เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Anthropic เปิดบริการ Claude Code เป็นบริการแบบ Agentic ที่อ่านโค้ด, แก้ไขไฟล์, และสั่งคำสั่งต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง แต่ก็เริ่มมีรายงานว่าผู้ใช้เชื่อใจบริการนี้จนปล่อยให้มันรันคำสั่งอันตราย
ผู้ใช้ชื่อว่า BumbleTree รายงานว่า Claude Code สั่งเปลี่ยนสิทธิ์ในโฟลเดอร์ /usr
ส่งผลให้เครื่องบูตไม่ขึ้น และการซ่อมให้เครื่องกลับมาใช้งานได้น่าจะยุ่งยากมาก
ทาง Anthropic เตือนผู้ใช้แต่แรกว่าควรระวังการใช้งาน โดยไม่ควรติดตั้ง Claude Code แบบ global หรือใช้สิทธิ์ root ในการรัน พร้อมกับเตือนว่าบริการนี้เป็นโครงการทดลอง
เมื่อปีที่แล้วหลังศาลรัฐบาลกลางสหรัฐตัดสินคดีกูเกิลผูกขาดบริการระบบค้นหา (Search Engine) ว่ามีการผูกขาดจริง ทำให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐยื่นเรื่องให้ศาลมีคำสั่งแยก Chrome ออกมาจาก Google เป็นอีกบริษัท โดยตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในยุคประธานาธิบดี Joe Biden จึงเกิดประเด็นว่าทิศทางจะเปลี่ยนหรือไม่ในยุค Donald Trump
ล่าสุดกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ปรับปรุงข้อเสนอต่อศาลรัฐบาลกลางเรื่องนี้ แต่ยกเลิกเฉพาะส่วนที่ระบุว่า Google และ Alphabet บริษัทแม่ ต้องขายเงินลงทุนในบริษัท AI คู่แข่งอื่น เช่น Anthropic โดยมองว่าเป็นแนวทางหนึ่งในการส่งเสริมการผูกขาดบริการค้นหาข้อมูล ส่วนประเด็นที่ต้องแยก Chrome ออกมาเป็นอีกบริษัทนั้นยังอยู่ในข้อเสนอต่อไป
Anthropic บริษัทปัญญาประดิษฐ์ผู้พัฒนาโมเดล Claude ประกาศรับเงินลงทุนซีรีส์ E รวม 3.5 พันล้านดอลลาร์ ที่มูลค่ากิจการ 6.15 หมื่นล้านดอลลาร์ นำโดย Lightspeed Venture รวมกับกลุ่มนักลงทุนได้แก่ Bessemer Venture, Cisco, D1 Capital, Fidelity, General Catalyst, Jane Street, Menlo Ventures และ Salesforce รวมทั้งนักลงทุนเดิมก็ร่วมลงทุนในรอบนี้ด้วย
ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มทุนรอบใหม่ของ Anthropic ที่มูลค่ากิจการประมาณ 6 หมื่นล้านดอลลาร์
Anthropic บอกว่าเงินลงทุนรอบใหม่นี้ จะนำมาใช้พัฒนา AI รุ่นถัดไป, เพิ่มกำลังการประมวลผล และลงทุนด้านงานวิจัยที่มากขึ้น รวมถึงทำการตลาดในต่างประเทศให้มากขึ้นด้วย
นอกจากเปิดตัวโมเดลรุ่นใหม่ Claude 3.7 Sonnet แล้ว Anthropic ก็เปิดตัวเครื่องมือผู้ช่วยอัจฉริยะ AI Agent เรียกชื่อว่า Claude Code โดยตอนนี้มีสถานะงานวิจัยพรีวิวแบบจำกัดการใช้งาน แต่ Anthropic จะปรับปรุงเครื่องมือนี้อย่างต่อเนื่อง
Claude Code ทำงานตามชื่อเป็นเครื่องมือผู้ช่วย Agent ช่วยงานเขียนโค้ด มีความสามารถทั้งค้นหา อ่านโค้ด แก้ไขไฟล์ เขียน รันทดสอบ คอมมิต และพุชโค้ดไป GitHub ได้ การทำงานแสดงผลเป็น Command Line ทำให้ผู้ใช้งานเห็นทุกขั้นตอน Anthropic บอกว่าการทดสอบเบื้องต้น บางงานที่ปกติใช้เวลา 45 นาทีขึ้นไปแบบแมนนวล สามารถลดเวลาลงได้ในคำสั่งเดียว
Anthropic เปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์รุ่นล่าสุด Claude 3.7 Sonnet บอกว่าเป็นโมเดลไฮบริดที่คิดแบบเป็นขั้นตอนแบบไฮบริดตัวแรกในอุตสาหกรรม สามารถตอบคำถามแบบทันที หรือเพิ่มเวลาให้ค่อย ๆ แสดงการคิดเป็นลำดับขั้นกับผู้ใช้งาน นอกจากนี้นักพัฒนาที่เชื่อมต่อ API ยังสามารถกำหนดให้โมเดลเพิ่มเวลาคิดได้นานเท่าใดก็ได้ที่ต้องการ (หรือเท่าจำนวนโทเค็นที่จ่ายไหว)
พัฒนาการที่สำคัญของ Claude 3.7 Sonnet นั้น Anthropic บอกว่าเป็นการเขียนโค้ดที่ดีขึ้นมาก รวมทั้งการเขียนโค้ดเว็บ front-end
Jan Leike นักวิจัยของ Anthropic อัพเดตข้อมูลเรื่อง ระบบป้องกัน jailbreak โมเดลที่ Anthropic ท้าให้ลองเจาะดู ว่ามีสถิติดังนี้
มีรายงานว่า Anthropic จะเปิดตัวโมเดลปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ในสัปดาห์หน้า โดยโมเดลนี้จะทำงานแบบไฮบริด นั่นคือสามารถสลับโหมดระหว่างการถามมาตอบไปอย่างรวดเร็ว และการค่อย ๆ คิดเชิงลึก โดยเปิดให้นักพัฒนาสามารถปรับระดับความเร็วช้าในการคิดคำตอบได้ เพราะมีต้นทุนการประมวลผลที่ต่างกัน
ถึงแม้โมเดลนี้จะยังไม่เปิดตัวออกมา แต่รายงานบอกว่าผลการทดสอบเบื้องต้นทำคะแนนได้สูงกว่า o3-mini-high ซึ่งเป็นโมเดล AI คิดเป็นขั้นตอนของ OpenAI
ก่อนหน้านี้ Dario Amodei ซีอีโอ Anthropic บอกว่าบริษัทมีแนวทางพัฒนาโมเดล AI ที่คิดเป็นขั้นตอนให้มีการทำงานดีกว่าในรูปแบบที่แตกต่างออกไป เพราะการทำงานของโมเดลประเภทนี้มีลักษณะเฉพาะตัว
Dario Amodei ซีอีโอของ Anthropic บอกในรายการพอดแคสต์ ChinaTalk ของ Jordan Schneider ว่า จากการทดสอบความปลอดภัยที่ดำเนินการโดย Anthropic พบประสิทธิภาพของ DeepSeek นั้นแย่ที่สุดในบรรดาทุกโมเดลที่เคยทดสอบมา
Amodei ไม่ได้ชี้แจงว่าทดสอบโมเดล DeepSeek รุ่นไหน และไม่ได้ให้รายละเอียดทางเทคนิคเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทดสอบครั้งนี้ เขาระบุแค่ว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของการประเมินที่ Anthropic ใช้งานโมเดล AI ต่าง ๆ เพื่อประเมินความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนั้น การประเมินมีขี้นเพื่อดูว่าโมเดลสามารถสร้างข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอาวุธชีวภาพที่หาตาม Google หรือในหนังสือเรียนไม่ได้ง่าย ๆ หรือไม่
Anthropic เปิดตัวระบบป้องกันการเจาะ (jailbreak) โมเดลปัญญาประดิษฐ์แบบใหม่ชื่อว่า Constitutional Classifiers
โมเดลภาษาขนาดใหญ่มีระบบ safety ป้องกันการนำโมเดลไปใช้สร้างเนื้อหาอันตราย แต่มนุษย์ก็สามารถใช้ช่องโหว่บางอย่าง เช่น พรอมต์ขนาดยาวมากๆ หรือ การเขียนอินพุตที่ต่างไปจากข้อความที่พบเจอทั่วไป (ตัวอย่าง uSiNg uNuSuAl cApItALiZaTiOn) มาเจาะระบบป้องกันของโมเดล เพื่อหลอกล่อให้ได้คำตอบแบบที่ต้องการ
เนื่องจากช่องโหว่ของโมเดลมีหลายรูปแบบมาก วิธีการป้องกันย่อมแตกต่างกันไป ทำให้ Anthropic พัฒนากลไกแบบใหม่ที่ป้องกันการเจาะโมเดลได้ทุกแบบ (universal jailbreak)
Anthropic เปิดตัวความสามารถใหม่สำหรับ API ของนักพัฒนาเรียกชื่อว่า Citations เพื่อให้คำตอบที่ได้ สามารถตรวจสอบย้อนกลับไปต้นทางได้ว่ามีที่มาอย่างไร เพิ่มความน่าเชื่อถือและลดความผิดเพี้ยน
ในการใช้งาน Citations ผู้ใช้งานจะอัปโหลดเอกสารอ้างอิง จากนั้นโมเดล Claude จะแยกประโยคเป็นส่วน ๆ เพื่อให้ถูกลิงก์กลับมาเมื่อมีการให้คำตอบในประเด็นนั้น ผลการทดสอบภายในของ Anthropic พบว่าการอ้างอิงทำให้คำตอบมีความแม่นยำมากขึ้น 15%
Dario Amodei ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Anthropic ไปขึ้นเวทีของ Wall Street Journal ที่งาน World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เขาพยากรณ์ว่าปี 2027 น่าจะเป็นปีที่ AI ทำงานได้เหนือกว่ามนุษย์ในแทบทุกด้าน ในขั้นถัดไปจะทำงานได้เหนือกว่ามนุษย์ทุกคน (all humans) ในเกือบทุกด้าน (almost everything) ขั้นสุดท้ายจะทำงานได้เหนือกว่าในทุกๆ ด้าน (everything)
Amodei บอกว่าในจุดนั้นจะมีคำถามตามมามากมาย ว่าเศรษฐกิจในยุคนั้นจะเป็นอย่างไร ความหมายของการเป็นมนุษย์คืออะไร เพราะมนุษย์ไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดที่สุดในโลกอีกต่อไปแล้ว
มีรายงานจาก FT ว่ากูเกิลได้ตกลงที่จะลงทุนใน Anthropic เพิ่มอีกมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ จากตัวเลขที่ตกลงว่าจะลงทุนใน Anthropic ก่อนหน้านี้ที่ 2 พันล้านดอลลาร์
เมื่อต้นเดือนมีข่าวว่า Anthropic กำลังเจรจากับนักลงทุนเพื่อเพิ่มทุนรอบใหม่ 2 พันล้านดอลลาร์ นำโดยบริษัทการลงทุน Lightspeed Venture Partners ซึ่ง FT บอกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ของกูเกิลเป็นเงินอีกส่วนไม่เกี่ยวกับรอบลงทุนของ Lightspeed
The Wall Street Journal อ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องบอกว่า Anthropic กำลังเจรจาเพื่อรับเงินจากนักลงทุนรวม 2 พันล้านดอลลาร์ ที่มูลค่ากิจการ 60,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีผู้ลงทุนหลักคือ Lightspeed Venture Partners
มูลค่ากิจการที่รายงานเมื่อปีที่แล้วของ Anthropic อยู่ที่ 18,400 ล้านดอลลาร์ เท่ากับว่าการเพิ่มทุนรอบนี้ทำให้ Anthropic มีมูลค่ากิจการเพิ่มเป็นกว่า 3 เท่า โดยมี Amazon เป็นผู้ลงทุนรายสำคัญ
หากดีลนี้สำเร็จจะทำให้ Anthropic เป็นสตาร์ทอัปของอเมริกาที่มีมูลค่ากิจการสูงสุดเป็นอันดับที่ 5 รองจาก SpaceX, OpenAI, Stripe และ Databricks
Anthropic เปิดเผยว่าโมเดล AI Claude จะหยุดให้ข้อมูลเนื้อเพลง ที่มีลิขสิทธิ์ของค่ายเพลง หรือสร้างเนื้อเพลงใหม่ที่อิงจากเพลงที่มีลิขสิทธิ์ หลังจากสามค่ายเพลงใหญ่ฟ้อง Anthropic ที่นำเนื้อเพลงลิขสิทธิ์ไปเทรน AI อย่างไรก็ตามคดีความที่ยังฟ้องร้องกันนั้นยังคงดำเนินต่อไป
ในแถลงการณ์ Anthropic บอกว่าบริษัทไม่ได้สร้าง Claude ให้ละเมิดลิขสิทธิ์ ในการพัฒนามีขั้นตอนหลายอย่างเพื่อป้องกันอยู่แล้ว การตัดสินใจหยุดให้ข้อมูลนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องเนื้อหาที่อาจละเมิดลิขสิทธิ์
TechCrunch อ้างข้อมูลจากพนักงานสัญญาจ้างที่ทำงานให้โครงการปรับปรุงความสามารถปัญญาประดิษฐ์ Gemini ของกูเกิล บอกว่ากูเกิลใช้ผลลัพธ์ที่ได้จากโมเดล Claude ของ Anthropic ในการเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ของ Gemini
หน้าที่ของพนักงานกลุ่มนี้คือการให้คะแนนความแม่นยำของผลลัพธ์ของ AI ในด้านต่าง ๆ เช่น การให้ข้อมูลแม่นยำ หรือการตอบให้เข้าประเด็น รวมทั้งให้ความเห็นสำคัญว่าคำตอบระหว่าง Gemini AI กับ "โมเดล AI ที่ไม่ระบุ" ใครดีกว่ากัน
ถึงแม้ในการทดสอบกูเกิลจะไม่ได้บอกว่าโมเดลอื่นที่ว่าเป็นโมเดล AI อะไร แต่พนักงานบางคนพบว่าคำตอบบางครั้งก็เริ่มว่า "I am Claude, created by Anthropic." จึงทราบว่ากูเกิลใช้ Claude ในการเปรียบเทียบ
ทีมวิจัยของ Anthropic ผู้สร้างปํญญาประดิษฐ์ Claude รายงานถึงงานวิจัยสาธิตความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ LLM ที่สามารถ "ซ่อนความต้องการภายใน" เอาไว้ และเก็บพฤติกรรมของตัวเองเอาไว้แม้จะถูกฝึกให้เปลี่ยนพฤติกรรมโดยผู้พัฒนาก็ตาม
Anthropic บริษัทคู่แข่งสำคัญของ OpenAI เปิดตัว Model Context Protocol (MCP) โปรโตคอลมาตรฐานสำหรับการดึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ ให้ปัญญาประดิษฐ์แบบ LLM นำไปใช้ตอบคำถาม ไม่ว่าจะเป็นแชตในองค์กร, ซอร์สโค้ด, ฐานข้อมูลต่างๆ, หรือไฟล์สตอเรจ
ทุกวันนี้กระบวนการเชื่อมต่อข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เข้าหน้าจอแชตใช้แนวทางต่างๆ กันไป ทำให้ต้องอิมพลีเมนต์แอปพลิเคชั่นเฉพาะ หรือเขียนฟังก์ชั่นครอบให้ LLM ไปใช้งานเพื่อดึงข้อมูลมาตอบคำถาม MCP หวังว่าจะทำให้การเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลต่างๆ เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้เราสามารถเพิ่มแหล่งข้อมูลใหม่ๆ ได้ทันที
Anthropic ประกาศรับเงินลงทุนจาก Amazon เพิ่มอีก 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อขยายความร่วมมือด้านต่าง ๆ รวมทั้งการใช้ AWS เป็นคลาวด์หลักสำหรับการเทรนโมเดล AI
Amazon ลงทุนใน Anthropic รวมแล้ว 8 พันล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Amazon ยังมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นรายเล็กใน Anthropic และไม่มีตำแหน่งในบอร์ดบริษัท
Anthropic บอกว่าบริษัทได้ร่วมมือกับ Annapurna Labs ของ AWS ในการพัฒนาชิปเร่งการประมวลผล Trainium สำหรับงาน Ai ด้วย
Anthropic และ Palantir ประกาศความร่วมมือกับ AWS นำโมเดลปัญญาประดิษฐ์ Claude 3 และ 3.5 มาใช้ในงานด้านความมั่นคงของสหรัฐ โดยเป็นการเชื่อมต่อ Claude กับแพลตฟอร์ม AI ของ Palantir ที่ทำงานอยู่บน AWS
ความร่วมมือนี้เป็นการนำ AI มาใช้รองรับงานของหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประมวลผลและจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว วิเคราะห์หาข้อมูลเชิงลึก และค้นหาแนวโน้มต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที ซึ่งขั้นตอนนี้ยังคงควบคุมโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ Anthropic มีผู้ลงทุนรายสำคัญคือ Amazon จึงเป็นเหตุผลที่บริการนี้เลือกใช้ AWS นั่นเอง
Anthropic ประกาศว่าโมเดลปัญญาประดิษฐ์ Claude 3.5 Haiku ที่เป็นรุ่นเล็กมีราคาถูก ตอนนี้เปิดให้ใช้งานแล้วผ่าน API และผ่านผู้ให้บริการคลาวด์ทั้ง Amazon Bedrock และ Vertex AI หลังจากเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้วพร้อมกับ Sonnet 3.5 รุ่นปรับปรุง
Anthropic ประกาศเพิ่มเครื่องมือใหม่ Visual PDF บนโมเดล Claude 3.5 Sonnet ซึ่งมีความสามารถในการอ่านวิเคราะห์เนื้อหาจากเอกสาร PDF ได้
เงื่อนไขในการใช้งาน Visual PDF ระบุว่า หากเอกสารนั้นมีจำนวนต่ำกว่า 100 หน้า สามารถอัปโหลดได้โดยตรงผ่านกล่องแชท และ Visual PDF สามารถวิเคราะห์ข้อมูลรูปภาพ แผนภูมิ กราฟิก ได้ด้วย แต่ถ้าเอกสารมีมากกว่า 100 หน้า จะรองรับเฉพาะข้อความตัวหนังสือเท่านั้น
Claude แนะนำว่าเพื่อประสิทธิภาพการทำงานสำหรับไฟล์ที่มีจำนวนหน้าเอกสารเยอะ ควรแบ่งเป็นไฟล์ย่อยให้อยู่ในข้อจำกัด 100 หน้า
Anthropic ออกแอป Claude สำหรับผู้ใช้งาน Mac และ Windows โดยตัวแอปมีสถานะเป็นพับลิกเบต้า ซึ่ง Anthropic บอกเหตุผลที่ออกแอปสำหรับแต่ละระบบปฏิบัติการ เพื่อให้ Claude สามารถใช้งานได้ในทุกสภาพแวดล้อมที่ต้องการ
แอป Claude บน Mac และ Windows สามารถใช้งานได้ผู้ใช้งานแบบฟรี และผู้ใช้งานที่สมัครแผนพรีเมียม
นอกจากนี้ Anthropic ยังเพิ่มเครื่องมือใหม่ของแชทบอต Claude สามารถพิมพ์ตามเสียงพูดหรือ Dictation รองรับความยาวเสียงสูงสุด 10 นาที ส่งอินพุทได้ทั้งการกดบันทึกเสียง หรืออัปโหลดข้อความเสียง ตอนนี้รองรับเฉพาะแอป iOS, Android และ iPadOS เท่านั้น
GitHub ประกาศว่าฟีเจอร์ด้านปัญญาประดิษฐ์ GitHub Copilot จะเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้งานมากขึ้นจากปัจจุบันที่เป็น GPT-4o โดยสามารถเลือกใช้โมเดล AI ได้ทั้ง Claude 3.5 Sonnet ของ Anthropic, Gemini 1.5 Pro ของกูเกิล และ o1-preview กับ o1-mini ของ OpenAI โดยจะเริ่มให้เลือกใช้งานได้ใน Copilot Chat ก่อน
ตัวเลือก o1-preview กับ o1-mini เริ่มเปิดให้ใช้งานได้ตั้งแต่วันนี้ ส่วน Claude 3.5 Sonnet จะมาในสัปดาห์หน้า และ Gemini 1.5 Pro จะตามมาในภายหลัง
Thomas Dohmke ซีอีโอ GitHub บอกว่าตอนนี้ไม่มีโมเดล AI ตัวใดที่สามารถใช้งานได้กับทุกสถานการณ์ นักพัฒนาจึงควรมีทางเลือกผู้ช่วยที่เหมาะกับแต่ละคนมากที่สุด
Anthropic ผู้พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ Claude.ai เพิ่มฟีเจอร์วิเคราะห์ข้อมูลในตัว เปิดทางให้ผู้ใช้สามารถแชตกับข้อมูลและแสดงผลเป็นกราฟได้ในตัว โดยรับข้อมูลเป็นตารางในรูปแบบไฟล์ CSV ที่เซฟจาก Excel หรือ Google Sheet ออกมาได้
โค้ดที่เขียนเป็นภาษาจาวาสคริปต์ และรับข้อมูลจากไฟล์ CSV ที่อัพโหลด จากนั้นสามารถทำความสะอาดข้อมูล, สำรวจข้อมูล, และวิเคราะห์ข้อมูลได้ในตัว