เวลาผ่านไป โลกของ CMS ก็เปลี่ยนตาม หลังจากเขียนเกี่ยวกับหัวข้อนี้ครั้งแรกในปี 2007 ซึ่งตอนนั้นยังเป็นโลกของ Mambo และ Joomla! กาลเวลาผ่านไป 3 ปี Mambo ตายไปและปัจจุบันกลายเป็นโลกของ Joomla!, Drupal และ Wordpress ซึ่งทั้ง 3 ต่างได้รับรางวัล Best CMS Award ของสำนักพิมพ์ Packt แต่แน่ล่ะเมื่อมีตัวเลือกมากขึ้น สำหรับมือใหม่ก็คงยากในการตัดสินใจเลือกใช้ (มือเก่าคงไม่เปลี่ยนง่าย ๆ ด้วยหลายเหตุผล เช่น เคยมือ ง่ายในการดูแลรักษา)
และตัวเลือกที่นำมาเปรียบเทียบในบทความนี้ แน่นอน ต้องตามใจผู้เขียน ดังนั้นผมจึงขอนำเฉพาะ CMS ยอดนิยมมาเปรียบเทียบ Joomla!, Drupal, Wordpress และขอเพิ่ม TYPO3 อีก 1 ตัวเช่นเดิม ส่วน CMS อื่นที่พอเป็นที่นิยมในไทยก็ขอกล่าวคร่าว ๆ คือ
แนะนำนิดนะครับ เนื่องจากการเปรียบเทียบมีหลายหัวข้อ แต่การใช้งานจริงบางครั้งบางหัวข้อก็ไม่ต้องไปสนใจ และน้ำหนักในการพิจารณาเลือก CMS ใช้งานก็ควรเปลี่ยนไปตามการใช้งานของคุณ
ส่วนประวัติคร่าว ๆ ของ CMS แต่ละตัวเชิญไปดูที่ ศึกจ้าว CMS ภาค 1 เทียบมวย ขอกล่าวเฉพาะตัวที่ยังไม่มีนะครับ
Wordpress Matt Mullenweg และ Mike Little ได้แยกตัวออกจากเครื่องมือจัดการบล็อก b2/cafelog ที่มีผู้ก่อตั้งคือ Michel Valdrighi ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นทีมพัฒนา Wordpress ออกมาก่อตั้ง Wordpress ในปี 2003 และเริ่มตั้งตัวได้ในปี 2004 เนื่องจากคู่แข่ง Movable Type ได้เปลี่ยนเป็นเก็บตังค์ และเริ่มมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับรางวัลของสำนักพิมพ์ packt ในปี 2550 และ 2552 ได้รับ 2 รางวัล คือ 1, 2 จากรางวัลที่ได้ จะเห็นได้ว่า Wordpress ไม่ได้เป็นเป็นเพียงเครื่องมือจัดการบล็อกอีกต่อไป แต่ได้เป็น CMS เต็มตัว ถึงขนาดสามารถชนะใจกรรมการเหนือ Joomla! ได้
ศึกจ้าว CMS 2010 ภาค 2 ศึกจ้าว CMS 2010 ภาค 3 ศึกจ้าว CMS 2010 ภาคจบ
Comments
มาอีกแล้ววววว ปีนี้เพิ่ม wordpress ด้วย จะติดตามครับ
อะ จาวาช้า หรอ
โดยปกติถ้าเป็นระบบเล็ก ๆ php จะเร็วกว่าครับ เพราะ header น้อยกว่า ส่วนถ้าใหญ่ ๆ ต้องดูฝีมือคน optimize ครับ ว่าใครเก่งกว่ากัน
Optimization นี่คือชื่อเรียกกระบวนการ ที่พยายามทำให้ซอร์สโค้ดอ่านได้ยากขึ้นใช่มั้ยครับ ? :)
ตรงนี้ขำๆ ครับ
ปกติผมเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่ห่วงเรื่อง readability ของ sourcecode พอควร
ผมคิด(ไปเอง)อยู่เสมอว่า compiler ยุคใหม่ มีความสามารถด้าน optimization ที่ดี ยอมรับได้แล้วล่ะ
ดังนั้นโดยทั่วๆ ไป ถ้าจะต้องชั่งน้ำหนักระหว่าง performance กับ readability
ผมก็จะเลือก readability ซะเป็นส่วนใหญ่ (เพราะมันหมายถึง maintainability)
นี่ถ้าผมต้องเปลี่ยนไปเขียนภาษาที่เป็น interpretation ประเด็นนี้ก็จะเป็นเรื่องยากในการตัดสินใจได้เลยนะเนี่ย
555555555 เช่นกันครับ เน้นอ่านง่าย แต่ php ส่วนใหญ่ไม่ optimize code ครับ แต่เป็น optimize plattform
คุณหมายถึง overhead ใช่มั้ยครับ ?
หรือว่าหมายถึงปริมาณการส่ง HTTP Header ?
overhead ครับ
Alfresco นี้ถ้าจะนำมาเปรียบ คงเปรียบได้แค่ตัว WCM นะครับ เพราะถ้าเป็นตัว web client มันจะเป็น ECM เสียมากกว่า และถ้าจะเปรียบกับ cms ทั่วๆ ไปนี่ ผมว่ามันเปรียบกันไม่ได้ครับ เพราะมันเน้นไปที่พวก unstructure content เสียมากกว่าน่ะครับ
หลังๆ Pligg ก็เยอะนะครับ
เสียดาย CMS บางตัว Free for non-commercial use แถมเจ๋งๆ แต่ดันไม่ค่อยมีคนใช้ (Seditio)
+1 ครับ บางตัวผมว่าก็ใช้ดี จะใช้เพื่อนๆ ก็ไม่ยอมปรบตัวไปศึกษาเลย ก็เลยจำใจใช้ cms ตัวเดิมๆ
เอ่อ Pligg เฉพาะด้านไปไหมครับ
พอ free for non-commercial แล้วขนาดชุมชนมักเล็กลงเยอะมากๆ ครับ
อย่าง drupal ผมทำอะไรไม่ได้ ก็มักมี module มี patch ของ module ฯลฯ มาให้จัดการมันเสมอๆ
lewcpe.com, @wasonliw
มาเพิ่มเติมว่า WordPress เองถึงกับบอกว่าธีมที่จะแจกใน WordPress.org นั้น ไม่ให้ระบุว่า "ห้ามขาย" ด้วยครับ เพราะทำให้คนเผยแพร่ลำบาก
พอดีส่งธีมเข้าไปเจอเซ็นเซอร์น่ะครับ ตอนแรกงงๆ แต่แล้วก็พบว่าตรรกะเค้าใช้ได้ น่าสนับสนุน :) เลยทำให้ WP มีของฟรีดีๆ มาเรื่อยๆ
เค้าบอกผมว่า "I think forbidding people to sell it runs into
problems with the distribution freedoms."
อันนี้คือแนวคิดของ GPL เลยน่ะครับ
แหะ แหะ เพิ่งรู้ขอรับ เห็นมันยาวเลยขี้เกียจอ่าน ถ้าแค่ cc พออ่านไหว :P
ที่บ.เตรียมใช้งาน Alfresco ครับ หวังว่ามันจะไม่ช้าเกินไปสำหรับใช้แค่ในองค์กรณ์ (2พันคนได้มั้ง) อิอิ
เท่าที่ใช้มากผมว่าเร็วกว่า sharepoint เยอะเชียวครับ
ถ้าคนใช้เยอะ ๆ เหมาะแน่ครับ เครื่องมือ optimize ดี ๆ เยอะ
ขอแหล่งอ้างอิงที่ว่า "และแน่นอน ในการใช้งานช้าแน่ ๆ เพราะใช้ Java" ด้วยครับ
เอ่อ อ้างจากที่เคยลองครับ ลองทำเว็บประมาณเว็บบริษัทดู มันช้าและ header เยอะนะครับ เมื่อเทียบกับ LAMP
แสดงว่าใช้ code ตัวเองเป็น benchmark?
เลยมาเหมาว่า Java App ทุกตัว รวมถึง Alfresco ต้องช้าเหมือนกัน?
ใช้ Alfresco แล้วลองยิงข้อมูลดูครับ Drupal ล่มก่อนแต่เวลาในการตอบสนอง Drupal ดีกว่า (ช่วงนั้นกำลังเลือก CMS ทำมาหากินครับ)
Alfresco ตอบสนองช้ากว่า Drupal
ดังนั้นคุณจึงสรุปว่า Java ช้า(กว่า PHP) ?
จริงๆ แล้วผมไม่ทราบ application หรือ platform แต่ละกันช้าเร็วกว่ากันแค่ไหน (และในฐานะ C# "โปรแกรมเมอร์" ผมก็แทบจะไม่เคยใส่ใจมันด้วยซ้ำไป)
แต่ผมรู้สึกว่าตรรกะที่คุณใช้อนุมานข้างต้นเนี่ย มันดูแปลกๆ อยู่นะครับ
ในโลกของเว็บ ความเร็วสำคัญแน่นอนครับ จากที่ทดสอบประมาณนะครับ 1 วิดึงข้อมูลสำเร็จ 80 กับ 60 ครั้งครับ อันนี้ผมว่าสำคัญนะ
ประเด็นของผมคือ
คุณเอี้ยก้วย ถามถึงวิธีการ benchmark
แต่จากการทดสอบของคุณ การที่ Alfresco ช้ากว่า Drupal นั้น
มันไม่สามารถนำจุดนี้ ไปอนุมานตรงๆ ว่า Java ช้ากว่า PHP ได้ครับ
เพราะมันมีตัวแปรอื่นๆ อีกมากมาย ที่สามารถแปรผัน และส่งผลต่อความเร็วในการทดสอบนี้
เช่น Alfresco อาจจะช้าเพราะโค้ดถูกเขียนไว้แย่ๆ, อาจจะไม่มีการใช้ connection pooling, อาจจะไม่มีการเคลียร์ข้อมูลใน session ฯลฯ
มันเป็นเร็วเกินไปครับ ที่จะสรุปว่า Java ช้ากว่า PHP จากการทดสอบนี้
ครับ ok งั้นผมขอพูดใหม่ ในงานเล็ก ๆ Drupal เหมาะกว่า Alfresco
ตกลงเ็ป็นเรื่อง Drupal VS Alfresco?
งั้นลบข้อความ "และแน่นอน ในการใช้งานช้าแน่ ๆ เพราะใช้ Java" เลย
เดี๋ยวจะทำคนอื่นสับสนเปล่าๆ
อ่า ลองอ่านดูนะครับ http://www.notesbit.com/index.php/web-blog/technology/phps-scalability-and-performance-comparison-over-java-digg-model/
สรุป... อันไหนคือข้อมูลอ้างอิงที่ว่า "และแน่นอน ในการใช้งานช้าแน่ ๆ เพราะใช้ Java"?
ขอชัดเจน "และแน่นอน" อย่าวกไปวนมา
ผมรู้สึกว่า การเปรียบเทียบสำหรับ Alfresco กับ Drupal ด้วยวิธีนี้มันไม่ค่อยเหมาะสมหน่ะครับ
เพราะที่ผมเข้าใจคือ Alfresco มันมี feature ที่ถูก bundled มามากนะครับ ซึ่งการมี feature มากก็จะกิน performance และ resource มากขึ้น
เช่นคุณเทียบการใช้ไฟของ Celeron กับ Pentium ต้องเป็น Pentium ที่ใช้ไฟเยอะกว่า แต่เราก็ได้ feature ที่มากกว่าครับ
:)
ประเด็น "แน่นอนในการใช้งานช้าแน่ๆเพราะใช้ Java" ผมไม่ติดใจนะครับเพราะ Java vs. PHP มันเป็นกีฬาสี เถียงกันไงก็ต่างคนต่างสรุปเหมือนเดิม ถ้าคนเขียนชอบ PHP กว่าก็น่าจะสรุปแบบนั้น แต่ถ้าคนเขียนขอบ Java กว่าคงบอกว่า
ถ้าใช้เครื่องสเปกเดียวกันเช่น RAM 2G แล้ว LAMP ก็ต้องเร็วกว่าเยอะแน่ๆ เพราะ Alfresco แค่ start ก็ไม่เหลือแรมทำงานแล้ว ถ้าแรมเพียบจูนดีๆก็น่าจะเร็วใกล้ๆกัน แต่ถ้า requirement มี load แบบ multimedia ขนาดใหญ่หลากหลายและมีคน access เว็บสูงมากๆ Alfresco น่าจะเหมาะกว่าเพราะออกแบบมาสำหรับงานแบบนี้
แต่สำหรับประเด็นนี้
ถ้าผมเข้าใจประเด็นไม่ผิดผมว่าไม่น่าเกี่ยวกันนะครับ เพราะใน Alfresco ต้องทำมือซะเยอะในการส่ง HTML ไปให้ client ไม่ได้ส่งจาก module/component หลากหลายแบบ PHP CMS ซึ่งจะมี HTML เยอะกว่าเวลาทำมือ ประเด็นนี้ในเว็บ Alfresco ใช้เป็นจุดแข็งของเขาด้วยซ้ำคือส่ง HTML ไปน้อยกว่าเพราะ developer ควบคุมเองหมด
ไม่อยากแตะประเด็น Java เท่าไหร่ แค่อยากชี้แจงประเด็นหลังครับ
เอาแบบมีแหล่งอ้างอิงกันดีกว่า เห็นหลายคนชอบบอกว่าPHPเร็วมาก ASP.NETกับJavaช้ามาก ลองเอาไปCompareดูแล้วกันครับ
http://shootout.alioth.debian.org/u32q/benchmark.php
เอ่อ ดูจากที่มาคือ php ยังไม่ optimize เลยนี่ครับ โดยปกติ php ย่อมสู้ภาษาอื่นไม่ได้อยู่ละ เพราะ php เป็นภาษา script ไม่ได้ compile เหมือนภาษาอื่น แต่โชคดีครับมีเครื่องมือช่วยเยอะ เช่น zend optimize คุณลองทดสอบด้วยการลองเอา CMS จาก java แล้วทำเว็บสัก 10 หน้า แล้วลองทำจาก php เปรียบเทียบกันดูครับ php ชนะแน่ (ถ้าเล็ก ๆ นะ) เพราะ java โดยตัวเองมี header เยอะ ถ้าจะเถียงเรื่องภาษาอะไรเร็วกว่ากันมันยาวแน่ครับ งั้นขอถามถ้า php ช้าจริง ทำไม google youtube ใช้ php ในส่วน front end และ yahoo และ facebook (ที่คุณเก็บผักอย่างเมามัน) เลือกใช้ล่ะครับ อย่างที่ผมบอกล่ะครับมันขึ้นอยู่กับงาน และฝีมือ optimize ครับ
ตอบเอาฮานะครับ เหตุที่ google yahoo ใช้ php เพราะต้องการให้ Average Time on Site เยอะๆกระมังครับ เพราะ PHP มัน ช้า!!! นิ!!!
php ถ้าไม่ optimize ก็เหมือน เอา เอา source code มา คอมไฟล์ แล้วใช้งานครับ
ถ้า optimize ไว้แล้วมันก็เร้วอยู่อันดับต้นๆ เลยนะครับ ผมเคยเจอตารางเปรียบเทียบอยู่ น้องๆ C เลยหล่ะ(แต่ไม่ไปหาให้นะครับ เพราะเคยดูมาหลายปีแล้ว - -'' สนใจข้อมูลก็ติดตามหากันเอา)
Ton-Or
ประเด็นของ facebook
facebook ใช้ PHP เป็นแค่ front-end เท่านั้นครับ
ส่วน engine เบื้องหลังนั้น ใช้เทคโนยีหลากหลายมากครับ จากทั้ง C++, Java, .NET และอื่นๆ
และด้วยความยิ่งใหญ่ของ facebook ณ ปัจจุบันนี้, PHP กลายเป็นจุดที่ก่อให้เกิดปัญหา (คอขวด ?) ที่ facebook ต้องหาทางแก้ไขครับ
และโซลูชันก็คือ facebook สร้าง HipHop for PHP ขึ้นมาครับ มันคือ source code transformer ที่แปลง PHP code ไปเป็น (optimized) C++ code, จากนั้นจึงใช้ C++ compiler แปลงไปเป็น native code อีกทอดหนึ่ง
ดังนั้นการจะสร้างเครดิตด้าน "ความเร็ว" ให้ PHP ด้วยการอ้างว่า เว็บไซต์อย่าง facebook ก็ใช้ PHP, เป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่งครับ
http://developers.facebook.com/news.php?story=358&blog=1
http://www.blognone.com/node/14930
ใช่ครับ เห็นด้วยที่ php เหมาะกับกัน front end ไงครับ นี่แหละที่ผมต้องการพูด
ด้านบนผมเขียนไว้ว่า
facebook ใช้ PHP ทำ front-end
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า PHP เพียวๆ เป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการทำ front-end ของ facebook ในปัจจุบันนะครับ
จากกรณีศึกษาข้างต้น PHP เป็นตัวสร้างปัญหาให้ facebook ด้วยซ้ำไปครับ (จึงต้องมีการหา solution มาเพื่อแก้ปัญหานี้, HipHop จึงได้ถือกำเนิดขึ้น)
ผมกลับคิดว่า php คงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ facebook ครับ ไม่งั้นก็เปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นไม่ดีกว่าเหรอครับ
ไม่ใช่ครับ ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ FaceBook จากที่เห็นนี่คือ Native ครับ
ที่ FaceBook ต้องทำ HipHop เพราะต้องการ Encapsulate Native เท่านั้นครับ
และที่ Encapsulate เฉพาะ PHP เพราะมันเป็นภาษาที่นักทำเว็บใช้กันเยอะที่สุด ครับ
อยู่ดีๆจะย้ายจากภาษานึงไปอีกภาษานึงมันลำบากนะครับ.. มันก็เหมือนเขียนใหม่หมดแต่ต้นเลยล่ะ
"facebook ใช้" == "ดีที่สุด"?
ผมหมายความว่ามันย่อมดีกับ solution ของเขาแน่นอน
ตามข่าวเยอะๆหน่อยนะ โลกทัศน์จะได้กว้างขึ้น
แล้วมันเกี่ยวกับ Alfresco ใช้ Java แล้วทำไม Altresco ช้าได้ยังไงเหรอครับ ?
logic ที่ว่า "Bigname ใช้" == "มันดี" ถูกต้องเหรอ?
Gmail พัฒนาด้วย Java (GWT)
GAE ก็ support Python กับ Java
คิดว่า Amazon กับ eBay ใช้อะไรทำ Front-end?
เพิ่งรู้ว่า Java ช้า
ช้ายังไงเหรอครับ ? ถ้าช้าทำไมถึงเป็น CMS สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ และทำไมองค์กรขนาดใหญ่ถึงเลือกใช้ solution ที่ช้าละครับ ?
เพราะองค์กรณ์ขนาดใหญ่ ความเร็วไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดไงครับ เขาอาจต้องการสิ่งที่ง่ายในการดูแลรักษา ความปลอดภัยสูง มีบริษัทมืออาชีพดูแล เป็นต้น ซึ่งบางครั้ง php ตอบได้ไม่หมด
ผมว่าความเร็วเป็นที่สิ่งที่ต้องคำนึงเป็นอย่างแรกนะครับ
อันนี้ผมรู้มานานแล้วน่ะครับ ฮ่ะๆ
Ton-Or
Java จะช้าสู้ .Net ได้ไหมนะ
ปล.Dotnetnuke เป็น VB.Net เพราะคนพัฒนาเขาเซียน VB :D
จากที่ลองใช้งานจริง .net ผมว่าเร็วกว่านะ เขียนโปรแกรมเร็วกว่าด้วย แต่ต้องใช้ os กับฐานข้อมูลมันไม่ฟรีอ่ะดิครับ
ผมไม่เคยเห็น Benchmark ไหนที่ Java เร็วกว่า .Net นะครับ
เอ่อ คือสถาปัตยกรรมมันต่างกันนะครับ SherePoint นี่กว่าจะโหลดแต่ละหน้า SQL มหาศาล
โอ้ว เริ่มยก! แก๊งงงง!!!
มาเชียร์ WordPress แต่ไม่ต่อยกับใครนะ เค้ากัวววว :D
drupal สู้ๆ
ผมรัก PHP
จาวาช้าเรอะ
ช้าสู้ไพธอนได้อ้ะป่าว โด่ ~ นี่ถ้าเกิดฟังค์ชั่นหลักๆไม่ใช้ c เขียนก่อนแล้วหุ้มด้วยไพธอนไม่อยากจะนึกเลยว่ามันจะอืดขนาดไหน
โด่ ไม่อยากจะคุย ...
T___T ( เศร้าชิบเป๋ง รู้สึกเหมือนกับเป็นมนุษย์คนเดียวในประเทศไทยที่ใช้)
อันนี้ต้องถาม google ดูครับ สงสัยทนไม่ได้ ออก Go ซะเลย
มาเชียร์ wordpress
ใช้ทุกอย่างที่เป็น php ฮ่าๆ
I will change the world, to the better day.
ลืม CMS ที่ดีมากๆ ไปตัวหนึ่งนะครับ คือ
Concrete5
http://www.concrete5.org
ใช้งานง่าย Click ที่ Content แล้วแก้ไข Content ได้เลย
http://blognone.com/node/15849#comment-170094
คนที่ใช้ Drupal/Joomla แล้วรู้สึกว่ายาก ส่วนใหญ่จะเปลี่ยนไปเล่น Concrete5 กันหมด
ลองดู Video Clip นะครับ ว่ามันง่ายแบบสุดขั้วขนาดไหน
http://www.concrete5.org
เข้ามาเชียร์ wordpress เป็นปีที่ 5 เข้าปีที่ 6 ที่รู้จักมันครับ
เดี๋ยวขอศึกษา php & mysql เมพๆกว่านี้ก่อน คงได้เชียร์ drupal
เพราะว่างานที่จะทำอยู่ในระดับใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
รู้สึกว่า drupal จะเทพกว่า wordpress หน่อยนึง
ตอนนี้ให้ wordpress ก่อนละกัน
อุอุ
หลังจากอ่านทุกคอมเมนต์ ผมเชื่อแล้วครับว่า
"จาวาเร็วส์"
ตังค์เยอะ! ใช้ Java แล้วหา Hardware เทพๆ มาใส่ เดี๋ยวมันก็วิ่ง : ) ปรู๊ด
Hardware กับ Java เนี่ยเป็นแบบแปรผันตรงเลยนะ เคยเจอ Software Recommend ขอ Ram 24 GB ถ้าไม่ถึงมีกระตุก แต่ถ้าถึงเนี่ย OK เลย ไม่ได้เว่อร์ เรื่องจริง ถ้าใครเคย Implement ระบบใหญ่ๆ เรื่องพวกนี้ปรกติมาก แต่เราก็โม้ไปว่า 16 GB ก็พอเพ่ ก็เพ่ใช้ฟีเจอร์มันไม่ถึง 10% เอาเยอะไปก็เปลือง กำไรผมก็ลดด้วย : )
จากมุมของคนที่ทำทั้ง Opensource ไปยัน Implement ซอฟต์แวร์โครตแพง ผมว่ามันอยู่ที่ลูกค้านั่นแหล่ะ ถ้าเขาตังค์เยอะ เราก็ต้องหา Solution ที่เหมาะกับเงินให้เขา ถ้าตังค์น้อย Opensource ก็เป็นทางเลือกที่ดี จากที่สัมผัส End User จริงๆ ไม่ได้เคยสนใจด้วยซ้ำว่าเราเขียนด้วยอะไร เขาสนแค่ว่า สวยๆ ใช้ง่ายๆ และเป็นภาษาไทยได้จะปลื้มมาก I..I
(ยกเว้นแก๊งค์ IT อยากได้ไปหมด แล้วอันไหนที่ IT เลือก End User มักส่ายหัว ไม่รู้เป็นไงสิ )
อ๋อ นอกเรื่องไปหน่อย ผมเชียร์ Joomla เพราะเคยคุมทีมปรับปรุง Core สร้าง Component ให้มันไปหลายตัว ก็เลยชิน ส่วนตัวอื่นๆ ไม่เคยลงไปลึกๆ สักที Joomla ทำให้ผมทิ้งคำว่า "กูต้องทำเองทั้งหมด" ไปเลย จนปัจจุบันสนใจแค่ลูกค้าอยากได้อะไร ที่เหลือถ้ามี CMS หรือ Framework ทำได้ ก็ไม่เสียเวลามานั่งทำเองแล้ว
ถนัดภาษาไหนก็ใช้ภาษานั้นไปกันดีกว่าเนาะ
ลองคนถนัด php ให้มาเขียน java สู้กับคนเขียน java คล่อง
หรือให้คนถนัด java มาเขียน php สู้กับคนที่เขียน php มานานแล้ว
ผลลัพธ์จะเป็นยังไงน๊อ?
Visit me at atthakorn.com
บังเอิญติดตาม Entry นี้และได้เห็น "Alfresco เขียนบน J2SE เป็น CMS สำหรับองค์กรณ์ขนาดใหญ่ และแน่นอน ในการใช้งานช้าแน่ ๆ เพราะใช้ Java"
ก่อนอื่นอยากชี้แจงว่า Alfresco ไม่ควรถูกนำมาเปรียบเทียบในศึกนี้ครับเนื่องจาก Alfresco เองหลักๆแล้วไม่ได้ทำตัวเป็น CMS ในความหมายเดียวกันกับ Drupal, Joomla หรือ Wordpress ตัวมันเองถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสินค้าในหมวดหมู่ของ Enterprise Content Management ดูตั้งแต่คนสร้างเลยก็แล้วกันครับ คนสร้าง Alfresco คือ John Newton เป็น co-founder ของสินค้าที่ชื่อ Documentum เป็น ECM ที่มีชื่อเสียงมากเค้าตั้งใจสร้าง Alfresco ขึ้นมาเพื่อเป็น ECM ที่อยู่บน Business Model ของ Open Source และจากเวบของ Alfresco เองก็มีนิยามที่ชัดเจนว่า " Alfresco is the leading open source alternative for enterprise content management" ถ้ายังไม่แน่ใจขอให้กลับไปค้นใน Google ดูครับว่า ECM คืออะไร
จริงๆแล้ว Alfresco เองมี Module ที่ทำหน้าที่ดึงข้อมูลจาก Repository ออกมาแสดงผลเป็นเวบเรียกว่า Web Content Management เหมือนกันแต่มันก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง และทำงานได้ค่นข้างจำกัด ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วการใช้งาน Alfresco ส่วนมากจะเป็นในลักษณะของการนำเอา Alfresco มาทำเป็น Repository แล้วใช้ CMS ที่มีชื่อเสียงอย่าง Drupal, Joomla หรือ Wordpress มาเป็น Frontend สำหรับการแสดงผล
ดังนั้น การที่จะมาสรุปว่า "Alfresco เขียนบน J2SE เป็น CMS สำหรับองค์กรณ์ขนาดใหญ่ และแน่นอน ในการใช้งานช้าแน่ ๆ เพราะใช้ Java" นั้นผมคิดว่ามันเป็นการสรุปเอาเองด้วย logic ที่ผิดเพี้ยนเนื่องจากมันเป็นของคนละอย่างคนละประเภทกัน ดังนั้นผมมีความคิดเห็นว่าช่วยเอาถ้อยคำข้างต้นออกจากบทความนี้ด้วยครับเพราะมันจะทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ด้วย logic ของคุณเอง
แล้วอีกคำก็ J2SE นี่ก็แปลกๆครับในโลกของ Java เองการจะพิจรณาว่าอะไรเป็นอะไรให้ดู Technology Stack ที่สร้างมันขึ้นมาเราไม่ควรเหมาเอาเทเอาว่ามันเป็น J2SE เพราะมันดูกว้างเป็นมหาสมุทรตัว Alfresco เองนั้นถูกสร้างขึ้นมาด้วย Spring, Hibernate, Lucene, MyFaces และใช้ความสามารถของ Aspect-Oriented-Programmin ของที่ใช้ทั้งหมดนี้เป็น Enterprise Class ทั้งสิ้น
สรุปอีกครั้ง เพื่อให้ blognone เป็นสถานที่ที่มีข่าวที่ดีและถูกต้องช่วยพิจรณาด้วยครับว่าสมควรจะทำอย่างไร
โพสต์นี้กลายเป็นการพิสูจน์ PHP vs. Java ไปซะ อ่านแล้วต้องห้ามใจตัวเองไม่ให้หลุดเกรียน :P
ผมว่าคนเลือก Java เหตุผลแรกจะเป็นเรื่อง framework & component มหาศาลนะครับ ทำให้ productivity ของผู้พัฒนาก้าวไปอีกระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องความเร็วไม่น่าจะเป็นประเด็นให้ถกกันในปี 2010 ได้อีกแล้วนะครับ ฮาร์ดแวร์เร็วขนาดนี้ ถ้าจูน stack ดีๆ ไม่เห็นว่าใครจะเร็วช้ากว่าใครได้ขนาดไหน เว้นแต่จะวัดแบบไม่แฟร์เช่นไม่จูนหรือแรมไม่พอ และการจะเทียบเฉพาะความเร็วระหว่าง CMS/framework ที่ primitive ทำมือเยอะ กับที่มหัศจรรย์สุดยอดแบบเสกได้, secure, flexible และ maintain ง่ายซึ่งต้องมี overhead ใน layer ต่างๆเยอะ ก็ไม่แฟร์เช่นกัน
และคนเลือก PHP เหตุผลแรกก็ไม่ใช่ความเร็วในการทำงานเหมือนกัน แต่เพราะความสะดวกในการพัฒนา และถนัด CMS/framework บางตัว
ตกลงเราก็ไม่ได้เลือกใช้ภาษาในการพัฒนาเพราะความเร็วกันนี่ครับ แต่เพราะ productivity ของเรามากกว่าใช่ไหม?
/me เกรียนไหมนี -_-!
+1
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
แต่ความเร็วมีผลต่อคุณภาพของ Product ด้วยนี่สิครับ