เป็นบทความที่น่าสนใจมากอีกเรื่องหนึ่งของประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์ครับ
เมื่อครั้งที่ IBM บุกเข้ามายังตลาดพีซีเป็นครั้งแรก (ด้วยการสร้างฮาร์ดแวร์ IBM PC ขึ้นมา) บริษัทตัดสินใจไม่ทำระบบปฏิบัติการเอง แต่เลือกทำสัญญาใช้งานระบบปฏิบัติการจากบริษัทอื่นๆ แทน
ตอนนั้น IBM มีตัวเลือกอยู่สองบริษัทคือ CP/M ระบบปฏิบัติการยอดฮิตสำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในยุคนั้น สร้างโดย Gary Kildall แห่งบริษัท Digital Research (ปัจจุบันเขาเสียชีวิตแล้ว) และอีกทางหนึ่งคือ DOS ของไมโครซอฟท์ที่บิล เกตส์ไปซื้อมาอีกต่อหนึ่งจากบริษัท Seattle Computer Products
เหตุการณ์หลังจากนั้นคงเป็นที่ทราบกันดีว่า IBM เลือก DOS และกลายเป็น "ก้าวแรก" ของความยิ่งใหญ่ของไมโครซอฟท์ในทุกวันนี้
แต่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ทาง Gary Kildall ได้กล่าวหาว่า MS-DOS ขโมยโค้ดของ CP/M ไปใช้งาน (การตั้งชื่อไฟล์แบบ 8.3 ถูกใช้ครั้งแรกใน CP/M แต่อันนั้นเป็นเรื่องแนวคิดไม่ใช่ตัวโค้ด) เรื่องถึงขนาดฟ้องศาล แต่ในยุคนั้นการพิสูจน์ว่าโค้ดลอกกันมาหรือไม่ในชั้นศาลยังเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย คดีนี้จึงถูกศาลสั่งยกฟ้องไปในที่สุด
บนเว็บของ Digital Research ก็เขียนถึง CP/M ไว้ดังนี้
In 1974, Dr. Gary A. Kildall, while working for Intel Corporation, created CP/M as the first operating system for the new microprocessor. By 1977, CP/M had become the most popular operating system (OS) in the fledgling microcomputer (PC) industry. The largest Digital Research licensee of CP/M was a small company which had started life as Traf-0-Data, and is now known as Microsoft. In 1981, Microsoft paid Seattle Software Works for an unauthorized clone of CP/M, and Microsoft licensed this clone to IBM which marketed it as PC-DOS on the first IBM PC in 1981, and Microsoft marketed it to all other PC OEMs as MS-DOS.
เรื่องนี้ยังเป็นปริศนาดำมืดของประวัติศาสตร์วงการไอทีมาจนถึงทุกวันนี้ ตัวของ Gary Kildall เองยังเคยพูดว่าเขาแอบฝัง "คำสั่งลับ" ไว้ใน CP/M ซึ่งสามารถใช้ใน DOS ได้ด้วย เป็นสิ่งยืนยันว่า DOS ก็อปปี้โค้ดของ CP/M ไปจริงๆ (แต่ไม่เคยมีใครเห็นคำสั่งนี้ต่อสาธารณะ)
ประเด็นนี้ทำให้ Bob Zeidman โปรแกรมเมอร์ยุคปัจจุบันที่สนใจและเชี่ยวชาญเรื่องการตรวจสอบโค้ดของซอฟต์แวร์ (software forensic คล้ายๆ กับนิติวิทยาศาสตร์แต่ทำกับซอฟต์แวร์แทน) เจ้าของบริษัท SAFE Corporation ที่มีผลิตภัณฑ์สำหรับตรวจสอบความเหมือนของซอร์สโค้ดชื่อ CodeSuite จึงตัดสินใจค้นหาคำตอบเรื่องนี้ (แน่นอนว่าต้องใช้ซอฟต์แวร์ของเขาเองทำการตรวจสอบ)
Zeidman หาซอร์สโค้ดของ CP/M, 86-DOS (หรือ Q-DOS ของบริษัท Seattle Computer Products) และ MS-DOS รุ่นแรกๆ (เวอร์ชัน 1.11) มาทดสอบด้วยโปรแกรม CodeSuite เพื่อดูว่ามีจุดไหนเหมือนกันหรือไม่
หลักการของ CodeSuite นอกจากการเทียบระหว่างโค้ดของสองโปรแกรมแล้ว มันยังไปค้นหาโค้ดในอินเทอร์เน็ตเพื่อดูว่าโค้ดที่ต้องการตรวจเช็คนั้นไปเหมือนกับโค้ดชุดไหนบนอินเทอร์เน็ตด้วยหรือไม่ (ถ้าโค้ด 2 ชุดเหมือนกันแล้วไม่เหมือนกับโค้ดอื่นบนเน็ตเลย แปลว่าโอกาสลอกกันมีสูง)
ผลปรากฎว่าโค้ดของ CP/M และ DOS มีชื่อตัวแปร (ในภาษาเอสเซมบลี) รูทีน และข้อความสตริงเหมือนกันบ้างในบางจุด แต่จุดที่เหมือนกันนั้นเป็นคำสามัญและข้อความทั่วไปอย่าง CALL, MAKE, BOOT ที่ซ้ำกันเป็นปกติอยู่แล้ว สิ่งใกล้เคียงที่สุดที่เขาเจอคือคำสั่ง "jnz comerr" (jump if not zero, communication error) ที่เหมือนกันในโค้ดทั้ง 2 ชุดและไม่เจอคำสั่งนี้ในโปรแกรมอื่นๆ อีก แต่พอไปไล่ดูในโค้ดจริงๆ ก็พบว่ารูทีนที่เรียกคำสั่งนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย
ดังนั้นสรุปแล้ว Bob Zeidman จึงยกประโยชน์ให้บิล เกตส์ และไมโครซอฟท์ว่าไม่ได้ลอก CP/M แต่อย่างใดครับ
บทความเวอร์ชันยาวอ่านได้จากต้นฉบับ ใครสนใจเรื่องประวัติศาสตร์คอมพิวเตอร์จะพบว่ามันสนุกมาก!
ที่มา - IEEE Spectrum
Comments
เมื่อพิสูจน์ไม่ได้ จึงยกประโยชน์ให้จำเลย สินะครับ
I need healing.
CSI สินะ ( Computer Software Investigator )
สรุปจากเนื้อข่าวคือ ลอกแนวคิด -> ดูการทำงาน -> เขียนใหม่ให้เหนือกว่าคู่แข่ง
คล้ายประเด็นที่กำลังมีปัญหากันอยู่ระหว่าง SS กะ Apple แต่พิสูจน์ยากยิ่งกว่าตรวจสอบ Code เพราะมันเป็นจินตนาการในการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหลายๆ สิ่ง ไม่รู้ว่าศาลจะลองออกแบบมือถือแบบที่เคยลองเขียน Code ในคดีของ Oracle กะ Google อีกหรือเปล่า
ในเมื่อเจ้าตัวเก็บคำสั่งลับไปด้วยแล้ว มันก็คงเป็นความลับตลอดไปแล้วล่ะครับ
ตอนเข้าเรียน ป.ตรี วันปฐมนิเทศ อาจารย์เปืดหนังเรื่องหนึ่งให้ดู จำชื่อเรื่องไม่ได้
หนังเกี่ยวกับประมาณว่า บิลเกตส์ ไปลอก MS-DOS คนอื่นมาขายให้ IBM
บิกเกตส์ เข้าไปทำงานใน Apple ไปเห็น Mac OS เลยลอกมาทำเป็น Windows
ประมาณนี้ คือที่ลอกคงไม่ได้ลอก code มา แต่คงไปเห็นแล้วเอาแนวคิดมาทำไปขาย
Pirate of Silicon Valley มั้งครับ
มันเป็นภาคกำหนิดของ Pirates of the Caribbean ใช่บ่?
จริง ๆ มันเป็นภาคต่อหลังจากที่อีตา will เป็นกัปตันเรือแล้วขึ้นฝั่งได้ปีละครั้ง แอบมามีลูกไว้บนฝั่ง แต่กลัวปืศาจตามมาจับลูกไปเลยไม่ได้ใช้นามสกุลพ่อ William "Bootstrap Bill" Turner, Sr --> William "Will" Turner, Jr --> William Henry "Bill" Gates III
อีตา will นี่เป็น Pirate King ที่ชื่อ Gold D Roger ด้วยหรือเปล่าครับ แหม ช่างบังเอิญจริงๆ
Bill Gates ชื่อจริงๆ คือ William Henry Gates อยู่แล้วนี่ครับ
Bill มันเป็นชื่อย่อของ William
ออกเรือได้!!!
Blognone = 138.1 news/w เยอะมากๆ
นำ idea คนอื่นมาใช้ น่าจะเป็นเรื่องปกติ ในวงการธุรกิจ
One man's trash is another man's treasure
ปล (Spoil) เคสของ PARC Mouse & UI
{$user} was not an Imposter
เรื่อง Pirates of Silicon Valley ครับ
จำรายละเอียดยังไม่ถูก ควรจะดูอีกรอบนะครับ Pirate of Silicon Valley
{$user} was not an Imposter
ผมดูเรื่องนี้วันแรกที่เข้าเรียน เมื่อ 10ปีที่แล้ว และยังไม่มีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ และไม่เคยดูอีกเลย
และหนังก็เป็น Sound Track ภาษาอังกฤษตอนนั้นก็ไม่ได้อะไร Sub ก็ไม่มี จำได้เท่านี้แหละครับ จำจากภาพที่ดู
ว่างๆ คุณหาไฟล์บิตมาแชร์หน่อยสิครับ
บูมเมอแรงแมงป่องขาย VCD แผ่นละ 129 บาทเองครับ (เคยเห็น) ซื้อเค้าใช้หน่อยเถอะครับ
จริงดิ!? ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
ว่ามีเรื่องนี้ขาย ต้องไปสอยมาซะหน่อยแล้ว
ขอบคุณครับ บูมเบอแรงนี่ร้านประจำเลย แต่ไม่เคยนึกว่าจะมีขาย
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
หนังที่ว่าคือ "The Pirate of siligon Valley" ครับ
สปอย: Jobs เป็น Great Artist ครับ :P
สปอยกว่า: Jobs ตายแล้วครับ
เฮือก
พระเอก(?)ตายตอนจบ
ผมยังไม่เคยดู คุณมาสปอยอย่างนี้ก็จบกัน
วันหลังจะสปอยก็บอกก่อนนะครับ จะได้ไม่อ่านเมนนี้ :P
พอดีโดนสำนักข่าวทั่วโลกสปอยมาก่อนครับ เลยไม่รู้สึก XD
Dream high, work hard.
มารอดูว่าคห.ต่อไปจะมาบอกชื่อหนังอีกหรือเปล่า
Pirate of the Caribbean ครับ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เยี่ยมมากครับ
/me:ลงจากเวทีไปหยิบเก้าอี้
555
Pirates of Silicon Valley ครับ
55+
ชักงงแฮะ พอ IBM เลือก DOS ตอนนั้นมันเกิด PC-DOS ที่ MS จับมือกับ IBM หรือ MS-DOS ก่อนกัน (ผมเข้าใจไปว่า PC-DOS มาก่อนโดยตลอดเลยน่ะนี้)
น่าจะ PC-DOS ก่อน เพราะทำข้อตกลงกันไว้ หลังจากนั้น MS ค่อยทำ MS-DOS ขายให้คนที่ใช้เครื่อง IBM-PC Contemptible อีกที
OK ครับเพิ่งเห็นอ้างอิงในบทความ
ตอนจบสรุปว่ากลายเป็นโฆษณาโปรแกรม
Comments สรุปว่ากลายเป็นโฆษณาหนัง
โฆษณาสองเรื่องเลยด้วย
แล้วสรุป ใครได้เป็นราชาโจรสลัด
ใครจำ Word จุฬา กับ Word ราชวิถี ได้บ้าง...
xD
^
^
that's just my two cents.
จำเมโลดี้ได้
เรียนตอน ม.1 (ปี 37)
a:>cd rw[enter]
a:\RW>rw [enter]
จำขั้นตอน หยิบแผ่น Floppy Disc 5.25 inch DS/DD ขนาด 360KB
มาบรรจงสอดใส่ร่อง แล้วสับคันโยกลงมาปิด
แล้วมีเสียบอ่านแผ่น ครืดคราด ครืดคราด
ฮา ฮา ฮา
ไม่ทัน แต่เคยได้ยิน ผมยุค Floopy Disk 3.55" 1.44 MB
ทัน Windows 3.11 คริคริ
1.44 ใช้จริง 1.38 ด้วย
May the Force Close be with you. || @nuttyi
+1 หลัง format แล้วใช่มะ ผมเคยฝืนเอาเพลง mp3 หั่นด้วย rar ลงแผ่นนี้ด้วย สมัยรอยต่อระหว่าง Floopy Disk กับ Flash Drive ผลคือนานมากกก เสียด้วย 55+ ไม่สะเถียรเอาละเลย -_-
ผมยังมีอยู่เลยแผ่นแบบนี้ แต่ 1.6 Mb นะ
เล่น prince of persia ด้วยแผ่น 5.25 คริๆ จอโมโนโครมด้วย คริๆ
ป.ล.คิดถึงเสียงมันจริงๆ ด้วยแหละ ครืดคราด ตืดตืด
ใส่ซองกระดาษ ใช้สติ๊กเกอร์เป็น write protect
ตรงที่มีแสง
นึกถึง Doom ทันที ซื้อจากเสรีเซ็นเตอร์ 2 แผ่น
ผมยังเล่น Prince Of Persia บนแผ่นนี้เลยครับ จอเขียว
เคยเรียนตอน ม.1 ครับ เสร็จแล้วก็มีเกม cd man ไว้คลายเครียด ^^
A:\ >cd cdman
A:\cdman>cdman2
WE ARE THE 99%
ดักแก่ ฮ่าๆๆๆๆ
ระบบน่าสนใจดี
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
คงต้องให้คุณบิล เกตส์มาบอกเองละมั้ง หรือว่าต้องมาบอกต่อหน้า Gary Kildall #ขอเชิญคุณริวจิตสัมผัส
Coder | Designer | Thinker | Blogger
คู่กรณีทั้งสองก็จากโลกนี้ไปแล้ว สรุป บิล เกสต์ ชนะ ด้วยวลีที่ว่า ตายคนสุดท้าย เป็นผู้ชนะ หุหุ
Bill Gates ยังไม่ตายนี่ครับ
หรือผมงงมุกตรงไหน?
เค้าหมายถึงคู่กรณีของเกตต์ตายหมดแล้วมั้งฮะ
ทำไมเลื่อนลงมาเรื่อยๆ กลายเป็นข่าวที่มีความเห็นบอกอายุทั้งนั้น :P
Dream high, work hard.
ก็คือไม่ได้ลอกนั้นแหละเรื่องนานแล้ว
อย่าบอกนะว่าไอ้คำสั่งลึกลับนั่นคือ dir
Bob Zeidman ผ่า Code ขนาดนั้นไม่ลองหาคำสั่งที่ว่าซะหน่อยล่ะพ่อคุณ ดันหาแค่คำซ้ำแล้วดู Assembly ในส่วนนั้นๆเอง
แสดงว่าไม่ได้อ่านต้นฉบับ
ทุกอย่างมีจุดเริ่ม และมีจุดที่สานต่อครับ เริ่มได้จบไม่ดีจนต้องหาคนมาช่วยสานต่อแล้วไปประยุกต์จนดีขึ้นมาแล้วมาขายไอเดียให้คนอื่นที่เค้าจบไม่ดีจนมีรายได้มากมาย การเริ่มไอเดียก่อนก็ใช่ว่าจะโตเสมอไปในวงการพวกนี้ เท่าแต่ว่าเวลาคนเค้าพูดกันว่าจุดกำเนิดมาจากไหน ทุกคนก็จะร้องอ๋อมันเป็นแบบนี้นี่เอง แต่ถ้าไม่มีคนสานต่อมันก็คงดับสลายไปกับชื่อ และไอเดียที่สร้างขึ้นมาจนกลายเป็นแค่ความทรงจำ :)
M$
ลง OS สมัยก่อนนี่มันโหดร้ายจริงๆ
ในเมื่อความจริงยังไม่กระจ่าง
ขอเชิญคุณริวจิตสัมผัสครับ...
"การตั้งชื่อไฟล์แบบ 8.3" อ่านแล้วเก็ตเลย เคย(น่าจะ)โดนหลอกด้วย ว่าถ้าตั้งนามสกุลเป็น .com แล้วคอมจะระเบิด 555
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
ส่วนตัวผม อยากใช้คำว่า "ช่องทางลับ" มากกว่าคำสั่งลับนะครับ เพราะสมัยนั้นผมก็ใช้ช่องทางนี้เหมือนกัน เพราะมีตำแหน่ง Vector table ซ่อนอยู่ที่สามารถ Call Function ทั้งหลายให้ได้ผลการทำงานแบบ CP/M ได้ โดยตำแหน่ง Vector นี่ก็ได้จาก Interrupt เดียวที่ M$ DOS ประกาศเป็น Reserved เอาไว้
ถ้าใครสนใจมากกว่านี้ ก็ขอมาครับ จะจัดให้ ผมมี DOS อยู่ครบทุก Version เก็บไว้อยู่แล้ว แจกให้เอาไปทดลองกันได้ และจะแจกแจงวิธีการเข้าถึงช่องลับนั้นให้ครับ ได้ทั้งภาษา Assembly, C และ Pascal ครับ
ไม่ยาก... แต่เขาไม่เปิดเผยกัน แต่เรื่องขโมย/ไม่ขโมย ลอก/ไม่ลอก ผมยังไม่ขอออกความเห็นตอนนี้ดีกว่า เวลาไม่พอพิมพ์ครับ
คุณ mk ที่ใช้ประโยคว่า "แต่ไม่เคยมีใครเห็นคำสั่งนี้ต่อสาธารณะ" นั้น ผมตีความไม่ชัดเจนนะครับ ถ้าทำนองว่า ไม่เคยมีใครเปิดเผยต่อสาธารณะ นั่นละเข้าใจอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าสาธารณชนจะไม่มีใครรู้เลยอย่างแน่นอน
ผมยืนยัน ว่าผมทะลุปรุโปร่งเลย แต่ต้องมีคนขอมาก่อน เรื่องยาวครับ และจะทยอยเผยแพร่ตามเวลาที่ผมสะดวกเท่านั้น
ของ Ralph อะไรนั่นรึเปล่าครับ?