รวมข่าว Browser ทั้ง Mac, Linux, และ Windows พร้อมแนะนำ Browser มี Update ใหม่อะไรบ้าง
คุณคิดว่าไอโฟนสว่างเกินไปไหมในที่มืด? คุณมีปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดตึงและเมื่อยล้าสายตา เมื่อคุณท่องเว็บในตอนกลางคืนบ้างไหม?
ถ้าใช่ โปรดให้แอพ Dark Night Browser ช่วยดูแลสายตาคุณ Dark Night Browser คือเว็บเบราว์เซอร์ที่ช่วยถนอมสายตาของคุณ มาพร้อมกับฟีเจอร์มาตรฐานทั้งหมดที่เว็บเบราว์เซอร์ควรมี ยิ่งกว่านั้นยังเพิ่มฟีเจอร์ขั้นสูงอีกมากมายสำหรับผู้ใช้ที่มีความเชี่ยวชาญ
Vivaldi เบราว์เซอร์ตัวใหม่จากผู้สร้าง Opera เพื่อผู้ใช้กลุ่ม power user เปิดตัวเวอร์ชัน 1.6 ที่ได้เน้นไปยังการปรับปรุงการจัดการแท็บของ Vivaldi ที่แต่เดิมก็มีความสามารถมากอยู่แล้วให้ใช้งานสะดวกขึ้นไปอีก การปรับปรุงดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
Samsung ได้อัพเดตแอพ Samsung Internet ที่ใช้สำหรับ Gear VR เวอร์ชัน 4.2 โดยรองรับ WebVR 1.0 มาตรฐานด้าน VR สำหรับการใช้งานบนเว็บที่พัฒนาโดย Google และ Mozilla เพื่อให้ผู้ใช้สามารถดูคอนเทนต์ที่รองรับ VR บนเว็บได้จากตัวอุปกรณ์
ส่วนฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น
Mozilla ประกาศแผนการของ Firefox บน Windows XP และ Windows Vista ว่าจะหยุดซัพพอร์ตระบบปฏิบัติการเหล่านี้ในปี 2017 แล้ว
Mozilla อัพเดตแผนการเปิดใช้งาน multi-process ให้กับ Firefox ที่เริ่มมาตั้งแต่ Firefox 48
แผนการเดิมของ Mozilla จะค่อยๆ ขยายจำนวนผู้ใช้ Firefox ที่ได้ฟีเจอร์ multi-process อย่างช้าๆ สถานะล่าสุดคือ Firefox 50 เปิดฟีเจอร์นี้ให้กับผู้ใช้ที่มีส่วนขยายที่ "ยืนยันได้" ว่าทำงานร่วมกับ multi-process ได้
ขั้นต่อไปใน Firefox 51 จะขยาย multi-process ให้ผู้ใช้ทั่วไป ยกเว้นผู้ที่ติดตั้งส่วนขยายที่ "ยืนยันได้" ว่าทำงานร่วมกับ multi-process ไม่ได้ (นั่นคือกลุ่ม extension ที่ยืนยันไม่ได้ว่าพัง ก็จะสันนิษฐานว่าทำงานได้ไปก่อน)
Microsoft ประกาศเริ่มใช้งานอัลกอริทึม Brotli ซึ่งเป็นอัลกอริทึมการบีบเว็บที่สามารถบีบได้มาก และขยายได้เร็วที่ Google นำเสนอไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วบนเบราว์เซอร์ Microsoft Edge และพร้อมจะเปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปได้ใช้งานใน Windows 10 Creator Update ต้นปีหน้า ส่วนผู้ใช้ Windows Insider Program สามารถใช้งานฟีเจอร์นี้ในแบบพรีวิวได้แล้ว
ในพรีวิวของ Brotli บน MIcrosoft Edge นั้น จะรองรับทั้งการการเชื่อมต่อแบบ HTTP และ HTTPS แต่ในอนาคต Microsoft จะเริ่มประกาศว่า Brotli จะสนับสนุนเฉพาะ HTTPS เท่านั้น แต่ก็ยังสามารถใช้กับ HTTP ได้เหมือน Chrome (คือจะไม่แจ้งเว็บเซิร์ฟเวอร์ว่ารองรับ แต่ถ้าส่งมาก็ประมวลผลได้)
Microsoft Edge เป็นเว็บเบราว์เซอร์รายล่าสุดที่ออกมาประกาศว่า จะปิดการแสดงผล Flash เป็นค่าดีฟอลต์ โดยมีผลกับ Windows 10 Creators Update ที่จะออกตัวจริงช่วงต้นปีหน้า และเริ่มใช้กับ Windows Insider ในเร็วๆ นี้
ก่อนหน้านี้ใน Windows 10 Anniversary Update ไมโครซอฟท์หยุดเล่น Flash ส่วนที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหาหลักของเว็บไซต์ (เช่น โฆษณา) มาแล้ว รอบนี้ Edge จะหยุดเล่น Flash ทุกอย่างบนเว็บเพจเป็นดีฟอลต์ โดยผู้ใช้สามารถเลือกเปิด Flash เองได้ครั้งต่อครั้ง (allow once) หรือจะสั่งให้เปิด Flash ตลอดเวลาก็ได้ (always allow)
ใน Chrome 55 เวอร์ชันล่าสุด เริ่มปิด Flash เป็นค่าดีฟอลต์ โดยมีข้อยกเว้นเป็นบางเว็บไซต์ ล่าสุดกูเกิลเผยแผนการเลิกใช้ Flash ในระยะยาวแล้ว
แนวคิดของกูเกิลคือมีสองปัจจัยที่ต้องพิจารณาปิด Flash เป็นค่าดีฟอลต์ ได้แก่
กูเกิลออก Chrome 56 Beta ของใหม่ที่สำคัญคือเริ่มแสดงป้ายเตือน Not Secure สำหรับเว็บที่ยังเป็น HTTP ตามที่เคยประกาศไว้ ซึ่งน่าจะช่วยกระตุ้นให้เว็บไซต์ต่างๆ เปลี่ยนมาใช้ HTTPS กันมากขึ้น
ฟีเจอร์อย่างอื่นคือเว็บไซต์สามารถสื่อสารกับอุปกรณ์ Bluetooth LE ได้ผ่าน Bluetooth API ช่วยให้เว็บแอพมีลักษณะเหมือนแอพแบบเนทีฟมากขึ้น ส่วนฟีเจอร์ฝั่งของนักพัฒนาเว็บคือรองรับ CSS position:sticky กำหนดให้วัตถุบนหน้าเว็บสามารถแปะค้าง (sticky) อยู่บนจอ แม้จะเลื่อนไปยังหน้าจออื่นแล้ว
ที่มา - Chromium Blog
Chrome 55 เข้าสู่สถานะ Stable ของใหม่ในรุ่นนี้ได้แก่การปิด Flash เป็นดีฟอลต์ในทุกกรณี ตามที่เคยประกาศไว้ โดยมีข้อยกเว้นเพียง 10 เว็บใหญ่ที่ยังเปิด Flash ให้เป็นกรณีพิเศษ ได้แก่ YouTube.com, Facebook.com, Yahoo.com, VK.com, Live.com, Yandex.ru, OK.ru, Twitch.tv, Amazon.com, Mail.ru
ผู้ใช้ Chrome ยังสามารถใช้ Flash ได้ แต่ต้องคลิกขวาที่ปลั๊กอินเอาเอง (สามารถตั้งค่าให้รันอัตโนมัติได้ถ้าต้องการ)
ส่วน Chrome บน Android เพิ่มฟีเจอร์ดูเว็บเพจแบบออฟไลน์ โดยผู้ใช้ต้องสั่งเซฟก่อนในกรณีที่เป็นวิดีโอ
Mozilla ประกาศพบช่องโหว่สำคัญเกี่ยวกับฟังก์ชัน SVG ใน Firefox ซึ่งถูกใช้งานโจมตีเบราว์เซอร์ Tor (ที่พัฒนาขึ้นบน Firefox) เพื่อค้นหาตัวตนของผู้ใช้งานแล้ว
รูปแบบการโจมตีคือแฮ็กเกอร์จะหลอกผู้ใช้ Tor ให้เข้าเว็บเพจที่มีไฟล์ SVG ฝังไว้ ไฟล์นี้จะอาศัยช่องโหว่ตัวนี้เก็บค่า IP และ MAC ของผู้ใช้ ส่งกลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮ็กเกอร์ได้ ทาง Mozilla ระบุว่าการโจมตีลักษณะนี้คล้ายกับเทคนิคที่ FBI เคยใช้ตามหาผู้ใช้ Tor และมีคนตั้งข้อสงสัย (แต่ไม่มีหลักฐาน) ว่าเป็นไปได้ที่คนใช้ช่องโหว่นี้คือ FBI
Microsoft Edge มีส่วนขยายของตัวจัดการรหัสผ่าน LastPass มาได้สักระยะแล้ว ล่าสุดทีมพัฒนา Edge ประกาศว่ากำลังร่วมมือกับ 1Password ตัวจัดการรหัสผ่านอีกค่าย เพื่อทำส่วนขยายให้ Edge ด้วยเช่นกัน
ส่วนขยาย 1Password จะเปิดให้กลุ่มผู้ทดสอบ Windows Insider ในเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่ระบุช่วงเวลาแน่ชัด
ไมโครซอฟท์ยังไม่เปิดกว้างให้นักพัฒนาทั่วไปสร้างส่วนขยายสำหรับ Edge และยังใช้วิธีเจรจากับพาร์ทเนอร์ทีละรายอย่างช้าๆ (รายชื่อส่วนขยายทั้งหมดในปัจจุบัน)
ที่มา - OnMSFT
Mozilla ออก Firefox 50 รุ่นฉลองครบครึ่งร้อย (และเป็นรุ่นเสถียรตัวสุดท้ายของปีนี้) ของใหม่บนเวอร์ชันพีซีได้แก่
ส่วนเวอร์ชัน Android ปรับอินเทอร์เฟซเล็กน้อย โดยรวมหน้า Recent Tabs และ History เข้าด้วยกัน
ที่มา - Mozilla
กูเกิลประกาศในงาน Chrome Dev Summit ว่าตอนนี้มีผู้ใช้ Chrome นับเป็นจำนวนเครื่องเกิน 2 พันล้านเครื่องแล้ว (นับรวมทั้งเดสก์ท็อปและอุปกรณ์พกพา และเป็น active browser คือถูกใช้งานจริง) ถือเป็นความสำเร็จอีกขั้นของ Chrome ถัดจากจำนวนผู้ใช้ทะลุ 1 ล้านคนที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ในงานนี้กูเกิลไม่ได้อัพเดตจำนวนผู้ใช้งาน (active user) ในงานนี้
ตอนนี้กูเกิลมีบริการ 7 ตัวที่มีผู้ใช้เกิน 1 พันล้านคน ได้แก่ Gmail, Android, Chrome, Maps, Search, YouTube, Google Play Store
ที่มา - TechCrunch
มีรายงานจากรายการทีวีในเยอรมนีว่า ส่วนเสริมของ Firefox และ Chrome ที่ชื่อ Web of Trust (WoT) ที่มีคนดาวน์โหลดจำนวนมาก แอบขายข้อมูลผู้ใช้งานให้กับบริษัทการตลาดและโฆษณา โดยข้อมูลที่รายการได้รับมา มีข้อมูลของผู้ใช้เน็ตในเยอรมนีมากถึง 3 ล้านคน
Web of Trust เป็นส่วนเสริมที่ใช้บ่งบอกความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ที่เราเข้า ว่าเป็นเว็บจริงที่น่าเชื่อถือ (trustworthiness) และปลอดภัยสำหรับเด็ก (child safety) แค่ไหน ส่วนเสริมตัวนี้มีคนดาวน์โหลดมากถึง 140 ล้านครั้ง
เว็บเบราว์เซอร์ Opera ออกอัพเดตเวอร์ชัน 41 ที่ได้เน้นไปยังการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพ ทั้งด้านความเร็วขณะเปิดโปรแกรม, ลดการใช้พลังงานขณะ video conference, ลดการใช้งานซีพียูของ video pop-out และยังได้ปรับปรุงหน้าอ่านข่าวให้ใช้งานง่ายขึ้นอีกด้วย
สำหรับการปรับปรุงความเร็วขณะเริ่มโปรแกรมซึ่งเป็นไฮไลท์ของการอัพเดตในครั้งนี้ Opera ใช้วิธีจัดลำดับความสำคัญของขั้นตอนการเปิดโปรแกรมใหม่ ด้วยการเลือกเปิดแท็บที่ผู้ใช้งานน่าจะอยากเห็นขึ้นมาก่อน ตัวอย่างเช่นแท็บที่ถูกปักหมุดไว้หรือแท็บที่ใช้งานล่าสุดก่อนจะปิดหน้าต่าง Opera ไป (เป็นค่าตั้งต้นของ Opera ที่จะช่วยเปิดแท็บทั้งหมดที่ถูกเปิดค้างไว้ขณะปิดโปรแกรมคราวก่อนกลับขึ้นมาให้)
ช่วงหลังมานี้ Google เริ่มจะปรับอินเทอร์เฟสของแอพบน Android หลายแอพ โดยย้ายแถบ navigation ลงมาไว้ด้านล่างของจอ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับโทรศัพท์ขนาดใหญ่ โดยตอนนี้การปรับอินเทอร์เฟสนี้ก็เริ่มปรับกับแอพ Chrome บน Android แล้ว
ฟีเจอร์นี้ใช้ชื่อว่า Chrome Home ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้ใช้สามารถย้าย address bar, tab switcher และเมนูการตั้งค่าจากด้านบนหน้าจอมาไว้ด้านล่าง โดยตอนนี้เป็นฟีเจอร์ที่อยู่ใน Chrome Dev Channel โดยจำเป็นต้องใช้ Chrome flags ในการเปิดคือ chrome://flags/#enable-chrome-home
ที่มา - 9to5Google
กูเกิลปรับใช้เทคนิคการรีดประสิทธิภาพในการคอมไพล์ Profile Guided Optimization (PGO) ของไมโครซอฟท์กับ Chrome บนวินโดวส์ ส่งผลให้ประสิทธิภาพของ Chrome ดีขึ้นสูงสุด 15%
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับ Chrome 53 (64 บิต) และ Chrome 54 (32 บิต) บน Windows
ที่มา - Chromium Blog
Mozilla ประกาศทำโครงการ Project Quantum เอนจินเบราว์เซอร์ตัวใหม่ของ Firefox ที่จะใช้แทนเอนจิน Gecko ในปัจจุบัน
Project Quantum เป็นโครงการใหญ่ที่ประกอบด้วยหลายส่วนประกอบ ซึ่งรวมเอา Project Servo ระบบเอนจินตัวใหม่ที่เขียนด้วยภาษา Rust ซึ่ง Mozilla เริ่มพัฒนามาตั้งแต่ปี 2013
Mozilla บอกว่า Project Quantum จะให้ประสบการณ์ใช้งานที่เร็วและลื่นขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (quantum leap) ทั้งบนเดสก์ท็อปและอุปกรณ์พกพา ปัญหาเรื่องการโหลดหน้าจอ การเลื่อนหน้าจอ แอนิเมชันและการตอบสนองที่ช้าหรือกระตุก จะหมดไป
กูเกิลออก Chrome 54 รุ่นเสถียร ฟีเจอร์บนเดสก์ท็อปยังไม่ประกาศว่ามีอะไรใหม่บ้าง การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญไปอยู่ที่ Chrome บน Android ที่มีของใหม่ 3 อย่าง ได้แก่
ที่มา - Chrome Releases (Desktop), Chrome Releases (Android)
ดูเหมือนว่าฟีเจอร์ประหยัดพลังงานจะกลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่เบราว์เซอร์หลักในตลาดให้ความสำคัญไปซะแล้ว เมื่อดูจากที่ทั้ง Microsoft Edge, Opera และ Google Chrome ต่างก็ออกผลทดสอบซึ่งแสดงความสามารถในการประหยัดพลังงานของเบราว์เซอร์ของค่ายตนเองกันเกือบครบทุกเจ้า
และล่าสุดก็เป็นทางฝั่งไมโครซอฟท์ที่ออกมาโชว์ผลการทดสอบอีกหนเพื่อแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการปรับปรุงการใช้พลังงานของ Microsoft Edge บน Windows 10 Anniversary Update ไปอีกขั้น ซึ่งก็ส่งให้ Microsoft Edge ได้รับตำแหน่งเบราว์เซอร์ประหยัดพลังงานอันดับหนึ่งไปอีกครั้ง
Mozilla ประกาศทำโครงการ Mortar เพื่อให้ Firefox สามารถนำปลั๊กอินบางตัวของ Chrome มาใช้งานได้ เพื่อลดภาระการดูแลโค้ดของทีมงาน Mozilla ลง
ในอดีต เว็บเบราว์เซอร์มีระบบปลั๊กอินที่เรียกว่า NPAPI ที่ใช้กันมานานมากแล้ว (ใช้กันมาตั้งแต่ยุค Netscape) ส่งผลให้ปลั๊กอินยอดนิยมทั้ง Flash หรือ Java ต่างก็สื่อสารกับเบราว์เซอร์ด้วยวิธีนี้ แต่ปลั๊กอินแบบนี้ล้าสมัยและมีปัญหาหลายอย่าง ส่งผลให้ Chrome พยายามผลักดันระบบปลั๊กอินแบบใหม่ PPAPI (หรือ Pepper) มาตั้งแต่ปี 2013 และปัจจุบันปลั๊กอินอย่าง Flash หรือตัวอ่าน PDF ของ Chrome ก็ใช้ระบบ PPAPI ทั้งหมด
Mozilla ออก Firefox 49 รุ่นเสถียร ของใหม่ในรุ่นนี้ได้แก่
Vivaldi เบราว์เซอร์ตัวใหม่จากผู้สร้าง Opera ซึ่งได้รับการพัฒนาโดยเน้นไปที่ความสามารถสำหรับผู้ใช้งานกลุ่ม power user ตามเจตนารมณ์เดิมของ Opera รุ่นก่อนๆ เปิดตัวเวอร์ชัน 1.4 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่างการตั้งเวลาเพื่อเปลี่ยนธีมอัตโนมัติ Theme Scheduling และการปรับปรุง Web Panel หนึ่งในฟีเจอร์เด่นของ Vivaldi ที่มากับเวอร์ชันก่อนหน้านี้
หลังจากที่ไมโครซอฟท์ออกมาชูว่า Microsoft Edge เบราว์เซอร์ของตัวเองชนะการทดสอบการใช้พลังงาน ซึ่งหลังจากนั้น Opera ก็ออกมาโต้กลับ ถึงแม้ว่าในภายหลัง จะมีผลการทดสอบออกมาจากคนกลางออกมาก็ตาม แต่ดูเหมือนสงครามจะไม่จบลงง่ายๆ เมื่อ Google เผยว่า ใน Google Chrome เวอร์ชัน 53 ที่เพิ่งออกไปนั้น ได้ปรับปรุงการใช้พลังงาน ให้ประหยัดขึ้นมากกว่าเดิม