By: nuntawat 
on 9 June 2012 - 21:22
Tags:
หลังจากไมโครซอฟท์ประกาศหักดิบว่า Visual Studio Express 2012 จะรองรับการพัฒนาแอพแบบ Metro เท่านั้น ในที่สุดบริษัทก็ทนต่อข้อเรียกร้องจากนักพัฒนาไม่ไหว โดยได้ประกาศว่าจะเพิ่ม Visual Studio Express 2012 for Windows Desktop เข้าเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Express เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไมโครซอฟท์กล่าวว่า นักพัฒนาจะสามารถพัฒนาแอพแบบมีส่วนติดต่อผู้ใช้และแอพที่รันบนคอนโซลโดยใช้ภาษา C++, C#, หรือ Visual Basic เพื่อให้รันได้บนทุกระบบปฏิบัติการที่รองรับ Visual Studio 2012 (ตามหน้าเว็บของไมโครซอฟท์ ไม่มี Windows XP และ Vista อยู่ในรายชื่อที่สนับสนุน) และใช้ความสามารถใหม่อย่าง unit testing ที่มากับ IDE หรือการทำงานร่วมกันผ่าน Team Explorer และ Team Foundation Server Express เป็นต้น
ดูสิว่าไมโครซอฟท์จะยอมกลับลำเรื่องอะไรอีกบ้าง?
ที่มา: The Visual Studio Blog
Get latest news from Blognone
Follow @twitterapi
Comments
เย้.....
แต่มันจะเขียน Metro App บน 7 ได้ปะเนี่ย?
VS Ultimate 2012 มันเขียนได้แต่โปรแกรม Desktop
บน 7 มันเขียน Metro App ไม่ได้ T_T
อิอิ
ว่าแล้ว แต่ไม่มี Windows XP นักพัฒนาส่วนใหญ่ก็ไม่อยาก upgrade นะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
อ้าวไม่กล้าหักดิบซะงัน อืม ยังไงเจ้าแห่งการ migrate ก็คือเจ้าแห่งการ migrate ละนะ
กลับลำสัญลักษณ์ไม่ให้เหลี่ยมอีกอย่าง (- -)d
+1 ใช้โลโก้ตอนเปลี่ยนใหม่ ๆ
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ขออย่าให้กลับลำไปซัพพอร์ต Windows XP เลย
ส่วนเรื่องที่อยากให้กลับลำตอนนี้มากที่สุด: WP7 ทุกเครื่องจะได้รับอัพเกรดเป็น WP8 (เหมือนจะไม่เกี่ยวกับข่าว)
ไม่ support xp ตามด้วย dev ไม่ upgrade tools สุดท้าย tile app ของ win8 จะแย่เอานะ
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
ไม่เกี่ยวกันครับ
ต่อให้ใช้บน Windows XP ได้ แต่มันก็ทดสอบแอพแบบ Metro ไม่ได้อยู่ดี
ฮา กำลังจะเข้ามาโพสต์เรื่อง Windows Phone เหมือนกัน
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
Drift 180 องศากันเข้าไป ว่าแล้วมันต้องเกิดเรื่องนี้แน่ๆ -*-
ห้า ห้า จริงๆ MS เค้าก็คงพัฒนาไว้อยู่แล้วล่ะ แค่โยนหินถามทาง ก็แค่นั้น
..: เรื่อยไป
ผมว่ามันเป็นเรื่องการตลาดที่ไมโครซอฟท์หยั่งเสียงและสร้างกระแสว่ายังมีนักพัฒนาแบบเดิมหรือไม่ แต่คนทั่วไปอาจจะคิดว่าเป็นการกลับลำ เหมือนกับตอนที่โนเกียออก "ลูเมีย" นั่นก็เป็นการสร้างกระแสให้ผู้ใช้ติดหูก่อนจะเปลี่ยนมาใช้ "ลูเหมี่ย"