หลัง Google ปล่อย Android P Dev Preview 5 ซึ่งเป็นรุ่นทดสอบรุ่นสุดท้ายออกมา ตอนนี้ก็เหลือแค่การปล่อยตัวจริงออกสู่สาธารณะเท่านั้น
@evleaks นักปล่อยข่าวลือที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและความแม่นยำได้ทวีตใบ้ว่า Android P ตัวจริงจะถูกปล่อยในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ ซึ่งสอดคล้องกับไทม์ไลน์ที่ Google บอกว่าจะปล่อยในช่วง Q3 และหากดูกำหนดการปล่อย Android O ตัวจริงเมื่อปีที่แล้วที่ปล่อยมาวันที่ 21 สิงหาคม ข้อมูลดังกล่าวของ evleaks ก็ดูมีน้ำหนักไม่น้อย
ส่วนชื่อเต็มของ Android P ปีนี้ค่อนข้างเงียบเหงา ไม่มีการบอกใบ้หรือหลุดเลย
ดีไซน์ของสมาร์ทโฟนส่วนใหญ่ทุกวันนี้ เราคงคุ้นเคยกับรอยแหว่งด้านบนหน้าจอ ที่ต้องยอมรับว่ามีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แถมเป็นปัญหาต่อแอพที่ไม่สามารถแสดงผลได้เต็มพื้นที่ กลายเป็นเรื่องปวดหัวสำหรับนักพัฒนาที่ต้องหาวิธีปรับแต่งแอพให้สามารถแสดงคอนเทนต์รองรับรอยแหว่งของสมาร์ทโฟน
OnePlus 3/3T เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2016 พร้อม Android 6.0 Marshmallow และก็ได้รับการยืนยันว่าจะได้ถึงแค่ Android Oreo 8.0 หรือ 2 รอบการอัพเดตใหญ่
ล่าสุด OnePlus ทำเซอร์ไพร์สด้วยการประกาศว่า OnePlus 3 และ 3T จะได้รับ Android P ด้วย โดยข้าม Android 8.1 ไปเลย ทว่าบริษัทไม่ได้ระบุช่วงเวลาที่จะได้รับอัพเดต บอกแต่เพียงว่า OnePlus 6 จะได้ก่อน ตามมาด้วย OnePlus 5T และ OnePlus 3/3T
กูเกิลออก Android P Beta 4 หรือ Developer Preview 5 ซึ่งเป็นรุ่นพรีวิวตัวสุดท้ายก่อนออก Android P ตัวจริงในอีกไม่ช้า (ปีก่อนๆ Android N และ O ออกวันที่ 21-22 สิงหาคม ปีนี้คงไล่เลี่ยกัน)
เนื่องจากเป็น Beta สุดท้ายแล้ว ฟีเจอร์ใหม่จึงไม่มีอีกแล้ว เน้นการแก้บั๊กอย่างเดียวก่อนออกเวอร์ชันสมบูรณ์ ผู้ใช้สมาร์ทโฟนกลุ่ม Pixel สามารถดาวน์โหลดอัพเดตกันได้แล้ว ส่วนผู้ใช้มือถือยี่ห้ออื่นที่ร่วมโครงการ Android Beta ก็รออัพเดตจากผู้ผลิตตามปกติ
กูเกิลแนะนำให้นักพัฒนาเริ่มทดสอบแอพของตัวเองกับ Android P ที่เป็น API level 28 เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ Android P ตัวจริง โดยสามารถทดสอบได้ทั้งบนเครื่องจริง หรือจะผ่าน Android Studio 3.1/3.2 ก็ได้
กูเกิลออก Android P Beta 3 (หรือนับเป็น Developer Preview 4) ให้ทดสอบกัน โดยรุ่นนี้เน้นไปที่การแก้บั๊กและปรับปรุงเสถียรภาพของระบบ หลัง Android P Beta 2 หยุดเปลี่ยนแปลง API ใหม่แล้ว
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงในรุ่นนี้คือปรับหน้าตาของปุ่ม Back, เพิ่มปุ่ม Rotation Lock เข้ามาในแถบ Navigation ด้านล้าง, ปรับปรุง UI เล็กๆ น้อยๆ อีกหลายจุด
อุปกรณ์ตระกูล Pixel ที่เข้าร่วม Android Beta สามารถทดสอบได้แล้ววันนี้ ส่วนอุปกรณ์ของบริษัทอื่นๆ ที่เข้าร่วมโครงการ เช่น Essential Phone, Nokia 7 plus, OnePlus 6, Oppo R15 Pro, Sony Xperia XZ2, Vivo X21, Xiaomi Mi Mix 2S ต้องรอการอัพเดตจากผู้ผลิตแต่ละราย (ของ Essential มาแล้ว)
หลังจาก Android Oreo ถูกปล่อยอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 21 สิงหาคม 2017 เป็นต้นมา แต่ในระยะเวลาเกือบ 1 ปี ยังมีสมาร์ทโฟน Android อีกประมาณ 94% จากผู้ใช้ทั่วโลกยังไม่ได้รับอัพเดต
กูเกิลประกาศออก Android P Beta 2 รุ่นทดสอบตัวที่สาม (DP3 ตัวแรกไม่เรียกเป็น Beta) โดยเป็นรุ่นที่ API ( Level 28) นิ่งแล้วไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ อีกในแง่ฟีเจอร์ ถัดจากนี้ไปเหลือแต่งานแก้บั๊กเท่านั้น
ของใหม่ใน Android P อ่านได้จากข่าวเก่าในหมวด Android P และเอกสารของกูเกิล Android P features and APIs
ผู้ที่สนใจทดสอบต้องเข้าร่วม Android Beta Program เช่นเดิม ส่วนคนที่เข้าร่วมแล้วตั้งแต่ Beta 1 จะอัพเดตต่อเป็น Beta 2 ให้อัตโนมัติ
Android P เพิ่งเปิดตัวเวอร์ชันเบต้าไปในงาน Google I/O ที่ผ่านมา ซึ่งฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามานั้นมีฝั่งขององค์กรด้วยและ Google ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว
ความเปลี่ยนแรงเลยคือแอปที่ใช้งานในโปรไฟล์ขององค์กร จะมีแท็บ Work แยกออกจาก Personal ให้แล้ววใน App Launcher ขณะที่เดียวนักพัฒนาสามารถเขียนให้สามารถสลับโปรไฟล์ส่วนตัวเป็นโปรไฟล์องค์กรได้ง่ายๆ ภายในแอปด้วยเช่นกัน โดยไม่ต้องออกจากแอปและเข้า Launcher เหมือนแต่ก่อน
ไม่เพียงคนทั่วไปที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังเสพติดการใช้มือถือ ใช้อินเทอร์เน็ตมากไปรึเปล่า เพราะ Sameer Samat ผู้ดูและ Android P ใน Google ก็รู้สึกอย่างนั้นเช่นกัน และเขาก็ทดลองกับตัวเองด้วยว่าหากลองอยู่ห่างจากมือถือสัก 3 วัน 7 วัน จะเป็นอย่างไร ปรากฏว่ามันทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และนี่คือสิ่งที่เขาพูดตอนเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ Android P ที่ช่วยให้ผู้ใช้ลดการเสพติดการใช้มือถือ บนเวที Google I/O
ฟีเจอร์ใหม่ของ Android P ที่ถูกพูดถึงกันมากคือ Navigation แบบใหม่ ที่เปลี่ยนจาก 3 ปุ่มมาตรฐาน ไปใช้ท่า gesture ปัดขึ้นแทน ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมาก ทั้งในโลกของผู้ใช้ Android เอง และในแง่ว่าลอก iPhone X หรือไม่
ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ David Burke หัวหน้าฝ่ายวิศวกรรม Android (คนที่ออกมาเดโม Android P) และได้ฟังเขาอธิบายถึงที่มาที่ไปในประเด็นนี้
โพสต์นี้เป็นการรวมของใหม่ใน Android P ทั้งหมด ที่ประกาศไว้ในงาน Google I/O 2018 นะครับ (หลายอันเขียนเป็นข่าวไปแล้วแต่นำมารวมไว้เป็นบทความเดียวอีกทีหนึ่ง)
ฟีเจอร์ใหม่ของ Android P ถูกแบ่งออกเป็น 3 หมวดคือ Intelligence, Simplicity และ Digital Wellbeing มีรายละเอียดดังนี้
ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจใน Android P สำหรับนักพัฒนาแอพคือ Slices และ App Actions ที่มาพร้อมแนวคิดใหม่ว่า เราไม่จำเป็นต้องใช้งานแอพทั้งตัวก็ได้
Slices และ App Actions ออกแบบมาเพื่ออนาคตที่เราทำงานต่างๆ ผ่าน Google Assistant มากกว่าเรียกแอพขึ้นมาตามปกติ ทำให้นักพัฒนาสามารถ "หั่น" (slice) หน้าจอบางส่วนมาแสดงในหน้าจอของ Google Assistant ได้
หลังจากที่ประกาศว่ามือถือที่ได้รับ Android P Beta จะไม่ได้มีเพียงแค่ Pixel ล่าสุด Google ประกาศรายชื่อของรุ่นโทรศัพท์ที่รองรับ Android P Beta เป็นที่เรียบร้อย โดยมีรายชื่อรุ่นดังนี้
ในโทรศัพท์บางรุ่น กระบวนการติดตั้ง Android P Beta จำเป็นจะต้องใช้การแฟลชรอมผ่าน ADB และไม่สามารถอัพเดตผ่าน OTA โดยปกติได้
ฟีเจอร์ใหม่ Android P ที่ Google ประกาศในงาน Google I/O มีดังนี้
วันนี้กูเกิลประกาศฟีเจอร์ใหม่ๆ ของ Android P ที่กำลังจะออกมาภายในปีนี้ โดยกูเกิลประกาศปล่อย Android P Beta รุ่นต่อจากรุ่นพัฒนาแรกที่ปล่อยออกมาเมื่อเดือนมีนาคม ความพิเศษของปีนี้คือ Android P Beta จะปล่อยให้กับโทรศัพท์ Android Oreo หลายแบรนด์พร้อมๆ กันหมดตั้งแต่วันนี้ ได้แก่ Pixel, Nokia, Xiaomi, Oneplus, Vivo, Sony, Essential, และ Oppo
ในยุคสมัยหนึ่ง Motorola คือมือถือ Android ที่ได้รับอัพเดตรวดเร็ว แต่ดูจะไม่ใช่ยุคสมัยนี้แล้ว เพราะมือถือที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง Moto E5 และ Moto G6 ประกาศชัดเจนเรื่องการอัพเดต (ที่อาจไม่ค่อยมี)
ที่แย่หน่อยคือน้องเล็ก Moto E5 มาพร้อม Android Oreo และไม่การันตีว่าจะได้อัพเกรดข้ามเวอร์ชันใหญ่เป็น Android P ซึ่งประกาศลักษณะนี้เป็นที่รู้กันว่า "ไม่ได้อัพเกรด" นั่นเอง
ส่วน Moto G6 ได้รับการการันตีว่าจะได้ Android P แต่รอบการอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยจะไม่ใช่รายเดือน เป็นทุก 60-90 วันแทน (คล้ายกับมือถือของซัมซุงรุ่นล่าง ที่ได้เป็นรายไตรมาสแทนรายเดือน)
ถึงแม้ Android P Developer Preview 1 ที่ Google ปล่อยออกมาจะไม่มีฟีเจอร์นี้หรือถูกพูดถึง แต่ภาพล่าสุดในบล็อกแอนดรอยด์ที่ Google พูดถึง DNS over TLS บนแอนดรอยด์ P กลับปรากฎแถบ Navigation Bar ด้านล่างแบบใหม่ ที่เหลือแต่ปุ่ม Back และแถบขีดวงรีตรงกลาง ก่อน Google จะแก้ไขและนำ Navation Bar ออก
จากรูปที่หลุดมาคาดว่า Google อาจกำลังทดสอบ Navigation Bar แบบใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็อาจจะเป็น gesture ปัดจากขอบจอล่างขึ้นเพื่อกลับหน้าโฮมเหมือน iPhone X ก็เป็นได้ ทว่าการที่ Google รีบแก้ไขภาพสกรีนช็อตและนำ Navigation Bar ออกก็อาจจะเพราะยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบภายใน ลองผิดลองถูกหรืออาจจะไม่ถูกนำมาใช้งานจริงก็ได้
จากที่เคยมีการพบโค้ดใน AOSP เกี่ยวกับการรองรับ DNS over TLS ล่าสุด Google ประกาศแล้วว่าฟีเจอร์นี้เริ่มมีให้นักพัฒนาทดสอบแล้วบน Android P Developer Preview
โหมด Private DNS จะอยู่ในตัวเลือก Network & Internet ในหน้า Setting โดย Google ระบุว่าฟีเจอร์นี้จะเปิดเป็นดีฟอลต์หากเซิร์ฟเวอร์ DNS รองรับ โดยผู้ใช้สามารถปิดได้ รวมถึงสามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ผู้ใหับริการ DNS เองด้วยเช่นกัน ขณะที่นักพัฒนาแอปแอนดรอยด์สามารถเชื่อมแอปเข้ากับโปรโตคอลนี้ได้ด้วย API LinkProperties.isPrivateDnsActive().
ที่มา - Android Developer
ที่ผ่านมาเราเห็นแอปเปิลที่บีบให้นักพัฒนาปรับปรุงแอปให้รองรับ iOS เวอร์ชันใหม่อยู่เสมอ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพก็ตาม ขณะที่กูเกิลเองก็เริ่มเห็นท่าทีนี้หลังการกำหนด Target API ขั้นต่ำสำหรับแอปบน Play Store ต้องรองรับ Android Oreo ขึ้นไปเมื่อปลายปีที่แล้ว
ซึ่งในการประกาศคราวนั้นกูเกิลระบุว่า ในแอนดรอยด์รุ่นใหม่ๆ (ไม่ได้ระบุชัดว่า P หรือ Q) จะไม่อนุญาตให้รันแอปที่ตั้ง Target API เก่าเกินไป ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการทำงาน ล่าสุดดูเหมือนว่านโยบายนี้จะเริ่มใช้แล้วในแอนดรอยด์ P ที่มีการกำหนด Target API ขั้นต่ำของแอปคือเวอร์ชัน 17 หรือแอนดรอยด์ 4.2
ตกรุ่นกันไปอีกชุดกับสินค้าของกูเกิลที่ออกขายในปี 2015 อย่าง Nexus 5X, Nexus 6P และแท็บเล็ต Pixel C ที่จะไม่ได้ไปต่อกับ Android P แล้ว
ในรอมทดสอบของ Android P รุ่น Developer Preview 1 มีให้เฉพาะ Pixel 1/XL (2016) และ Pixel 2/XL (2017) เท่านั้น
Nexus 5X/6P และ Pixel C ยังจะได้รับการอัพเดตแพตช์ความปลอดภัยรายเดือนต่อไป ตามนโยบายของกูเกิลที่จะออกแพตช์ให้นาน 3 ปี (สิ้นสุดราวปลายปี 2018) ส่วนระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหญ่การันตีอัพเกรดให้นาน 2 ปี ได้ถึง Android 8.1 (พอมาถึงยุค Pixel 2 ยืดระยะเวลาอัพเกรดเป็น 3 ปีเท่ากับแพตช์)
การเปิดตัว Android P มีฟีเจอร์น่าสนใจหลายอย่าง แต่ฟีเจอร์ที่น่าจะเห็นได้ชัดและจับต้องได้มากที่สุด คือ ตำแหน่งของนาฬิกาที่ย้ายจากมุมขวาบนมาเป็นมุมซ้ายบนแทน
กูเกิลไม่ได้อธิบายเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และการย้ายตำแหน่งนาฬิกาก็ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ของผู้ใช้ Android จำนวนไม่น้อย บ้างก็มองว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับ Pixel 3 ที่อาจ "จอแหว่ง" เลยต้องย้ายตำแหน่งนาฬิกามาไว้อีกด้าน ให้สมดุลกับฝั่งขวาที่บอกปริมาณแบตเตอรี่ด้วย
ที่ผ่านมา กูเกิลเคยลองเปลี่ยนดีไซน์หลายๆ อย่างในรุ่น Developer Preview และบ้างก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนต้องเปลี่ยนกลับมาเป็นเหมือนเดิม
กูเกิลปล่อยรอมทดสอบ Android P ตัวแรกแล้ว (ก่อนคาดการณ์หนึ่งสัปดาห์) ทำให้เราเห็นฟีเจอร์ใหม่ๆ ของแอนดรอยด์รุ่นต่อไป
ฟีเจอร์ที่ประกาศแล้ว มีดังนี้
จนตอนนี้ข้อมูลของแอนดรอยด์รุ่นต่อไป หรือ Android P ยังไม่มีข้อมูลเป็นทางการออกมา แต่ @evleaks ก็ออกมาระบุว่ารอมทดสอบตัวแรกจะออกกลางเดือนมีนาคมนี้