าวไหมครับ? หรือเห็นข่าวโจมตีแอปเปิลแล้วพิมพ์เลย? เขาก็ว่าเรื่องที่แอปเปิลมันยังปิดอยู่นั่นแหละ
ใช้ WebKit แบบเดิมซิ ฮ่าๆ
ดีแล้ว ยากๆ แบบนี้แหละดี
ด่าหรือโจมตีไปก็ไม่เปลี่ยนอะไร
เหมือนประชาชนด่านักการเมืองในบางประเทศ...อย่างวากานด้า
เรื่องเบราเซอร์นี่ควรเป็นมาตรการเดียวทั่วโลกเหอะ เบื่อ safari เปลี่ยนธีม แต่อ่านแล้วงง ยุโรปห้ามใช้ safari เหรอถึงต้องดูแล 2 ตัว?
ใช้เอนจินคนละตัวนะ Mozilla จึงตอ้งพัฒนาสองเอนจิน ทั้งทีควรจะใช้เอนจินเดียวกับ เอเปิล ใช้ท้งนอกและใน
ไม่นับว่า Chrome, Brave, Opera ก็ใช้คนละเอนจินกับ Apple พวกนี้เองก็อยากย้ายเหมือนกัน
W3C: enters chat
ไปเสนอออกกฎให้ไม่มีช่องเหมือนๆกันทั่วทุกที่เลย จะเบี่ยงไปทางไหนอีกสนุกจริง 5555
ก็ EU เขาตลาดใหญ่ Firefox ก็ต้องสร้างเวอร์ชั่นพิเศษให้เขาไปสิ
เรื่อง Gatekeeper นี่ว่ากันยากจริงแฮะ ฝ่ายนึงก็สร้าง ecosystem ขึ้นมากับมือ เค้าก็มีสิทธิ์ที่จะกำหนดกฏเกณฑ์อะไรก็ได้ ว่ากันตามตรง เพราะถ้าทุกอย่างมันไม่สมเหตุสมผล คนก็คงพิจารณากันเอง
สิ่งที่ควรจะควบคุมน่าจะเป็นเรื่องของการกีดกันทางการค้า กับระบบสิทธิบัตร ที่ควรจะคุ้มครองเฉพาะส่วนที่เป็นเทคโนโลยีเบื้องหลังจริงๆ
..: เรื่อยไป
EU เองคงไม่มีสิทธิจะไปบีบอะไรนอกบ้านตัวเอง
ก็ต้องรอให้ประเทศอื่น ๆ เริ่มตาม EU ไปเท่านั้น ถึงจะเปลี่ยนถาวรกันได้
แค่ browser engine ทำไมแอปเปิล ไม่เปิดแบบ ไม่ต้องwebkit ให้ใช้ทุั่วโลกเลยนะ
ผมว่า ก็คงอยาก shape ตลาด shape โลกแหละครับ
ถ้ามันเกิดมีคนที่อยากทำเว็บที่ใช้ได้กับ Chromium ได้ดีๆ แบบไม่แคร์ safari ขึ้นมา ประสบการณ์ใช้งานผู้ใช้ iPhone ก็จะแย่ลง ต้องลงหลาย browser ไม่ก็ทนกับเว็บที่มีปัญหาไปอีก หรือถ้ามันกินแบตมากๆ คนก็บ่น iPhone แบตหมดไวอีก
แล้วเรื่องที่บังคับนักพัฒนาว่าต้องใช้ iPhone ไปด้วยแบบกึ่งบังคับให้คนเข้าไปอยู่ในระบบเค้าก็อาจจะด้อยลง
ตอนผมยังต้องทำเว็บที่รองรับ iPhone อยู่นี่ต้องไปเอา iPhone เก่าคนในทีมมาแล้วเดารหัสเข้าเครื่องกันกว่าจะได้ แล้วต้องไปยืม mac mini จากอีกคนเอามาเพื่อ debug อีก โอ้โหชีวิต
กลัว PWA ครับ ทุกวันนี้ PWA/WebAPI ที่รองรับคือ อย่างกาก บางอันเพิ่งทำหลังจากมีมาตรฐานมาเกิน 10 ปี
ไม่เคยนึกถึงมาก่อน แต่พออ่านเม้นต์นี้ก็แอบเห็นด้วยเลย
WE ARE THE 99%
+
เอาง่าย ๆ แค่ Full Screen API ยังไม่ทำให้ iPhone เลย ให้เฉพาะ iPad เท่านั้น แถมปาดไปมาไม่ได้เพราะจะหลุด Full Screen ทันที เกมเว็บทั้งหลายของ Hoyo ยังต้องเล่นลูกไม้ให้แสดงแนวนอนแบบฝืน ๆ เพื่อให้มันไม่มีแถบด้านบนมาบังสายตา
ผมว่า ... เหตุผลเดียวกับ Adobe Flash ล่ะครับ
เหมือนเค้าไม่ชอบที่จะต้อง support runtime ที่ตัวเองไม่ได้เขียนครับ
ผมว่า เปิดสิครับ เค้าจะได้ไม่ต้องไป force ทีม WebKit ที่ทำอะไรช้า ให้เริ่มพัฒนาให้ไวขึ้น
ส่วน Mozilla ก็เอาคนไปทำอะไรที่ไม่สมควรทำเยอะเกิน กลับมาทำ browser ดีๆ ก็พอ
เปิดแบบปิด