Meta เป็นบริษัทล่าสุดที่แสดงความเห็นโจมตีนโยบายใหม่ของ App Store และ iOS ที่แอปเปิลปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามกฎหมาย DMA ในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป
โดยซีอีโอ Mark Zuckerberg พูดถึงเรื่องนี้ในช่วงแถลงผลประกอบการไตรมาสล่าสุดบอกว่า เขาไม่คิดว่าการเปลี่ยนแปลงแบบใหม่นี้ Meta จะต้องทำอะไรเพิ่มเติมที่ต่างจากเดิม เนื่องจากความยุ่งยากที่แอปเปิลกำหนดออกมาในรายละเอียด และเขาก็ไม่คิดว่านักพัฒนาส่วนใหญ่จะเลือกย้ายแอปไปอยู่สโตร์อื่น เพราะขั้นตอนที่แอปเปิลกำหนดนั้นยุ่งยากสร้างภาระเป็นอย่างมาก
เขาเองยังคิดว่าตกลงแล้วกฎหมาย DMA ของสหภาพยุโรปนี้ต้องการผลลัพธ์อะไรกันแน่ ในเมื่อสุดท้ายกลายเป็นทุกอย่างยุ่งยากขึ้นสำหรับทุกฝ่าย รวมทั้งกับ Meta เองด้วย
เงื่อนไขใหม่ในการมีแอปอยู่บนสโตร์อื่นที่แอปเปิลกำหนดและเป็นประเด็นนั้น มีทั้งการเก็บค่า Core Technology Fee สำหรับแอปที่มีจำนวนดาวน์โหลดสูง และการควบคุมสโตร์ทางเลือก ที่ทำให้ยังต้องจ่ายส่วนแบ่งกับแอปเปิลอยู่ดี ซึ่งมีหลายบริษัทออกมาโจมตีก่อนหน้านี้ทั้ง Spotify, Epic Games และไมโครซอฟท์
ที่มา: The Verge
Comments
ยุ่งยากขึ้นและจ่ายเพ่ิมขึ้นอีก สินะ
ปัญหาคือ EU ก็สามารถบังคับกฎหมายได้เฉพาะใน EU ส่วนนอก EU ก็ไม่มีสิทธิ
ดังนั้นถึงจะบอกว่าไอ้กฎหมายนี้ทำให้คนอื่นลำบาก EU ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเค้าก็ต้องคุ้มครองคนในพื้นที่ของเขา ส่วนแอปเปิ้ลดันเล่นวิธีสองมาตรฐานก็เพื่อเป็นการปฎิบัติตามกฎหมาย EU แต่ที่อื่นเขาไม่ได้บังคับนี่ ก็ช่วยอะไรไม่ได้
ต่างคนต่างก็ต้องดูแลผลประโยชน์ของตัวเองน่ะล่ะ
ประเด็นจริง ๆ มันเลยมาอยู่ที่ EU ดันบอกว่า ต้องรองรับสโตร์นอก แต่สามารถเก็บเงินจากสโตร์นอกได้นะ ซึ่งมองในแง่แอปเปิ้ลเค้าก็มองว่าเค้าต้องเป็นคนดูแลเทคโนโลยีของตัวโทรศัพท์ (ในกรณีนี้ก็พวก installation tool, deployment tool, etc.) ดังนั้นเค้าก็ต้องได้ประโยชน์บ้าง แล้ว EU ก็ดันโอเคกับเขาด้วยนี่ล่ะ
ของอย่าง "Core Technology Fee" นี่เวลาฝั่งอื่นจะทำบ้างจะออกมาเป็นยังไงนะ แบบแอปบนวินโดวส์ขายได้ต้องแบ่งจ่าย Core Technology Fee ให้ Microsoft กับผู้ผลิต HW แต่ละชิ้นส่วน ในฐานะที่ทำ Core Technology ขึ้นมาให้คนทำแอปสามารถทำแอปออกมาขายได้อะไรแบบนี้รึเปล่า 🤔
Unityงัย
อย่าคิดเยอะ มันคือการกินหัวคิว Apple กำไรติด TOP กำไรคือหักทุกอย่างแล้ว
เหมือนกลุ่มเครื่องเล่นเกมส์ที่ขายแทบเท่าทุน แต่ไปกินหัวคิวกับเกมส์ที่ลง
เอาจริงๆ Apple ก็แค่อยากจะเก็บเงินเพิ่มแทนส่วนที่จะหายไป ก็เลยคิดคำใหม่ให้มันฟังดูสมเหตุสมผลกับคนที่จ่ายเท่านั้นแหละครับ มันไม่ได้เป็นค่าที่สะท้อนต้นทุนจริงๆอะไรหรอก
ถ้าใกล้เคียง ก็อารมณ์ Game Console ที่ยังคิดส่วนแบ่งด้วยแม้จะขายแบบ Physical Copy ก็ตามนั่นแหละครับ
ซึ่งเหมือนว่าพวกนั้นจะเรียกว่าค่า Platform Licensing Fee ละมั้งนะ? แต่ถ้าตั้งชื่อแบบเดียวกัน คนจ่ายก็จะรู้สึกเหมือน Apple กินเปล่า ก็เลยเปลี่ยนเป็น Core Technology Fee นั่นแหละ
ใช่ครับ ผมเลยพยายามจะชี้จุดที่ว่าของแบบนี้มันไม่ควรเวิร์คเพราะถ้าคนอื่นทำตามบ้างเนี่ยมัน…มาก
ผมอยากรู้แล้วแอปเปิ้ลจะรู้ได้ยังไง
ถ้ามีคน ซื้อแอพในสโตร์ นอก
อาจจะให้สโตร์นอก จ่ายส่วนแบ่ง หรือหาทางเก็บเงินจากสโตร์นอก "เพลง Genius ขึ้น"
แต่ก็ต้องดูก่อนว่า ต้านกระแสไหวไหม
EU ออกกฎที่มีช่องมาเลยทำให้ Apple รอดไปได้ในทางที่ตัวเองต้องการ ไม่สนใจเจตนาของกฎหมาย ทำให้ยิ่งวุ่นวายมากขึ้นอย่างที่ไม่ควรจะเป็นเลย อารมณ์ออกกฎมาเหมือนไม่มีผลอ่ะ
Apple เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความคิดไม่ซื่อ