คดีระหว่างแอปเปิลกับซัมซุงที่กำลังต่อสู้กันอยู่ในชั้นศาล ทำให้เรารู้เรื่องต่าง ๆ มากมายเกี่ยวกับทั้งสองบริษัท ล่าสุดอีกข้อมูลที่น่าสนใจที่ถูกเปิดเผยก็คือเรื่องแท็บเล็ตของไมโครซอฟท์ที่กำลังจะวางตลาดในเร็ว ๆ นี้ โดยนาย Boris Teksler ผู้บริหารทางด้านการทำใบอนุญาตสิทธิบัตรของแอปเปิลบอกว่า ไมโครซอฟท์ได้รับสิทธิในการใช้สิทธิบัตรของแอปเปิลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทั้งสองก็มีข้อตกลง anti-cloning (ว่าจะไม่ลอกเลียนสินค้าของแอปเปิล) แยกอีกต่างหาก
The Wall Street Journal รายงานว่าไมโครซอฟท์สามารถเข้าถึงสิทธิบัตรของแอปเปิลได้ ผ่านการ cross-licensing หรือแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรซึ่งกันและกันกับแอปเปิล และดูเหมือนว่าการที่แอปเปิลออกมาเผยรายละเอียดดังกล่าว ก็เพื่อชี้ทางออกให้แก่ซัมซุงว่าซัมซุงเองก็สามารถจะแลกเปลี่ยนสิทธิบัตรกับแอปเปิลได้ เช่นเดียวกับไมโครซอฟท์
ในรายงานยังบอกอีกว่าระบบปฏิบัติการ Windows RT บน Surface นั้นน่าจะแตกต่างจาก iOS เพียงพอที่แอปเปิลถือว่ามันไม่ได้เป็นการลอกเลียนแบบ iOS ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลง anti-cloning ที่ทั้งสองบริษัทบรรลุความเข้าใจกันก่อนหน้านี้แล้ว
ที่มา - MacRumors
Comments
เห้ย!
Coder | Designer | Thinker | Blogger
ชอบคำนี้อ่ะ เห้ย! ด้วยคน
ฮะเริ้ย~ (เสียงแบบโอปอ)
แจ๋วครับ ดีกว่ามีปัญหายืดเยื้อไม่จบไม่สิ้น
สันติวิธี!!!!
Technology is so fast!
แหม ถ้าว่าเหมือนอีกก็ด้านไปหน่อยละ ไม่มีซักมุมนึงเลยที่เหมือนกันนะระหว่าง iOS กับ WinRT เนี่ย
ที่เหมือน ๆ ก็ได้แลก patent ไปหมดแล้วมั้งครับ พวก elastic bounce back อะไรแบบนี้ ก็ว่า Windows Phone 7 รอดไปได้อย่างไรตั้งนาน
@TonsTweetings
แค่นี้ก็แสดงให้เห็นว่า วิธีที่ถูกต้อง ที่คนมีสำนึกเขาทำอย่างไรกัน และมันทำได้
และก็แสดงให้เห็นว่า คนที่อยากจะลอก ไม่คิดเอง และจงใจจะไม่จ่ายอีกต่างหาก มันเป็นอย่างไร
เอ้า สาวก samsung มาดริ้ฟท์หน่อยยยย
(ออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ใช่สาวก SS ไม่เคยมีผลิตภัณฑ์สักชิ้น)
เฉพาะประเด็น Cross-Licensing Contract
ผมว่าการแลกเปลี่ยนสิทธิการใช้สิทธิบัตรคือ Win-Win เฉยๆ เป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่แบ่งกันลงตัว ไม่เกี่ยวกับว่าถูกหรือไม่ถูก มีสำนึกหรือไม่มีสำนึกครับ สมมติว่าบริษัทคู่สัญญาทั้งสองพิจารณาแล้วว่า 'สิทธิ' ที่แลกเปลี่ยนกันนั้น ต่อรองกันได้ลงตัว อาจอยู่ที่จุดสมดุลอย่าง +50/-50 อย่างนี้ก็เป็นได้
แต่ถ้าคู่สัญญาคิดว่าสิทธินั้นทำให้ตัวเอง 'เสียเปรียบ' เช่น อาจได้ใช้ฟีเจอร์เพิ่มขึ้น +20 แต่ต้องเสียสิทธิฝั่งตนเองไปให้ฝ่ายตรงข้าม -60 อย่างนี้ คู่สัญญาก็ไม่คิดว่าจะคุ้มที่จะทำครับ สัญญาต่างตอบแทนเช่นนี้จึงไม่เกิดขึ้น และนำมาซึ่งการฟ้องร้องคดีในที่สุดครับ
ส่วนประเด็นลอกไม่ลอกไม่มีความเห็นครับ
แอปเปิล จะไม่แลกสิทธิบัตรกันอย่างเดียวสิครับ ฟ้องขอเรียกค่าเสียหาย Samsung 30US สำหรับทุกมือถือ 40US สำหรับทุก Tablet
ถ้าหากยอมให้ แอปเปิลใช้สิทธิบัตร Samsung ตัว Apple จะลดค่าสิทธิบัตรลง 20% ผมว่าได้ไม่คุ้มเสียสำหรับ Samsung
40/30 dollar อันนี้ข้อเสนอที่ Apple ยื่นให้ Samsung ไม่ใช่หรอ ตกลงกันไม่ได้ Apple เลยฟ้องไม่ให้ขาย Apple มองว่าสิทธิบัตรฝั่ง Apple เยอะกว่าไงครับ เลยไม่ได้แลกกันฟรีๆ แต่ Samsung เองก็คงมองไม่ตรงกัน ไม่เหมือนกรณี Apple - Microsoft ที่ตกลงกันได้
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ข้อเสนอแบบทำนาบนหลังคน ถ้าเอาไปเสนอMSคงโดนMSเล่นแน่ๆ
นั่นก็เป็นเรื่องที่ทั้งสองบริษัทจะต้องประเมินว่าอีกฝ่ายมีสิทธิบัตรที่เป็นประโยชน์กับอีกฝั่งมากแค่ไหนและตกลงกัน ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ให้คนกลางซึ่งก็คือศาลตัดสินไป
ถ้าสิทธิบัตรมีประโยชน์ ทำเงินได้มากกว่าที่จ่ายหรือคุ้มกว่าคิดค้นเอง แค่นี้ไม่ถือว่าเยอะหรอกครับ แต่กรณีนี้ผมไม่รู้ว่ามากไปหรือน้อยไปหรือเปล่า
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
เท่าที่ผมสังเกตุรู้สึกว่าการเรียกเงินค่าสิทธิบัตรจะตก1-2ดอลล่าห์ แต่appleเรียก30-40แสดงว่าSSละเมิด15-40สิทธิบัตรเลยเหรอ หรือAppleเรียกแพง แต่ดูจากการที่SSไม่เอาด้วยแสดงว่าข้อเรียกร้องของAppleเอาเปรียบเกินไป เพราะSSไม่น่าจะอยากมีปัญหากับAppleอยู่แล้วเพราะAppleเป็นลูกค้า แต่สำหรับAppleเป็นการสั่งสอนsupplierข้อหาดันเขยิบขึ้นมาแข่งกับตัว มุมมองของคุณอาจมองที่การทำธุรกิจ แต่มุมมองของผมสนใจในการเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหา
เรื่องการลอกเป็นสิ่งไม่ดีผมก็รู้แต่มันก็ไมได้เลวร้ายเท่ากับการขัดขวางและทำลายคู่แข่งเพื่อสร้างตลาดผูกขาด อันนั้นมันกระทบกับลูกค้าอย่างเราๆโดยตรง เรื่องลอกกันมันเป็นปัญหาของแค่สองบริษัทพวกเราไม่ได้ผลกระทบน่ะครับ fan boy ต้องแยกให้ออกด้วย
สิทธิบัตรแต่ละอย่างมูลค่าไม่เท่ากัน ไม่สามารถบอกว่าถูกหรือแพงได้จากจำนวนสิทธิบัตรหรอกครับ อันนี้อาจจะแพงไปจริงๆ ก็ได้ แต่ไม่ใช่เพราะจำนวนสิทธิบัตร ราคาขึ้นกับประโยชน์ของมัน ผมแย้งเพราะแค่ไม่อยากให้ตัดสินเท่าที่เห็น เพราะมันนิดเดียวจริงๆ ที่เป็นข่าวออกมา ไส้ในมันอีกเยอะที่เค้าไม่เปิดเผย อย่างเรื่องพวกนี้ถ้าไม่ถึงศาลก็ไม่เป็นข้อมูลออกมา แต่คนใช้ที่เถียงกันแทบตายก็ตัดสินในใจกันไปแล้วว่าใครถูกใครผิด
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
+100
เห็นด้วยครับ เลือกข้างเถียงกันหน้าดำหน้าแดงไปก็เท่านั้น ไม่มีใครสักคนในนี้ที่ไปนั่งฟังข้อมูลจริงในศาล ไม่มีใครเคยเห็นว่า apple กับซัมซุงตกลงอะไรกันก่อนมีเรื่อง ไม่มีใครรู้ว่า apple กับ MS คุยอะไรกันไว้บ้าง ข้อมูลที่ออกมาทางสื่อเป็นข้อมูลที่แต่ละฝั่งเลือกว่าจะปล่อยออกมาแล้วให้ตัวเองดูดีหรือได้เปรียบ ใครพระเอก ใครผู้ร้าย เราไม่มีทางรู้เลย
เห็นด้วยครับกับความเห็นของคุณ Zatang มันตัดสินอะไรไม่ได้จริงๆครับ แต่ผมก็ไม่ได้ตัดสินอะไรน่ะครับแค่นำเสนอวิธีวิเคราะห์จากความสัมพันธ์กับการกระทำเพื่อให้เข้าใจได้ถึงเจตนาของแต่ละบริษัทในระดับหนึ่ง ซึ่งผมใช้ความเข้าใจนี้เป็นเหตุผลในการแสดงความไม่เห็นด้วยในการกระทำบางอย่างของ Apple เรื่องการวิเคราะห์พวกนี้เราก็ทำกันสนุกๆนี้ครับไม่ได้จริงจังอะไรมาก
ปล.ความเห็นผมจะเปลี่ยนถ้าiPhone5 ต้องสนองความต้องการของผมได้ และไม่ได้เป็นแค่การอัพเกรดฮาร์ดแวร์และรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
เห็นใช้คำว่า ข้อเสนอแบบทำนาบนหลังคน เหมือนกับว่าตัดสินไปแล้วทั้งที่ในที่นี้ไม่มีใครรู้เงื่อนไขข้อเสนอเลยว่าราคานั้นเพราะอะไร รวมอะไรบ้าง ขอบเขตแค่ไหนหน่ะ ผมเลยเริ่มถามไป
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
ทำนาบนหลังคนคือการเรียกเก็บเอาประโยชน์ใส่ตนโดยขาดความเมตตา เนื่องด้วยตนได้ยึดครองที่นั้นไว้ก่อน แล้วให้คนอื่นทำนาแทนแล้วเรียกเก็บรายได้นั้นไปเรื่อยๆชั่วลูกชั่วหลาน คำพังเพยนี้ความหมายสมัยก่อนก็จะคิดถึงเรื่องที่ดินแต่ยุคปัจจุบันนี้ต้องคิดถึงสิทธิบัตรครับไม่ว่าจะเป็นยาหรือเทคโนโลยี แค่คุณไปถึงจุดนั้นได้ก่อนคนอื่นคุณก็สามารถทำนาบนหลังคนได้แล้ว ซึ่งผมไม่ทันได้ตัดสินอะไรเลยท่าน ผมแค่จะเน้นว่าถ้า Apple กล้าเอาข้อเสนอแบบนั้นไปเสนอกับ MS คงโดน MS เล่นน่ะครับ อาจจะโดน MS ทำนาบนหลัง Apple แทน
เรื่องผูกขาดนี่ผมว่าไม่น่าจะใช่นะ เพราะว่ายังมีเบอร์สามสี่ห้าหกรอที่จะมาเสียบอยู่แล้ว
ไปอ่านข่าวเก่าครับ
May the Force Close be with you. || @nuttyi
เพราะฟ้อง MS มันได้ไม่คุ้มเสียต่างหาก บริษัทที่ได้ชื่อว่า evil มาเป็น 10-20 ปี อย่าง MS เนี่ย สะสมสิทธิบัตรไว้เพียบ แค่งัดออกมาไล่ฟ้องคืนก็สู้กันจนไม่ต้องทำมาหากินแล้ว
ใช้คำได้น่ากลัวมาก=.,=
ซัมซุงลอกการออกแบบ(ศาลตัดสินว่าไงไม่รู้นะ แต่ผมว่าเอามาเต็มๆละ) จะคิดเงิน"ต่อเครื่อง"
แอปเปิลละเมิดสิทธิบัตร 3G จะให้คิดเงิน"ต่อชิป"
สมมติว่ายกให้เลย ซัมซุงเลิกใช้ดีไซน์ที่ลอกมา แอปเปิลเลิกใช้ 3G ส่วนที่ละเมิด ใครเสียหายมากกว่า? แต่ผลคือแอปเปิลเรียกค่าละเมิดสูงกว่าซะงั้น
ผมเป็นซัมซุงผมก็ไม่ให้แฮะ
เขามาขำขันสาวกผลไม้
ผมยังไม่เห็นสาวกผลไม้พูดออกตัวอะไรซักคนเลยนะครับ
มาขำขัน...ด้วย XD
ไม่มีโจรในหมู่โจร
ในความเห็นของผมคิดว่าAppleไม่อยากสู้คดีกับMSมากกว่า อาจเป็นเพราะมีสัญชาติเดียวกัน หรือไม่ก็MSถูกฟ้องทีไรไม่เคยแพ้สักที
ต่างกับซัมซุงบริษัทข้ามชาติ Appleสามารถใส่ได้เต็มที่ เพราะSSคงไม่มีพลังภายในเหมือนMSมี
ผมก็คิดว่า คงไม่มีใครอยากเสี่ยงฟ้อง MS หรอกครับ
+1 MS น่ากลัวจริงๆนะ ไม่รู้ว่าตอน windows mobile สะสมอาวุธไว้เยอะแค่ไหนแล้ว
เราแอบกิ๊กกัน <3
แฟนพันธุ์แท้สตีฟจ็อบส์ | MacThai.com
Ballmer กับ Cook หรอครับ O.o
#ปวดตับ
Dream high, work hard.
ทำให้นึกถึงกิ๊กคู่เก่า
Achievement Unlocked: Being a Blognone's Writer
Apple:ถ้าตกลงกับฉันก่อนหล่อนก็จะไม่ต้องเจอแบบนี้
SAMSUNG:ใครจะยอม...
เค้ารักกันน่ะ แต่สาวกเค้าไม่ค่อยจะรักกันเท่าไหร่ 555+
seeking for New Frontier...
จะท้าตียักษ์ให้เสี่ยงไปใย
คิดไว้แล้วไม่มีผิด ต้องมีสัญญาจริงและสัญญาใจกันเยอะ สำหรับ MS และ Apple ขนาด cross-licensing ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาคู่นี้ ขนาดร่วมกันลงขันประมูลสิทธิบัตร Nortel และปีนี้ก็ลงเงินกัน ประมูลสิทธิบัตร Kodak เราคงจะได้เห็นสิทธิบัตรบางอย่างของ ไมโครซอฟท์ ที่ Apple เอามาต่อยอดในอนาคต Samsung ยอมจ่ายเงินค่าสิทธิบัตรโทรศัพท์ Android ให้ MS แต่จะไม่ยอมจ่ายให้ Apple เลย มันก็จะยังงัยอยู่ ทั้งๆที่เอาสิทธิบัตรเขามาใช้
อัศวิน สู้กับ อัศวิน ด้วยวิธีแบบ อัศวิน
MS ใครก็รู้ว่าเป็นราชาปีศาจ เป็นบอสตัวสุดท้ายเลยน่ะครับ
นานมาแล้ว apple ได้ทำข้อตกลงกับซาตานเพื่อที่จะได้กลับมามีชีวิตใหม่ กลายเป็นโกสไรเดอรรรรร์
5555
555 คิดได้งัยเนี่ย
จากนั้น ซาตานก็โดนโกสไรเดอร์เตะลงขุมนรก อ้ากกกกกกกกก
+like ฮา
ว่าแต่ภาค 2 นี่เริ่มไม่สนุกแล้วนะ ถ้าภาคถัดไปยังห่วยเหมือนเดิม เดี๋ยว โกสไรเดอร์ก็จะหายไป ... แต่ซาตานก็ยังคงอยู่ (ในเรื่องอื่นๆ) 55
@ Virusfowl
I'm not a dev. not yet a user.
สิทธบัตรของ SS นั้นมีหลายใบและจำเป็นต่อการผลิตสินค้าครับ แทนที่จะรับข้อเสนอของ apple สู้ฟ้องเอาทีละใบดีกว่า soc และ 3g น่าจะใด้เยอะทีเดียว และผมไม่เชื่อว่า SS จะมีแค่นั้น
samsung ใหญ่แค่ใหน ?
https://youtu.be/6Afpey7Eldo
apple คงไม่อยากไปแหย่ยักษ์หลับหรอกครับ ขืนทะลึ่งไปฟ้องจะกลายเป็นไปแหย่รังแตนซะเปล่า ทำแบบนี้ถูกต้องแล้วครับ
ตกลงว่ามีรังแตนอยู่ในหูยักษ์สินะครับ :p
คู่นี้เค้ามีความสัมพันธ์อันดีงามแก่กัน ตั้งนานแล้วนิ ตั้งแต่สมัยที่ จ็อบขอให้บิลเกตช่วยซื้อหุ่น้พื่อกอบกู้ apple สมัยที่กำลังจะเน่า เลยตกลงกันง่ายหน่อย แต่ซัมซุง เหมือนกับว่า ตรูจ้างเมิงนะ ยังจะคิดเป็นคู่แข่งตรูอีกเหรอ แต่มองในแง่ผู้บริโภคคือ ได้ประโยชน์ มากที่มีการแข่งขั้น แต่สาวกที่ไม่สามารถแยกแยะอะไรออกได้ก็กลายไปเหยื่อ อันโอชะ ของ brand ไป
อ่านหลายๆเมนต์พึ่งรู้ว่าMSน่ากลัว=.,=
เพิ่งรู้ซะงั้น+..+
MS ยังถือหุ้น Apple ไว้อยู่?
น่าจะขายไปหมดแล้วนะครับ ถ้ามีอยู่ก็ไม่เยอะ และรู้สึกจะเป็น non-voting stock ด้วย
Apple ซื้อคืนหมดแล้วครับ
เข้ามาขำขันสาวกผลิตตู้เย็น
555 ขำด้วยคน เพิ่งรู้ว่าไมโครซอฟต์ผลิตเครื่องซักผ้าด้วย :p
หมายถึง Samsung ครับ
นึกว่า Apple /me ตี่งโป๊ะ
ล้อเล่นน่ะครับ รู้ครับว่าหมายถึงซังซุง
พอดีเห็นหัวข่าวเกี่ยวกับ Apple กับ MS
ขำๆน่ะครับ
จ๊อบกับบิลเกต ถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีนะ
แต่พอจ๊อบไปแล้ว ก็คงเสมือนคู่แข่งทางธุรกิจแหละ
ไม่รู้ความสัมพันธ์คู่นี้จะเป็นยังไง
วินโดว์มีพันธมิตรเยอะ
แถมมีลูกค้าที่มีประสบการณ์กับผลิตภัณฑ์บริษัทยาวนาน
เรียกว่าแข็งแกร่งทีเดียว
อีกอย่างการให้MSทำSurface
อาจจะเป็นตัวเร่งให้ผู้ใช้หันมาสู่ยุคคอมพิวเตอร์แบบพกพาได้เร็วมากขึ้น
ถึงเวลาอาจจะก้าวไปสู่ยุคอื่นได้เร็วยิ่งขึ้นอีก
อยากให้ถึงยุคแว่นตาคอมพิวเตอร์เร็วๆจัง
ลองแต่ฟ้องสิ แอปเปิ้ลอาจจะเสียมากกว่าได้ โลกแห่งซอฟแวร์ในตอนนี้ ไม่มีใครกล้าไปเหยียบเท้า MS ซักคน
Samsung ดริฟมันเลยยยยย
ป๊อดอะ
Educational Technician
เท่าที่อ่านมาเค้าก็ตกลงกันไปดีๆ แล้ว แต่คนที่ง้างเท้ารอย่ำ Apple นี่ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะต้องโดนอยู่ดีสินะ 555
"เก๋า"