นอกจากการพิจารณามาตรการเยียวยาคดีกูเกิลผูกขาด Search สัปดาห์นี้ยังมีการไต่สวนคดี Meta ผูกขาดธุรกิจโซเชียลเน็ตเวิร์ก ซึ่งเข้าสู่สัปดาห์ที่สองด้วย โดยเมื่อวานนี้ Kevin Systrom ผู้ร่วมก่อตั้ง Instagram ได้เข้าให้การต่อศาลด้วย
Instagram เป็นหนึ่งในหัวข้อหลักของการพิจารณาว่า Meta มีพฤติกรรมผูกขาดโซเชียลเน็ตเวิร์กหรือไม่ โดยคณะกรรมการการค้าของสหรัฐ หรือ FTC ฝ่ายโจทก์ได้แสดงข้อมูลว่า Facebook ซื้อ Instagram เพื่อต้องการหยุดการเติบโตของแพลตฟอร์ม ที่อาจขึ้นมาแซง Facebook ได้
Systrom ให้การต่อศาลว่า Mark Zuckerberg ตัดสินใจซื้อ Instagram เพราะเขาเชื่อว่า Instagram คือคู่แข่งที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของ Facebook ซึ่งถือเป็นการแสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ต่อสาธารณะครั้งแรกของ Systrom โดยเขาลาออกจาก Instagram พร้อมกับ Mike Krieger ผู้ร่วมก่อตั้งอีกคนในปี 2018 (Facebook ซื้อ Instagram ปี 2012)
เขาบอกว่าสาเหตุที่ตัดสินใจลาออกจาก Meta/Instagram เนื่องจาก Zuckerberg ไม่ให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มนี้ Instagram มีผู้ใช้งานตอนนั้นถึง 1 พันล้านบัญชี คิดเป็น 40% ของผู้ใช้ Facebook แต่บริษัทมีพนักงานแค่ 1,000 คนเท่านั้น ขณะที่ Facebook มี 35,000 คน Instagram เป็นทีมที่เติบโตเร็วที่สุด มีรายได้เติบโตสูง และสามารถใหญ่กว่านี้ได้มาก
เมื่อทนายของ FTC ถามความเห็นว่าแล้วทำไม Zuckerberg จึงไม่เพิ่มการลงทุนทั้งที่ทิศทางต่าง ๆ ก็ดูดี Systrom คิดว่าเป็นเรื่องทัศนคติส่วนตัวของ Mark Zuckerberg ที่กลัว Instagram จะใหญ่กว่า Facebook ที่เขาเป็นผู้สร้างขึ้นมา ซึ่ง Zuckerberg มักเปรียบเทียบสองแพลตฟอร์มนี้อยู่ตลอด
ขณะที่ทนายของ Meta ให้ข้อมูลว่า Instagram พึ่งพาทรัพยากรหลายอย่างจาก Facebook หลังรวมกิจการ เช่น ฝ่ายขาย ทำให้ Instagram มีรายได้เติบโตมากกว่าตอนเป็นบริษัทอิสระ ซึ่ง Systrom ก็ยอมรับในประเด็นนี้
สุดท้าย Systrom บอกว่าในการเจรจาซื้อ-ขาย Instagram กับ Mark Zuckerberg เขาเคยยื่นข้อเสนอขาย Instagram ถึง 4 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นข้อเสนอที่สูงมากตอนนั้น (สุดท้ายจบที่ 1 พันล้านดอลลาร์)
ที่มา: The New York Times
Comments
เติยโต => เติบโต
พึ่งจะแอบสะกิดใจ , คนที่ไป พิธีทรัมปสาบานตน โดนกันหนักเลย .. apple/amazon เกี่ยวกับ physical goods เยอะ ก็โดนหนักจากภาษี , google/meta โดนคดีผูกขาด
เบาหน่อย , ก็ tiktok ที่ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นไงต่อ .. elon นี่ , ทำตัวเองมั้ง ( แต่ระยะยาวก็อาจดีมั้ง , spacex/starlink แกร่งขึ้น ซึ่งกำไรน่าจะดีกว่า tesla -- เผลอๆ วันนึงอาจเลิกแข่งจีนแล้วเข้าร่วมแทน )
จะว่าไป , apple ตอนนี้ก็ยังดีมั้ง .. 1st wave ได้ spike sale , ถ้ามีจังหวะกระตุกราคาขึ้นได้โดยท้ายสุดยังต้นทุนแทบจะเท่าเดิม ใน wave ถัดๆ ไปก็กลายเป็นได้กำไรเพิ่ม
https://www.blognone.com/node/144227