Palantir บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งมีลูกค้ารายสำคัญเป็นหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ ประกาศย้ายหุ้นของบริษัทไปซื้อขายที่ตลาดหุ้นแนสแดค จากปัจจุบันซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก มีผลตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ โดยยังใช้ตัวย่อเดิมในการซื้อขาย PLTR
ราคาหุ้นของ Palantir ปรับเพิ่มขึ้น 11% หลังจากประกาศนี้ ทำให้มูลค่ากิจการบริษัททำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้งมากกว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ และราคาหุ้น Palantir ก็ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 45% นับตั้งแต่รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ทำสถิติสูงสุดเช่นกัน
Anthropic และ Palantir ประกาศความร่วมมือกับ AWS นำโมเดลปัญญาประดิษฐ์ Claude 3 และ 3.5 มาใช้ในงานด้านความมั่นคงของสหรัฐ โดยเป็นการเชื่อมต่อ Claude กับแพลตฟอร์ม AI ของ Palantir ที่ทำงานอยู่บน AWS
ความร่วมมือนี้เป็นการนำ AI มาใช้รองรับงานของหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประมวลผลและจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว วิเคราะห์หาข้อมูลเชิงลึก และค้นหาแนวโน้มต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที ซึ่งขั้นตอนนี้ยังคงควบคุมโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ Anthropic มีผู้ลงทุนรายสำคัญคือ Amazon จึงเป็นเหตุผลที่บริการนี้เลือกใช้ AWS นั่นเอง
Palantir Technologies บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2024 รายได้รวมเพิ่มขึ้น 30% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเป็น 726 ล้านดอลลาร์ เฉพาะในสหรัฐอเมริการายได้เพิ่มขึ้น 44% เป็น 499 ล้านดอลลาร์ มีกำไรสุทธิตามบัญชี GAAP 144 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นอัตรากำไร 20%
Alex Karp ซีอีโอ Palantir กล่าวว่าบริษัทยังคงทำลายสถิติต่อเนื่องอีกในไตรมาสนี้ เป็นผลจากความต้องการด้าน AI ที่ยังไม่มีแนวโน้มลดลงเลย
S&P Global ประกาศเพิ่มหุ้นบริษัทเทคโนโลยี 2 แห่ง ในดัชนี S&P 500 ของตลาดหุ้นสหรัฐ ได้แก่ Palantir Technologies บริษัทซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ และ Dell Technologies โดยมีหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่ถูกปรับออกด้วยจากการเปลี่ยนแปลงนี้คือ Etsy โดยไปอยู่ดัชนี S&P SmallCap 600 แทน ทั้งหมดมีผลตั้งแต่ 23 กันยายน เป็นต้นไป
Dell Technologies เคยอยู่ในดัชนี S&P 500 แต่ถูกถอดออกในปี 2013 หลังจากบริษัทซื้อหุ้นคืนทั้งหมดและออกจากตลาดหุ้น แล้วกลับมาอีกครั้งในปี 2018 ส่วน Palantir เข้าตลาดหุ้นในปี 2020
Palantir บริษัทซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ ที่มีลูกค้าเป็นหน่วยงานรัฐบาลด้านความมั่นคง ประกาศความร่วมมือกับไมโครซอฟท์ เพื่อนำเทคโนโลยี AI และการวิเคราะห์ข้อมูล มาให้บริการกับหน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐ
รายละเอียดของความร่วมมือบอกว่าไมโครซอฟท์จะนำเทคโนโลยีโมเดลภาษาขนาดใหญ่หรือ LLM ที่ให้บริการบน Azure OpenAI Service มาเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม AI ของ Palantir หรือ AIP ทั้งหมดทำงานบนคลาวด์ที่ให้บริการสำหรับลูกค้ารัฐบาลของไมโครซอฟท์
Palantir และไมโครซอฟท์ไม่ได้ลงรายละเอียดว่าเทคโนโลยีนี้จะนำมาใช้กับข้อมูลส่วนใด แต่บอกว่ามีส่วนความลับขั้นสุดยอด (Top Secret) รวมอยู่ด้วย
หนังสือพิมพ์ Japan Times อ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยตัวตนในรัฐบาลญี่ปุ่น ระบุว่ารัฐบาลกำลังสร้างระบบวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (big data) เพื่อการตัดสินใจนโยบายต่างๆ ทั้งด้านกลาโหม, ความมั่นคง, และการค้า โดยระบุว่าอยู่ระหว่างการเจรจากับ Palantir เพื่อสร้างระบบนี้
Palantir เป็นบริษัทซอฟต์แวร์ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 2003 และได้รับความนิยมสูงในหมู่หน่วยงานรัฐบาล โดย Palantir มีลูกค้าเดิมเป็นหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ และยุโรปจำนวนมาก รวมถึง CIA และกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รวมรายได้ภาครัฐคิดเป็น 2 ใน 3 ของรายได้รวม
ทางด้าน Koichi Narasaki ซีอีโอ Palantir ญี่ปุ่นไม่ได้แสดงความเห็นกับข่าวนี้โดยตรงแต่ระบุว่าบริษัทพร้อมช่วยแก้ปัญหาระดับชาติ
Alexandria Ocasio-Cortez (AOC) สส. หญิงไฟแรงร่วมกับ Jesús G. Garcia สส. อีกคนจากพรรคเดโมแครตยื่นเรื่องให้ SEC ตรวจสอบ Palantir บริษัทให้บริการซอฟต์แวร์ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ที่เน้นลูกค้าหน่วยงานรัฐ ที่เพิ่งยื่นเอกสารเตรียม IPO
การตรวจสอบที่ AOC เรียกร้องไม่ใช่แค่เรื่องการเงิน แต่เป็นเรื่องของความโปร่งใส ธรรมาภิบาลและคอนเนคชันของบริษัท เนื่องจาก Palantir (ถูกกล่าวหาว่า) ใช้เทคโนโลยีติดตามและวิเคราะห์ข้อมูล (surveillance and data analytics) ช่วยเหลือหลายหน่วยงานภาครัฐทั่วโลก เช่น CIA, รัฐบาลกาตาร์หรือกระทั่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งก็อาจถูกนำไปใช้ในปฏิบัติการณ์ที่ละเมิดมนุษยธรรมหรือผิดกฎหมาย
Palantir Technologies บริษัทซอฟต์แวร์ด้านวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อความมั่นคง ยื่นเอกสารเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ต่อ ก.ล.ต. สหรัฐอย่างเป็นทางการ หลังมีข้อมูลหลุดออกมาก่อนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
Palantir เป็นบริษัทที่ก่อตั้งโดย Peter Thiel นักลงทุนชื่อดังของซิลิคอนวัลเลย์ (เป็นนักลงทุนรายแรกๆ และปัจจุบันยังเป็นบอร์ดของ Facebook) แต่ด้วยแนวทางของบริษัทที่เต็มไปด้วยความลับ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐ อีกทั้งตัว Thiel เองก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับ Donald Trump จึงทำให้การเข้าตลาดหลักทรัพย์ของ Palantir ถูกจับตาอย่างมาก
Palantir บริษัทให้บริการซอฟต์แวร์ประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ที่เน้นลูกค้าหน่วยงานรัฐกำลังเตรียมเข้าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้โดยยื่นเอกสารงบดุลแบบเป็นความลับ แต่ล่าสุดทาง TechCrunch ได้เห็นหน้าจอเอกสารงบดุลทำให้ข้อมูลหลุดออกมาและพบว่าอัตราขาดทุนยังสูงมากอยู่
ในปี 2019 ทาง Palantir มีรายได้รวม 742 ล้านดอลลาร์ เติบโตกว่าปี 2018 อยู่ 25% แต่กลับขาดทุนถึง 580 ล้านดอลลาร์ ใกล้เคียงกับปี 2018 โดยมีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและการขายสูงถึง 450 ล้านดอลลาร์
สำหรับครึ่งแรกของปี 2020 บริษัททำรายได้ 481 ล้านดอลลาร์ เติบโตขึ้น 49% และมีโอกาสว่าจะทำรายได้เกิน 1,000 ล้านดอลลาร์ก่อนสิ้นปี
ทำเนียบขาวออกประกาศจะใช้เทคโนโลยีลดจำนวนผู้ต้องขังและทำลายวงจรการจำคุกครอบคลุม 67 เขตพื้นที่ในสหรัฐฯ โดยร่วมมือกับ Amazon และ Palantir ในการออกแบบเทคโนโลยี
โครงการนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Data-Driven Justice Initiative (DDJ) หลักๆจะเป็นการใช้เทคโนโลยีเชื่อมข้อมูลเข้าด้วยกันเพื่อแก้ปัญหานักโทษล้นคุกซึ่งในจำนวนนักโทษทั่วโลกอยู่ในสหรัฐฯถึง 25% มีไม่น้อยเป็นนักโทษความผิดลหุโทษ (ประเภทไม่ร้ายแรง) และไม่น้อยที่ต้องถูกจำคุกก่อนจะมีคำพิพากษาออกมา หรือเป็นกลุ่มที่มีปัญหาทางจิตใจ การเชื่อมข้อมูลจะเข้ามาประเมินและแยกแยะนักโทษเหล่านี้ให้ชัดเจนขึ้น ง่ายต่อการกำหนดว่ากลุ่มไหนควรใช้วิธีจำคุก (ซึ่งควรจะเป็นกลุ่มเสี่ยงมากจริงๆ)
โลกของซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีเริ่มหมุนไปรับมือกับสิ่งที่เรียกว่า big data กันมากขึ้น ทำให้บทบาทของ data scientist’ หรือคนที่ทำหน้าที่เอาข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลเพื่อที่จะสร้างการคำนวณและวาดแนวโน้มได้อย่างแม่นยำ กลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากขึ้นเช่นกัน
ในระยะหลังเราพบเห็นบรรดานักประมวลผลข้อมูลเหล่านี้เริ่มจัดตั้งบริษัท แสวงหาเงินทุน และนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือเครื่องมือที่เป็นไปในลักษณะโซลูชั่น หรือชุดของการบริการที่มุ่งจะตอบโจทย์ของบริษัทขนาดใหญ่ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านี้อย่างเต็มที่