Tags:
Node Thumbnail

เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมามีข่าวรถอัตโนมัติ Arma เริ่มรับส่งผู้โดยสารหลังจากทดสอบวิ่งบนถนนมาเกือบปี (และดันมีอุบัติเหตุชนในวันแรก) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาผมก็ได้ไปร่วมงาน AWS re:Invent ที่ลาสเวกัสที่จัดงานอยู่ใกล้ๆ เมือง Fremont ที่ทดสอบรถ Arma นี้พอดี จึงมีโอกาสไปลองนั่งด้วยตัวเอง

รถ Arma ให้บริการจากหน้า community mall ที่ชื่อว่า Downtown Container Park การลองนั่งไม่มีค่าใช้จ่าย การให้บริการดำเนินการโดยบริษัท KEOLIS ผู้ให้ดำเนินกิจการระบบขนส่งมวลชนรายใหญ่ในยุโรป โดย KEOLIS และ NAVYA ผู้ผลิตรถประกาศความร่วมมือกันตั้งแต่เดือนกันยายน 2016

รถจะให้บริการเป็นช่วงๆ เช่น บ่ายโมงถึงบ่ายสองแล้วพัก ผมไปถึง Container Park ตอนบ่ายสองพอดีก็ต้องเดินรอบๆ รอถึง 14:45 แล้วจึงออกมาต่อแถว จะมีพนักงานมาจัดคิว สามารถแจ้งได้ว่ามาด้วยกันกี่คนเพื่อให้จัดให้นั่งไปด้วยกัน ให้ความรู้สึกเหมือนเครื่องเล่นมากกว่ารถโดยสารจริงๆ

No Description

กล้องสามมิติด้านหน้ารถ

ตัวรถโดยรอบมีเซ็นเซอร์ LIDAR 8 ตัวเป็นด้านหน้าและหลังอย่างละ 3 ตัว และด้านข้างด้านละตัว ด้านหน้าและหลังมีกล้องสามมิติติดตั้งอยู่ ที่จริงแล้วตัวรถออกแบบให้เหมือนไม่มีด้านหลังและใช้งานได้ทั้งสองด้าน แต่รถคันนี้มีกล้องวงจรปิดรถยนต์ติดอยู่ด้านหน้าด้วย ส่วนด้านหลังจะมีจุดต่อไฟชาร์จอยู่ด้วย โดยต้องการไฟฟ้า 230 โวลต์แบบยุโรปเพื่อชาร์จไป

No Description

ตามสเปครถแล้ว Arma รองรับผู้โดยสารได้ 12 คน เป็นที่นั่ง 10 ที่นั่ง หน้าหลังด้านละสี่ที่นั่งและด้านตรงข้ามประตูอีก 2 คน พื้นที่ตรงกลางน่าจะยืนได้อีก 3-4 คนอย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารทั้งหมดห้ามยืนในรถ และเมื่อนั่งแล้วต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเสมอ ที่นั่งตรงข้ามประตูไม่ได้ใช้งานทำให้การเดินทางช่วงทดลองนี้เดินทางได้รอบละ 8 คนเท่านั้น ภายในรถมีป้ายเตือนว่ารถอาจเบรครุนแรง และต้องจับรถไว้เสมอ

No Description

ด้านหน้าและหลังรถเหมือนกันแทบทั้งหมด ยกเว้นด้านหลังจะมีปลั๊กชาร์จไป 230V และด้านหน้ามีกล้องบันทึกภาพการขับขี่

ผู้ควบคุมรถจะถือจอยแพด Xbox เพื่อเตรียมพร้อมควบคุมรถในเวลาฉุกเฉิน เขาเล่าให้ฟังว่าเขาควบคุมรถมาเป็นเวลาเกือบปีนะหว่างการทดลองและไม่เคยเกิดเหตุอะไร แต่พอวันแรกที่รับผู้โดยสารจริงกลับเกิดเหตุเฉี่ยวชน

ตอนนี้ Arma ทดลองทั่วโลกกว่า 60 คัน รวมถึงแถบเอเชียเช่นไต้หวันและสิงคโปร์ รถที่ลาสเวกัสนี้เป็นคันแรกที่รับผู้โดยสารจริงและวิ่งบนถนนสาธารณะ ขณะที่คันอื่นแม้จะรับผู้โดยสารแต่ก็วิ่งในพื้นที่เอกชนหรือที่ดินของหน่วยงานผู้ทดลองเอง

No Description

คนขับ (ที่ไม่ต้องขับ) จอย Xbox สำหรับควบคุมฉุกเฉิน และกล้องบันทึกภาพด้านหน้า

เมื่อลองนั่ง รถทำความเร็วได้ไม่มากนัก ประมาณ 10-20 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น และมีแนวโน้มจะเป็นคนขับที่ "ใจดี" เสมอๆ เช่น เมื่อเจอคนข้ามถนนก็จะหยุดรถทันที และจอดค่อยข้างแรง ทำให้ประสบการณ์โดยรวมๆ ของการลองนั่ง Arma คือกระตุกๆ สักหน่อย พฤติกรรมการขับจะไม่เหมือนคนที่ขับซิ่งแบบที่เราเห็นในบ้านเรา แต่จะเหมือนคนขับมือใหม่ที่กระแทกเบรกตลอดเวลา

การนั่งกินเวลาเพียงสิบกว่านาทีเท่านั้น (ระยะทางแค่กิโลเมตรเดียว) มีป้ายให้ลงได้กลางทาง จากการลองนั่งแล้วทำให้คิดถึงปัญหาที่ต้องฝ่าฟันกันต่อไปของรถไร้คนขับ

  1. กฎหมายที่ต้องแก้ไขในอนาคต แม้ Arma จะเป็นรถอัตโนมัติแต่ในการทำงานจริงก็ต้องมีคนควบคุม แถมพอเป็นรถทดลองขนาดเล็ก อัตราส่วนพนักงานต่อผู้โดยสารกลับยิ่งสูง ถึงจุดหนึ่งก็คงต้องมีการแก้ไขให้รถเหล่านี้ไม่มีผู้ควบคุมเลยจริงๆ
  2. การยอมรับความเสี่ยงในการออกแบบรถอัตโนมัติ ความกลัวว่ารถอัตโนมัติจะเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุร้ายแรงทำให้รถถุกออกแบบให้หยุดเสมอเมื่อเข้าสู่ภาวะไม่แน่นอน (มีคนยืนจ่อจะข้ามถนน, รถข้างหน้าจะแซง) เมื่อรถหยุดๆ ทุกจังหวะที่มีความเสี่ยงแบบนี้ทำให้การเดินทางโดยรวมกลบช้านลง แถมประสบการณ์ที่ได้ไม่ดีนัก
  3. การรองรับสภาวะที่อันตรายยิ่งกว่ารถจริงๆ ผู้ควบคุมรถเล่าให้ฟังว่าสิ่งที่เขาพบเสมอคือมีคนพยายามจะกระโดดตัดหน้ารถเพื่่อจะดูว่ามันหยุดจริงหรือไม่ แม้ว่าจะเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ การนำรถอันโนมัติมาใช้งานก็ควรต้องคิดถึงประเด็นนี้ ว่ามันจะสามารถจัดการกับรถคันอื่นที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างไร
Get latest news from Blognone

Comments

By: super_lw
ContributorAndroidUbuntuWindows
on 7 December 2017 - 10:03 #1022552
super_lw's picture

รถอาม่า


Educational Technician

By: GodPapa
iPhoneWindows PhoneAndroidBlackberry
on 7 December 2017 - 11:47 #1022598
GodPapa's picture

ผมยังสงสัยเหมือนเดิมว่า
lidar คันละแปดตัว ถ้ามีรถแบบนี้สามสิบคันวิ่งอยู่ที่ถนนเดียวกัน เท่ากับมี lidar 240 ตัว
แล้วมันจะสับสนคำนวนช้าลงไหม

By: lew
FounderJusci's WriterMEconomicsAndroid
on 7 December 2017 - 12:00 #1022602 Reply to:1022598
lew's picture

แล้วทำไมต้องไปคำนวณของคันอื่นล่ะครับ?


lewcpe.com, @wasonliw

By: icez
ContributoriPhoneAndroidRed Hat
on 7 December 2017 - 14:32 #1022628 Reply to:1022602

เข้าใจว่าหมายถึงสัญญาณมันจะกวนกันมั้ย อย่าง รถวิ่งสวนมา แล้วยิง lidar ใส่มาด้วยอะไรงี้น่ะครับ

By: Hoo
AndroidWindows
on 7 December 2017 - 19:22 #1022679 Reply to:1022598

เชื่อว่าเป็น 1 ในปัจจัยที่ Elon ไม่เลือก Lidar
แต่พยายามใช้แนวติดกล้องหลายๆตัว + sensor แบบอื่นร่วม

By: topty
Contributor
on 7 December 2017 - 14:22 #1022625

โดยต้องการไฟฟ้า 230 โวลต์แบบยุโรปเพื่อชาร์จไป

ชาร์จไป => ชาร์จไฟ

เขาควบคุมรถมาเป็นเวลาเกือบปีนะหว่างการทดลอง

นะหว่าง => ระหว่าง

เมื่อเจอคนข้ามถนนก็จะหยุดรถทันที และจอดค่อยข้างแรง

ค่อยข้าง => ค่อนข้าง

ทำให้รถถุกออกแบบให้หยุดเสมอเมื่อเข้าสู่ภาวะไม่แน่นอน

ถุก => ถูก

ทำให้การเดินทางโดยรวมกลบช้านลง

กลบช้าน => กลับช้า

มีคนพยายามจะกระโดดตัดหน้ารถเพื่่อจะดูว่ามันหยุดจริงหรือไม่

เพื่่อ => เพื่อ

การนำรถอันโนมัติมาใช้งานก็ควรต้องคิดถึงประเด็นนี้

อันโนมัติ => อัตโนมัติ

By: Niiskandar
ContributorAndroidWindows
on 7 December 2017 - 21:33 #1022700
Niiskandar's picture

Look Ma = รถลูกหมา
ผมอ่านทีแรกเป็นแบบนี้จริงๆนะ 555


ทดลองติดตั้ง 3 OS | Windows Ubuntu Android

By: adente
ContributorSUSESymbianWindows
on 8 December 2017 - 09:22 #1022736
adente's picture

ไอ้ที่โดดตัดหน้ารถแล้วดูว่ามันจะหยุดไหมนี้คุ้นๆนะ เหมือนพวกโดดใส่รถที่ขับมาช้าๆแล้วเรียกประกัน

By: OXYGEN2
ContributoriPhoneAndroidWindows
on 11 December 2017 - 00:16 #1023078
OXYGEN2's picture

คิดถึงมือถืออาม่าขึ้นมาเลยครับ


oxygen2.me, panithi's blog

Device: ThinkPad T480s, iPad Pro, iPhone 11 Pro Max, Pixel 6