ทีมวิจัยร่วมระหว่างไมโครซอฟท์และมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน รายงานถึงการสำรวจคนทำงานแบบใช้ความรู้ 319 คนถึงผลกระทบของ generative AI ต่อการทำาน พบว่ายิ่งพนักงานมั่นใจในปัญญาประดิษฐ์ขึ้นแค่ไหนก็ส่งผลลบต่อความมั่นใจในการคิดเชิงวิพากษ์ (critical thinking) ของตัวเอง
กลุ่มตัวอย่าง 319 คนที่ใช้ GenAI ทำงานอยู่แล้ว เป็นชายหญิงอย่างละครึ่ง (ไม่ใช่ชายหญิง 5 คนและไม่ระบุ 2 คน) ส่วนใหญ่ใช้ ChatGPT 96.87% ที่เหลือใช้ Microsoft Copilot 23.20%, Gemini 21.63%, Copilot ใน Office 18.81%, และ Gemini ใน Workspace 15.36% ตัวงานหาคำตอบสองคำถามคือ
ผู้เข้าร่วมวิจัยเริ่มร่วมวิจัยจากการถามว่าใช้ GenAI ทำอะไรบ้าง พร้อมกับให้ยกตัวอย่างงานประเภท สร้างสรรค์, ขอข้อมูล, และขอคำแนะนำ โดยรวมได้แนวทางใช้งาน 957 ประเภทงาน จากนั้นแสดงตัวอย่างการใช้งานแต่ละประเภทให้ผู้เข้าร่วมอ่าน และตอบแบบสอบถามว่าการใช้งานแบบที่เห็นนั้นมีการใช้ความคิดเชิงวิพากษ์อย่างไรบ้าง แล้วนำผลมาวิเคราะห์
ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามพบว่าผู้ร่วมวิจัยพบว่างานการใช้ GenAI ทำให้ประเภทต่างๆ ง่ายลงแทบทั้งสิ้น มีเพียงงานประเภทการประเมินผล (evaluation) ที่มีอัตราการมองว่าทำให้การทำงานยากขึ้นสูงเป็นพิเศษที่ 5% โดยรวมแล้วจากผลการทดสอบนี้คนทำงานพบว่า GenAI ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น และที่สำคัญคือพบว่ายิ่งคนทำงานมั่นใจใน GenAI แค่ไหนก็จะใช้ความคิดเชิงวิพากษ์น้อยลง
ทีมวิจัยแนะนำว่าควรมีการสร้างเครื่องมือที่สนับสนุนคนทำงานให้ใช้ความคิดเชิงวิพากษ์ของตัวเองเข้าไปในกระบวนการทำงานที่มี GenAI เป็นส่วนประกอบด้วย
ที่มา - Microsoft Research
Comments
คนทำงานรับรู้ถึงการใช้
เป็นปัญหาเดี๋ยวกับที่สมัยก่อนคนเปิด Wiki (หรือ Search ต่าง ๆ ก็ได้) มาเจออะไรก็เชื่อ เพราะเข้าใจว่าถ้ามีในอินเตอร์เน็ต แสดงว่ามันต้องจริง (แต่จะว่าไปในสื่อดั้งเดิมอย่างทีวี หรือหนังสือพิมพ์ก็ให้ผลในลักษณะนี้)
จริง ๆ แล้วมันก็อาจจะเป็นแค่อีกการเปลี่ยนผ่านก็ได้ ในสังคม offline ยังไงเสียก็ยังคงต้องสอนให้คนรอบตัวมีวิจารณญาณอยู่เสมอไม่ว่าแหล่งข้อมูลจะมาจากไหนก็ตาม (ไม่เว้นแม้แต่คนด้วยกัน)
ก็ข้อมูลผิดๆที่ป้อนเข้าไปก็คนทั้งนั้นแหละที่ทำ ไม่ว่าจะwiki หรือai ก็เอาข้อมูลมาจากคนทั้งนั้น