เชื่อว่าหลายคนยังจำกันได้กับมหากาพย์คดีสิทธิบัตรระหว่าง Apple และ Samsung ที่จะกลายเป็นหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์วงการไอทีกับคำตัดสินมูลค่าเงินชดเชยที่ Apple ผู้ชนะคดีจะได้รับจากการที่ Samsung ละเมิดสิทธิบัตรเป็นมูลค่าสูงกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ ตอนนี้ตัวเลขเงินชดเชยอาจหายไปวูบเดียวกว่า 500 ล้านดอลลาร์ หลังสิทธิบัตรสำคัญฉบับหนึ่งของ Apple ที่เกี่ยวพันคดีนี้เพิ่งถูกพิจารณาใหม่ว่าเป็นโมฆะ
ไล่เรียงกันเสียก่อนว่าการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่นี้ยกแรกมีการกล่าวอ้างว่าต่างฝ่ายต่างละเมิดสิทธิบัตร จนท้ายที่สุดศาลตัดสินว่า Apple มิได้ละเมิดสิทธิบัตรของ Samsung ทว่า Samsung ได้ละเมิดสิทธิบัตรของ Apple จริงหลายรายการ ทั้งการออกแบบ UI เรื่อง Bounce-back, Multi-touch, Pinch-to-Zoom และ Tap-to-Zoom รวมถึงสิทธิบัตรการออกแบบสมาร์ทโฟนสี่เหลี่ยมมุมมนกับหน้าจอสัมผัส ซึ่งบทสรุปก็คือศาลสั่ง Samsung จ่ายเงินชดเชยประมาณ 1.05 พันล้านดอลลาร์
ต่อมาผู้พิพากษา Lucy Koh ที่ทำหน้าที่ไต่สวนพิพากษาคดีนี้ พิจารณาเห็นว่าคณะลูกขุนที่ออกคำตัดสินข้างต้น มีการคำนวณตัวเลขความเสียหายที่ Apple พึงได้รับเงินชดเชยผิดพลาดไปบางส่วน โดยการคำนวณส่วนที่ว่านั้นคิดตามยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ 14 รุ่นของ Samsung ที่ได้ขายออกไป จึงได้ยกเอาตัวเลขในส่วนที่เกี่ยวพันกับผลิตภัณฑ์ 14 รุ่นนั้นอันมีมูลค่า 450 ล้านดอลลาร์ มาทำการคำนวณเสียใหม่ จนมีการแก้ไขเป็น 290 ล้านดอลลาร์ ทำให้ยอดเงินค่าปรับรวมของคดีเปลี่ยนจาก 1.05 พันล้านดอลลาร์ มาเหลือ 890 ล้านดอลลาร์
หลังจากนั้น 2 คู่แข่งผู้ผลิตสมาร์ทโฟน ก็สู้คดีกันอีกยกที่ 2 คราวนี้มีคำตัดสินว่า Apple ละเมิดสิทธิบัตรของ Samsung จำนวน 1 รายการเรื่องการบันทึกเสียงและภาพ ส่วน Samsung ถูกตัดสินว่าละเมิดสิทธิบัตร data syncing, slide-to-unlock และ autocomplete เบ็ดเสร็จยกนี้ Samsung โดนสั่งปรับเงินให้ Apple อีก 119.6 ล้านดอลลาร์ รวมกับตัวเลข 890 ล้านดอลลาร์จากคดีในยกแรก เท่ากับว่า Samsung ต้องจ่ายเงินค่าละเมิดสิทธิบัตรให้ Apple ถึง 1 พันล้านดอลลาร์
ทว่าจุดพลิกผันอีกครั้งหนึ่งของมหากาพย์นี้เพิ่งจะหวนสู่พื้นที่นำเสนอข่าวอีกครั้ง หลังแผนกรื้อคดีกลางของ USPTO ได้มีคำวินิจฉัยในเบื้องต้น (non-final rejection) ว่าสิทธิบัตรการออกแบบตัวเครื่องสมาร์ทโฟนของ Apple นั้นเป็นโมฆะ (หมายเลขสิทธิบัตร D618,677) ซึ่งสิทธิบัตรฉบับนี้เป็นฉบับสำคัญของการต่อสู้คดีระหว่าง Apple และ Samsung มาตั้งแต่การเปิดศึกรอบแรก โดยสมาร์ทโฟนตัวสำคัญที่ถูกตัดสินว่าละเมิดสิทธิบัตรฉบับนี้ก็ดังเช่น Galaxy S, Galaxy S 4G, Galaxy S II
สำหรับเหตุผลที่มาของคำวินิจฉัยนี้ ได้มีการชี้แจงไว้ด้วยเหตุผลสำคัญ 2 ประการ อย่างแรกคือ สิทธิบัตร D618,677 ของ Apple นี้มีรายละเอียดแตกต่างจากเอกสารที่ใช้ยื่นขอจดสิทธิบัตร (patent application) ดังนั้นจึงไม่อาจอ้างเอาเนื้อหาจากคำขอจดสิทธิบัตรมาเป็น prior art เพื่ออ้างเป็นสิทธิบัตรการออกแบบได้ ส่วนเหตุผลอีกข้อ USPTO ระบุว่าสิทธิบัตรนี้เป็นโมฆะเนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่ามีผลิตภัณฑ์ของ LG และผู้ผลิตอุปกรณ์จากญี่ปุ่นอีกราย ได้ออกแบบสินค้าในรูปลักษณะนี้มาก่อนการอนุมัติสิทธิบัตร D618,677 แล้ว
หากคำวินิจฉัยนี้ถูกยืนยันไม่เปลี่ยนแปลงในภายหลังอีก จะมีผลให้มูลค่าเงินชดเชยที่ Samsung ต้องจ่ายนั้น ลดลงทันทีจาก 1 พันล้านดอลลาร์ เหลือ 548 ล้านดอลลาร์ ทว่าเรื่องคงยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะคดีนี้ยังเหลือชั้นศาลฎีกาให้ต่อสู้กันได้อีก หากว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดยังไม่พอใจกับบทสรุปที่ออกมาในตอนนี้
ที่มา - Apple Insider, MacRumors, ข้อมูลสิทธิบัตรจาก FPO
Comments
คดีนี้ลุยกันมานานมากกกกก
มันยังไม่จบอีกหรือนี่
หลังจาก Federal Court ปฏิเสธไป คราวนี้โชคยังเข้าข้างฝ่าย Samsung บ้าง แต่คงต้องลุ้นกันถึง supreme court เลยทีเดียว
ถ้าจำไม่ผิด คดีนี้มันเริ่มมาตั้งแต่สมัย Galaxy S2 ...
ไม่เข้าใจว่ารูปสี่เหลี่ยมขอบโค้งมุมมนนี่ยอมให้จดไปได้ยังไง มัน generic มาก ๆ ... หรือว่าสินค้าที่มีขอบโค้งมุมมนทุกชนิดมีการจิดสิทธิบัติเอาไว้หมดแล้วหว่า
จากในข่าวผมว่ามันไม่ใช่ generic แต่เป็นทาง Apple ไม่มีสิทธิจดทะเบียนเพราะทาง LG นำไปใช้ก่อนหน้า Apple จดทะเบียนเสียอีก น่าจะหมายความว่าถ้ารับจดได้ LG น่าจะมีสิทธิได้จดทะเบียนก่อน ดังนั้นของ Apple จึงน่าจะถูกเพิกถอนการจดทะเบียน เงื่อนไขการจดสิทธิบัตรจำไม่ผิดคือต้องไม่ใช่ของที่ชาวบ้านเขาทำออกมาก่อนแล้วตนเองไปอ้างจดทีหลังนะผมว่า
แต่พออ่านความเห็นใน appleinsider ถึงกับผงะกับตรรกะวิบัติ
ที่ไปด่า USPTO สาวก apple ในนั้นนี่ก็เหลือเกิน
สิทธิบัตรถูกเพิกถอนก็ถูกแล้วนี่เพราะเหตุผลมันชัดเจนว่า Apple ทำไม่ถูกมาแต่แรกยังไปเข้าข้างกันแถมตีโพยตีพาย USPTO ซะงั้น มันความผิด Apple ชัดๆที่เอาช่องว่างของกฎหมายมาขอจดสิทธิบัตร ที่ไม่ควรจะจดได้พอเขาพบว่ามีคนอื่นใช้ก่อนตนเองจดทะเบียน ดันไปด่าว่า USPTO ทำหน้าที่ไม่ดีบ้างด่าว่ามี USPTO ไว้ทำไม สาวกนี่ก็เหลือเกินจริงๆ ถ้าเข้าใจกฎหมายสิทธิบัตรก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิจดเขาก็เพิกถอนสิทธิบัตร กลายเป็นตนเองไม่มีอำนาจฟ้องในส่วนนั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมายลูกขุนช่วยอะไรไม่ได้เพราะไม่มีสิทธิพิจารณาปัญหาข้อกฎหมายพิจารณาได้แต่ปัญหาข้อเท็จจริง
อธิบายแบบนี้ผมชักสงสัยว่าแล้ว กรณี One More Thing มันจดกันได้ยังไง
trademark กับ speech มันก็คนละอย่างกันอยู่แล้วนี่ครับ
เหมือนที่ Apple จดทะเบียนด้วยชื่อผลไม้นั่นแหละ
Russia is just nazi who accuse the others for being nazi.
someone once said : ผมก็ด่าของผมอยู่นะ :)
คงถึงฎีกาแน่ๆ
ไม่ว่าจะยังไง สุดท้าย ทนายชนะ
ถ้าใบนี้ โมฆะ
อาจจะได้เห็น เครื่องโคลนเหมือนเด๊ะ
นะครับ...
เหมือนเดะก็ผิดอยู่ดีครับ อันนั้นผิดลิขสิทธิ์ครับ ไม่เกี่ยวกับสิทธิบัตรที่เป็นคดีอยู่นี่
กำลังสงสัย สิทธิบัตร Pinch-to-zoom tap-to-zoom แล้วก็ MultiTouch ไม่ได้อยู่ในระบบ android มาแต่แลกแล้วเหรอครับ
Samsung เอามาใช้ตรงๆ หรือจงใจไปแปลงให้เหมือน apple
ไม่ครับ apple ใช้มาตั้งแต่ก่อน google จะคิดทำ android อีก 2 OS เกิดก่อนกันนานอยู่
Apple มีก่อน และ Android ตัวแรกๆ ที่ออกมาไม่มี pinch to zoom นะครับ
อคติทำให้คนรับเหตุผลด้านเดียว
นี่คงเป็นสัญญาณของการอดได้ตังค์:P
ออกเครื่องใหม่ ได้ตังค์เหมือนเดิม
ที่ฟ้องๆนี่คงเป็นรายได้เสริมละม้าง
รอให้ทำออกมาเป็นหนัง แล้วค่อยดูทีเดียวจบดีกว่า...
คงยิ่งใหญ่ประมาณ Lord of the ring 3 ภาคได้?
มหากาพย์
ข้อความ "มาก่อนการอนุมัติสิทธิบัตร D618,677 แล้ว"
ต้องเป็น "ก่อนการยื่นจดสิทธิบัตร D618,677" หรือเปล่าครับ
เนื่องจากกระบวนการยื่นจดสิทธิบัตร จะพิจารณาจากวันแรกที่ยื่นขอจดครับ
เครื่องเหลี่ยมขอบโค้ง มันก็มีใช้กันตั้งแต่สมัยพวกNokia Express Music แล้วโน่นแหละ
สมัยนั้นเนี่ยใครได้ถือซิมเบี้ยนนี่ เท่สุดๆแล้ว
อันนี้จริง