ดัชนี Nasdaq-100 ที่คำนวณจากหุ้นบริษัทในตลาดแนสแดคสูงสุด 100 อันดับแรก ไม่รวมธุรกิจการเงิน ประกาศการเปลี่ยนแปลงหลักทรัพย์ในดัชนีประจำปี เพิ่ม 3 บริษัท ได้แก่ Palantir Technologies (PLTR) บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ข้อมูลขนาดใหญ่, MicroStrategy Incorporated (MSTR) บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์องค์กร ที่มีชื่อเสียงด้านการลงทุนบิตคอยน์ และ Axon Enterprise (AXON) บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีและอาวุธสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ
บริษัทที่ถูกนำออกจากดัชนีมี 3 บริษัทเท่ากันได้แก่ Illumina, Moderna และ Super Micro Computer
ผลจากการเข้าสู่ดัชนี Nasdaq-100 ทำให้กองทุน ETF ที่ลงทุนเลียนแบบดัชนี ซึ่งรวมทั้งกองทุนยอดนิยม QQQ ต้องซื้อหุ้นบริษัทเหล่านี้เพิ่มเข้ามาในพอร์ตโฟลิการลงทุนด้วย
หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังคงมาแรง โดยเมื่อคืนนี้มีสถิติใหม่หลายอย่าง ทั้งดัชนีหุ้น Nasdaq ที่สูงกว่า 20,000 จุดเป็นครั้งแรก จากราคาหุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่ปรับเพิ่มขึ้น
ราคาของหุ้น 7 นางฟ้า หรือ Magnificent Seven ที่นักลงทุนเรียกรวมบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ 7 แห่ง ต่างปรับเพิ่มสูงและทำสถิติใหม่สูงสุดหลายบริษัท โดย Alphabet บริษัทแม่ของกูเกิล ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นเป็น 195.40 ดอลลาร์ ทำสถิติใหม่สูงสุด เช่นเดียวกับ Tesla ที่ 424.77 ดอลลาร์ รวมทั้ง Amazon, Apple และ Meta ราคาหุ้นเมื่อคืนนี้ต่างทำสถิติสูงสุดเช่นกัน ส่วน Microsoft และ NVIDIA แม้ราคาหุ้นปรับขึ้น แต่ยังต่ำกว่าราคาสูงสุดเล็กน้อย
Palantir บริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์วิเคราะห์ข้อมูล ซึ่งมีลูกค้ารายสำคัญเป็นหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ ประกาศย้ายหุ้นของบริษัทไปซื้อขายที่ตลาดหุ้นแนสแดค จากปัจจุบันซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก มีผลตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายนนี้ โดยยังใช้ตัวย่อเดิมในการซื้อขาย PLTR
ราคาหุ้นของ Palantir ปรับเพิ่มขึ้น 11% หลังจากประกาศนี้ ทำให้มูลค่ากิจการบริษัททำสถิติใหม่สูงสุดอีกครั้งมากกว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์ และราคาหุ้น Palantir ก็ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 45% นับตั้งแต่รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ทำสถิติสูงสุดเช่นกัน
Tempus AI บริษัทพัฒนาเครื่องมืออ่านข้อมูลผลการตรวจสุขภาพด้วย AI เพื่อช่วยให้แพทย์ทำการรักษาได้ตรงจุดมากขึ้น นำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นแนสแดคเมื่อคืนนี้วันแรกด้วยตัวย่อ TEM โดยราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นจากราคาไอพีโอ 9% มีมูลค่ากิจการประมาณ 6,650 ล้านดอลลาร์ และบริษัทได้เงินเพิ่มทุนไป 410 ล้านดอลลาร์
Tempus AI มีผลประกอบการในปี 2023 รายได้รวม 531.8 ล้านดอลลาร์ แต่ขาดทุนสุทธิ 214.1 ล้านดอลลาร์ โดยซีอีโอ Eric Lefkofsky บอกว่าด้วยอัตราการเติบโตของบริษัทที่สูงมาต่อเนื่อง ขณะเดียวก็ปรับปรุงอัตรากำไรมาตลอด จึงคาดว่ากระแสเงินสดและ EBITDA จะเป็นบวกภายในปีหน้า
Arm ประกาศราคาหุ้นไอพีโอสุดท้าย ซึ่งจะเสนอขายในอเมริกาเป็นหุ้น American Depositary Shares หรือ ADS จำนวน 95.5 ล้านหุ้น ที่ราคา 51.00 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในช่วงราคาที่เสนอก่อนหน้านี้
หุ้นของ Arm จะเริ่มซื้อขายในตลาดแนสเดควันที่ 14 กันยายน หรือตรงกับคืนวันนี้ตามเวลาในไทย ตัวย่อในการซื้อขายคือ ARM
ที่ราคาไอพีโอ 51 ดอลลาร์นี้ ทำให้มูลค่ากิจการของ Arm ตามราคาหุ้นอยู่ที่ 5.45 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยหุ้นส่วนใหญ่ประมาณ 90% ยังคงถือโดย SoftBank
Arm บริษัทออกแบบชิปที่ตอนนี้มี SoftBank เป็นเจ้าของ ยื่นเอกสารไฟลิ่ง เพื่อนำหุ้นซื้อขายในตลาดแนสแดคแล้ว โดยจะใช้ตัวย่อในการซื้อขาย ARM
SoftBank เคยขาย Arm ให้กับ NVIDIA ด้วยมูลค่าราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ดีลดังกล่าวถูกหน่วยงานกำกับดูแลคัดค้าน ทำให้ดีลถูกยกเลิก SoftBank จึงนำ Arm มาเข้าตลาดหุ้นแทนนั่นเอง
Nasdaq ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงิน ประกาศซื้อกิจการ Adenza ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ด้านการเงิน โดยเป็นการซื้อกิจการจากบริษัทการลงทุน Thoma Bravo ด้วยมูลค่าดีล 10,500 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็นเงินสด 5.75 พันล้านดอลลาร์ และหุ้นสามัญของ Nasdaq 85.6 ล้านหุ้น
Tal Cohen ประธานส่วนธุรกิจแพลตฟอร์มซื้อขายของ Nasdaq กล่าวว่า Adenza จะเข้ามาเติมเต็มบริการซอฟต์แวร์และเทคโนโลยีสำหรับลูกค้า ซึ่งช่วยบริหารจัดการความเสี่ยงและปฏิบัติตามกฎกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Adenza เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ทางการเงิน ซึ่งมีลูกค้าทั้งธนาคารและผู้ให้บริการในธุรกิจการเงินมากกว่า 60,000 รายทั่วโลก บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ในปี 2023 นี้ ประมาณ 590 ล้านดอลลาร์ มีอัตรากำไรแบบ EBITDA ที่ประมาณ 58%
ยังอยู่ที่ข่าว Facebook เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์ว่าบริษัทต้องการไปไกลกว่าการเป็นโซเชียลมีเดีย มุ่งสู่โลกเสมือนหรือ Metaverse โดยตัวย่อในการซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แนสแดค จะเปลี่ยนจาก FB เป็น MVRS มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2021 เป็นต้นไป ส่วนโครงสร้างการเงินยังคงเหมือนเดิม
กรณีนี้อาจเทียบได้ว่าคล้ายกับกรณีของกูเกิล ที่ปรับโครงสร้างบริษัทโดยตั้งโฮลดิ้ง Alphabet ขึ้นมา และให้กูเกิลเป็นบริษัทย่อยในนั้น แต่ตัวย่อหุ้นของกูเกิลยังใช้ GOOG เหมือนเดิม และจำนวนหุ้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง
HotPlay สตาร์ทอัพจากไทย ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโฆษณาผ่านเกม ประกาศรวมกิจการกับ Monaker Group Inc. และนำบริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดหุ้น Nasdaq ภายใต้ชื่อใหม่ NextPlay Technologies โดยมีตัวย่อในการซื้อขาย NXTP
จุดเด่นของ NextPlay คือเทคโนโลยีด้านโฆษณา (AdTech) ที่เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มรูปแบบต่าง ๆ ทั้งทีวีดิจิทัล แพลตฟอร์มการท่องเที่ยว เกม ฟินเทค จนถึงคริปโตเคอเรนซี่ และมีซีอีโอคือคุณนิธินันท์ บุญวัฒนพิศุทธิ์
คุณนิธินันท์กล่าวว่า การควบรวมกิจการในครั้งนี้ทำให้เกิดการร่วมมือทางยุทธศาสตร์ เพื่อเชื่อมต่อแพลตฟอร์มต่าง ๆ ด้านสื่อบันเทิงและฟินเทคเข้าด้วยกัน และจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่สำคัญในอุตสาหกรรม
ที่มา: ข่าวประชาสัมพันธ์
Nasdaq ได้แจ้งลูกค้าที่ใช้บริการระบบแสดงข้อมูลราคาหุ้น ว่าบริษัทจะหยุดแสดงข้อมูลราคาเรียลไทม์ของหุ้นบริษัท Berkshire Hathaway คลาส A ชั่วคราว เพื่ออัพเกรดระบบซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้
Berkshire Hathaway เป็นบริษัทด้านการลงทุนของมหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดัง Warren Buffett ซึ่งปัญหาในเรื่องนี้มาจากราคาหุ้นคลาส A ของ Berkshire ที่ราคา ณ ตอนนี้อยู่ที่ราว 424,000 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่ระบบแสดงราคาหุ้นของ Nasdaq ใช้ตัวเลข 32 บิต แบบ unsigned integer กำหนดทศนิยมไว้ 4 ตำแหน่ง จึงแสดงค่าได้สูงสุดที่ 429,496.7295 ดอลลาร์ (232-1)
ทั้งนี้หุ้นของ Berkshire Hathaway ทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) ซึ่งไม่มีปัญหาการแสดงผลราคานี้
BlueCity Holdings บริษัทผู้พัฒนาแอปหาคู่สำหรับเกย์ที่ดังในจีน หรือ Blued เตรียมเข้า IPO ในตลาดหุ้น Nasdaq ตั้งเป้าระดมทุนได้ 50 ล้านดอลลาร์ โดยทางบริษัทยื่นเอกสารต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
เรื่องมีอยู่ว่าบริษัท Long Island Iced Tea ซึ่งผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มประเภทชาในอเมริกา ที่มีผลประกอบการขาดทุน ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ว่าจะทำการเปลี่ยนชื่อบริษัท จาก Long Island Iced Tea Corp. มาเป็น Long Blockchain Corp. เพื่อเริ่มเข้าสู่การลงทุนในเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสใหม่ทางธุรกิจ
Long Blockchain ระบุในแถลงการณ์ว่าโครงการเหล่านี้ยังเป็นการศึกษาเบื้องต้น และยังไม่ได้ร่วมลงทุนกับบริษัทใดๆ แต่เพียงแค่นี้ก็เป็นข่าวดีมากพอแล้ว เพราะราคาหุ้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นทันทีถึงสูงสุดถึง 500% และสุดท้ายปิดการซื้อขายราคาหุ้นก็ยังมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 183% ภายในวันเดียว ทำให้บริษัทมีมูลค่ากิจการ 23.8 ล้านดอลลาร์
Nasdaq ประกาศว่าทดลองระบบขายหลักทรัพย์ (หุ้น) บริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง โดยใช้เทคโนโลยี blockchain สำเร็จเรียบร้อยแล้ว
การขายหุ้นดังกล่าวผ่านทางบริษัท Chain ที่ทาง Nasdaq ไปร่วมลงทุนไว้ กระบวนการใช้เทคโนโลยี Linq ซึ่งนำ blockchain เป็นต้นแบบ ตอนนี้ยังมีธุรกรรมเพียงแค่รายการเดียว และไม่ได้เปิดเผยมูลค่าของธุรกรรมครั้งนี้
เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นทั่วโลกตกลงอย่างมาก เนื่องด้วยปัจจัยหลายอย่าง ที่สำคัญคือความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน จนสื่อหรือนักลงทุนหลายรายขนานนามว่า "Black Monday"
ส่วนของหุ้นบริษัทไอทีรายใหญ่ในสหรัฐก็ติดตัวแดงกันถ้วนหน้า โดยราคาตกอย่างหนักในช่วงเช้าตามเวลาสหรัฐ และดีดตัวกลับมาได้บางส่วนช่วงก่อนตลาดปิด หุ้นที่ตกหนักที่สุดคือ Netflix ราคาหายไป 6.81% ตามด้วย Facebook ตก 4.6% ส่วนดัชนีรวม Nasdaq Composite Index ลดลงไป 3.8%
ช่วงนี้ก็ขอเอาใจช่วยนักลงทุนทุกท่านนะครับ
ที่มา - Barrons, ราคาหุ้นจาก Yahoo Finance
จากข่าว Steve Ballmer ประกาศลงจากตำแหน่งซีอีโอของไมโครซอฟท์เมื่อสองวันก่อน หลังจากทำหน้าที่บริหารบริษัทผลิตซอฟท์แวร์รายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของโลกมากว่า 10 ปี ทั้งนี้ความเห็นของคนที่สนใจข่าวด้าน IT แสดงความพอใจกันเป็นจำนวนมาก เมื่อลองมาดูความเห็นของนักลงทุนกันบ้าง ดูท่านักลงทุนก็เห็นไม่ต่างกัน ผลจากข่าวนี้เป็นผลให้ราคาหุ้นของไมโครซอฟท์พุ่งสูงขึ้นถึง 7 เปอร์เซนต์ และเนื่องจากไมโครซอฟท์เป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่เป็นอันดับสองในตลาดแนสแด็ก (ตลาดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา) จึงทำให้ดัชนีแนสแด็กเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2556 ปรับเพิ่ม 19.08 จุด หรือ 0.52 เปอร์เซนต์ และทำให้ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 46.77 จุด หรือ 0.31 เปอร์เซนต์
หลังจากวันที่ 21 พฤษภาคม 2555 หุ้น Facebook ปิดที่ 34.03 ดอลลาร์ ลดลงถึง 11 เปอร์เซนต์ แค่เพียง 2 วันหลังจาก IPO ราคาก็ต่ำกว่าราคา IPO ที่ 38 ดอลลาร์ซะแล้ว ส่งผลทำให้ Mark Zuckerberg จนลง 2.1 พันล้านดอลลาร์ ส่วน ผู้ถือหุ้นรายอื่นก็จนลงไปตามๆ กันไม่ว่าจะเป็น
ส่วนใครมีเงินเหลือไม่ต้องเสียใจที่ไม่ได้หุ้นตอน IPO ตอนนี้ซื้อได้ในราคาต่ำกว่า IPO ซะอีก
ที่มา Bloomberg
และแล้ว การขายหุ้น IPO ครั้งประวัติศาสตร์ก็เริ่มขึ้น โดย Mark Zuckerberg ทำพิธี "เคาะระฆัง" เปิดตลาดหุ้นตามธรรมเนียมปฏิบัติของหุ้นใหม่ที่เข้าตลาด NASDAQ ในวันนั้น
เพียงแต่กรณีของ Facebook จะต่างไปจากปกติที่ผู้ก่อตั้งหรือซีอีโอต้องเดินทางไปเคาะระฆังที่ห้องค้าหุ้นของ NASDAQ อยู่บ้าง เพราะวิศวกรของ Facebook ทำระบบเชื่อมต่อทางไกล ให้ Mark Zuckerberg สามารถกดปุ่มหน้าสำนักงานใหญ่ของ Facebook ในเมือง Menlo Park ใกล้ San Francisco ข้ามทวีปอเมริกาไปยังห้องค้าหุ้นของ NASDAQ ในนิวยอร์กได้ (เบื้องหลังการออกแบบระบบอ่านได้จาก TechCrunch)
นอกจากนี้ ระบบกดปุ่มของ Facebook ยังโพสต์สถานะบน Timeline ของ Zuckerberg ว่าเขานำบริษัทเข้าตลาดหุ้น (listed company) เรียบร้อยแล้ว ถือเป็นการโฆษณาระบบ Timeline ไปในตัว
เว็บไซต์ของ Nasdaq และเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ BATS Inc. ถูกโจมตีอีกครั้งโดยแฮกเกอร์โดยผ่านทางการโจมตีแบบ DDoS เป็นระลอกใหญ่ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถใช้การได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง
ภายหลังการโจมตี L0NGwave99 แฮกเกอร์รายหนึ่งได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบ และสรุปผลการโจมตีว่าประสบความสำเร็จด้วยดี ภายใต้การสนับสนุนของกลุ่มของเขา ผ่านทาง pastebin
ทางโฆษกของ Nasdaq ได้ออกมาให้การยืนยันถึงการโจมตีนี้พร้อมกล่าวว่า การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่การบุกรุกเพื่อการเข้าถึงข้อมูล และไม่มีข้อมูลใดถูกจารกรรมออกไป เพียงแค่เป็นการปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์จากผู้ใช้งาน และไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นของ Nasdaq แต่อย่างใด
บริษัท Nasdaq OMX Group ประกาศการลดน้ำหนักของหุ้นแอปเปิล (APPL) ในดัชนี Nasdaq-100 ลงเนื่องจากราคาหุ้นของแอปเปิลไม่สอดคล้องกับสภาพตลาดรวมอีกต่อไป โดยทุกวันนี้หุ้น APPL มีสัดส่วนใน Nasdaq-100 ถึง 20% เมื่อปรับการถ่วงน้ำหนักใหม่แล้วจะเหลือ 12%
การปรับค่าการถ่วงน้ำหนักนี้จะอาศัยราคาหุ้นในวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้บริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีอื่นๆ ได้รับค่าถ่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้นเช่น อินเทล, ซิสโก้, ออราเคิล, และเดลล์ ส่วนบริษัทอื่นๆ ที่ถูกลดน้ำหนักเช่น Starbucks และ Intuit
ตลาดหุ้น NASDAQ ซึ่งเป็นตลาดหุ้นใหญ่อันดับสองของสหรัฐ (รองจากตลาดนิวยอร์กหรือ NYSE) โดนดีเข้าเสียแล้ว
มีรายงานว่าแฮ็กเกอร์ได้เจาะระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท NASDAQ OMX Group ซึ่งให้บริการกับองค์กร NASDAQ อีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ระบบค้าหุ้นยังไม่ถูกเจาะเข้าไปได้ และยังไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ จาก NASDAQ OMX Group
ตามข่าวบอกว่าแฮ็กเกอร์รายนี้เข้าระบบได้แต่ไม่ได้ล้วงข้อมูลหรือทำลายระบบแต่อย่างใด และระบบของ NASDAQ OMX ถูกเจาะเข้าไปหลายครั้งในปี 2010 ที่ผ่านมา ส่วนแรงจูงใจก็ยังไม่ชัดว่าเป็นอะไร
NASDAQ ตลาดหุ้นสำหรับบริษัทสายเทคโนโลยีของสหรัฐ ได้ประกาศทำ "ดัชนีราคาหุ้นสมาร์ทโฟน" (Smartphone Index) โดยจะนำบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟนจำนวน 84 บริษัท (ในเบื้องต้น) มาคำนวณหาค่าดัชนีกลาง เพื่อใช้สะท้อนว่าอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนในภาพรวม เติบโตแค่ไหนอย่างไร
งานนี้ NASDAQ ร่วมมือกับ Consumer Electronics Association (CEA) แน่นอนว่าในดัชนีนี้ บริษัทดังๆ อย่างกูเกิลหรือแอปเปิลนั้นอยู่กันครบ ดัชนีนี้ใช้ตัวย่อว่า QFON สนใจติดตามดูได้ที่เว็บของ NASDAQ