รวมข่าว Browser ทั้ง Mac, Linux, และ Windows พร้อมแนะนำ Browser มี Update ใหม่อะไรบ้าง
Firefox 43 เปิดให้ดาวน์โหลดอย่างเป็นทางการ ของใหม่ที่สำคัญคือรุ่น 64 บิตบนวินโดวส์ แต่ก็ยังมีฟีเจอร์ใหม่อย่างอื่นดังนี้
ใกล้เข้ามาทุกทีกับส่วนขยายของ Microsoft Edge ที่จะมาในปี 2016
ล่าสุดตัวบล็อคโฆษณาชื่อดัง AdBlock Plus ก็ออกมายืนยันแล้วว่าจะลง Edge แน่นอน ส่วนระยะเวลานั้นยังบอกว่า Coming Soon อยู่ครับ
คาดว่าไมโครซอฟท์น่าจะเริ่มพูดคุยกับผู้พัฒนาส่วนขยายชื่อดังบางเจ้าแล้ว และน่าจะมีส่วนขยายหลายตัวพัฒนาเสร็จพร้อมกับการเปิดตัวฟีเจอร์นี้
ทวิตเตอร์ @h0x0d ซึ่งเปิดเผยข่าวความเคลื่อนไหวของไมโครซอฟท์อย่างต่อเนื่อง เผยหน้าเว็บรายละเอียดของส่วนขยาย (extension) สำหรับเบราว์เซอร์ Microsoft Edge โดยหน้าเว็บข้างต้นเผยส่วนเสริมสองตัว คือ Pinterest และ Reddit Enhancement Suite
@h0x0d เปรียบเทียบส่วนขยายของ Microsoft Edge กับส่วนขยายของ Chrome และพบว่าการแปลงส่วนขยายของ Chrome เป็นส่วนขยายของ Microsoft Edge นั้นง่ายมาก แค่เปลี่ยน "chrome" เป็น "msBrowser" และแก้ไขโปรแกรมเล็กน้อยเท่านั้น
ผู้ใช้ Chrome บนพีซีคงคุ้นเคยกับหน้าจอเตือนภัยมัลแวร์สีแดง หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Google Safe Browsing กันมาพอสมควร คราวนี้กูเกิลขยายฟีเจอร์นี้มาใช้กับ Chrome for Android แล้ว
การใช้งาน Google Safe Browsing ต้องใช้ Chrome 46 และ Google Play Services 8.1 ที่ออกมานานแล้วทั้งคู่ (ดังนั้นแทบทุกคนน่าจะใช้ได้กันหมดแล้ว) การเตือนภัยจะถูกเปิดใช้เป็นค่าดีฟอลต์ ส่วนรูปแบบการเตือนภัยก็ยังเหมือนเดิมคือเป็นหน้าสีแดงที่บอกว่าเว็บนั้นอันตราย
ที่มา - Google Online Security
Mozilla ปรับนโยบายการแสดงโฆษณาในหน้า New Tab ของ Firefox หลังใช้งานมาได้ราวครึ่งปี และพบว่าไม่ได้ผลมากนัก
การเปลี่ยนแปลงจะค่อยเป็นค่อยไป (คาดว่าเป็นเพราะสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทที่มาลงโฆษณา) และ Firefox จะหยุดแสดงโฆษณาทั้งหมดในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า
หลัง Chrome 47 ออกตัวจริง ไม่นาน กูเกิลก็ออก Chrome 48 Beta ตามมาอย่างรวดเร็ว ของใหม่เน้นไปที่ฝั่ง Android ดังนี้
ไมโครซอฟท์ประกาศเพิ่มความสามารถให้กับ Enterprise Mode บน Internet Explorer 11 เพื่อช่วยลดปัญหาความเข้ากันได้กับเว็บเก่าภายในองค์กรที่อาจยังไม่พร้อมอัพเกรดไปใช้ IE11 ในขณะที่กำหนดการเลิกสนับสนุน IE รุ่นเก่าในวันที่ 12 มกราคม 2016 กำลังใกล้เข้ามาทุกที
Chrome 47 ออกแล้ว ของใหม่ที่สำคัญคือการถอดฟีเจอร์ Desktop Notification Center ตามที่เคยประกาศไว้
ส่วน Chrome for Android รองรับการแสดง splash screen หรือภาพตอนโหลดหน้าเว็บยังไม่เสร็จ เป้าหมายของกูเกิลคือต้องการให้เว็บแอพทั้งหลายมาใช้งาน splash screen เพื่อลดความแตกต่างระหว่างเว็บแอพ และแอพแบบเนทีฟลง
นอกจากนี้ Chrome 47 ยังแก้ช่องโหว่ความปลอดภัยอีก 41 จุด ทั้งจากทีมความปลอดภัยของกูเกิลเอง และผู้เชี่ยวชาญภายนอกองค์กรจากโครงการ Bug Bounty ของกูเกิล
รอบนี้กูเกิลยังไม่ได้ประกาศฟีเจอร์ใหม่ของ Chrome 47 อย่างเป็นทางการ ถ้าประกาศเพิ่มเติมเมื่อไร เดี๋ยวมาอัพเดตให้ในข่าวครับ
Chrome จะหยุดอัพเดตเวอร์ชันบนระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าเพิ่มเติม ในเดือนมีนาคม 2016 โดยระบบปฏิบัติการที่เข้าข่าย คือ
Chrome จะยังทำงานได้บนระบบปฏิบัติการเหล่านี้ แต่ไม่มีอัพเดตรุ่นถัดไปจาก Chrome อีกแล้ว Google แนะนำให้ผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการเหล่านี้อัพเกรดไปยังระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ เช่น Ubuntu 14.04 หรือ Debian 8
ส่วนคนที่ใช้ Linux 32-bit, Ubuntu 12.04 และ Debian 7 และอยากใช้ Chrome รุ่นถัดไป ก็มี Chromium มารับช่วงต่อการรองรับแล้ว (โดย Chromium ในที่นี้ คือ เวอร์ชันของดิสโทรคอมไพล์ให้จากซอร์สโค้ด ไม่ใช่ของ Google ทำเอง)
พร้อมกับการวางขาย Gear VR กรอบสำหรับใส่สมาร์ทโฟนแปลงร่างเป็นแว่นตาสู่โลกเสมือนจริง ซัมซุงดูจะเตรียมพร้อมให้แว่นตัวนี้ทำงานได้ครบเครื่อง ล่าสุดเปิดตัวเว็บเบราว์เซอร์สำหรับใช้งานร่วมกันในชื่อ Samsung Internet for Gear VR มาแล้ว
Samsung Internet for Gear VR เป็นเบราว์เซอร์มาตรฐานสำหรับ Gear VR ที่มีจุดเด่นคือการปรับแต่งมาสำหรับแสดงผลแบบ VR (กึ่งสามมิติ) โดยเฉพาะ ซึ่งรองรับการดูวิดีโอรอบทิศทางในตัว พร้อมทั้งฟังก์ชันในการพิมพ์ด้วยเสียง ซึ่งเป็นอุปสรรค์หลักสำหรับการใช้งานเว็บเบราว์เซอร์ หรือ Gaze mode ที่สามารถพิมพ์ได้ด้วยการขยับศีรษะเพื่อเลือกตัวอักษรที่ต้องการ
Chrome for Android มีฟีเจอร์บีบอัดข้อมูลเว็บหรือ Data Saver Modeมาได้สักพักใหญ่ๆ แต่กูเกิลกำลังก้าวไปอีกขั้น โดยจะไม่แสดงผลรูปภาพเกือบทั้งหมดในเพจ ถ้าเชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ตที่ไม่เร็วพอ
เมื่อเพจโหลดเสร็จแล้ว ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าต้องการแสดงภาพทั้งหมดตามปกติ หรือจะเลือกแสดงเฉพาะบางภาพก็ได้
กูเกิลบอกว่าเทคนิคนี้สามารถลดปริมาณข้อมูลลงได้ถึง 70% ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับพื้นที่ที่อินเทอร์เน็ตยังมีราคาแพง ฟีเจอร์นี้จะเริ่มใช้งานในอินเดียและอินโดนีเซียก่อน ส่วนประเทศอื่นๆ จะได้ใช้งานในภายหลัง
ที่มา - Chrome Blog
กูเกิลจัดงานสัมมนาสำหรับนักพัฒนา Chrome Dev Summit 2015 และเผยสถิติผู้ใช้ Chrome บนอุปกรณ์พกพาว่าเพิ่มจาก 400 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว มาอีกเท่าตัวเป็น 800 ล้านคนแล้ว
กูเกิลยังมองว่า "เว็บ" มีความสำคัญไม่แพ้ "แอพ" และอ้างอิงสถิติของ comScore ว่าผู้ใช้อุปกรณ์พกพาส่วนใหญ่ใช้แอพเฉลี่ย 25 ตัวต่อเดือน ในขณะที่เข้าเว็บมากกว่า 100 ไซต์ต่อเดือน ข้อดีของเว็บที่เหนือกว่าแอพคือเริ่มต้นใช้งานได้เร็วกว่า ไม่ต้องติดตั้ง แต่จุดอ่อนคือประสบการณ์การใช้งานเว็บยังไม่ดีเท่าแอพ
แนวทางแก้ไขของกูเกิลจึงเป็นสิ่งที่เรียกว่า Progressive Web Apps หรือการพัฒนาเว็บให้ดีเท่ากับแอพ
ไมโครซอฟท์ออกมาให้ข้อมูลของ Microsoft Edge ที่มาพร้อม Windows 10 อัพเดตใหญ่ครั้งแรก November 2015 นอกจากฟีเจอร์พรีวิวแท็บ และการซิงก์ Favorite/Reading Lists แล้ว ส่วนของเอนจิน EdgeHTML ที่นับเวอร์ชันเป็น 13.0 ยังปรับปรุงอีกหลายจุด
ชาว Blognone อาจเคยเจอกับเว็บหรือโฆษณาที่ปลอมตัวเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ชื่อดัง แจ้งเตือนว่าซอฟต์แวร์ของเราไม่อัพเดตแล้ว และให้ดาวน์โหลดไฟล์ (ซึ่งจริงๆ เป็นมัลแวร์) เพื่ออัพเดต
ในบางกรณี เว็บไซต์บางแห่งยังปลอมเป็นหน้าแจ้งเตือนมัลแวร์ของ Chrome ซะเองว่าคอมพิวเตอร์ของเราติดมัลแวร์แล้ว และให้ติดต่อกูเกิลตามที่อยู่ที่ระบุ (แน่นอนว่าเป็นที่อยู่ปลอม) บางครั้งอาจเป็นเบอร์โทรศัพท์ที่คิดเรตการโทรแพงๆ
ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่มีประสบการณ์มากหน่อยคงไม่มีปัญหา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีผู้ใช้ที่พลาดพลั้ง ตกเป็นเหยื่อของเว็บไซต์เหล่านี้อยู่เรื่อยๆ
Chrome for Android มีรุ่น Beta Channel มานานพอสมควร คราวนี้กูเกิลขยายระบบการทดสอบมายัง Chrome for iOS ด้วย
กูเกิลใช้ระบบทดสอบ TestFlight ของแอปเปิลเพื่อแจกจ่ายซอฟต์แวร์รุ่น Beta ผู้สนใจต้องลงทะเบียนอีเมลผ่านหน้า Chrome Beta (เลือกคำว่า iOS ตัวเล็กๆ) และติดตั้งแอพ TestFlight จาก App Store ก่อน
Chrome for iOS Beta ตอนนี้มีเลขเวอร์ชัน 47.0.2526.53 มีฟีเจอร์ใหม่คือรองรับ 3D Touch ของ iPhone 6s และรองรับปุ่มช็อตคัตเปิดปิดแท็บ บนคีย์บอร์ด Bluetooth
ที่มา - Google Operating System
วันนี้ Mozilla ได้เปิดตัว Firefox บน iOS แล้ว จากก่อนหน้านี้ที่เคยออก public preview ให้ทดสอบเฉพาะบางประเทศ
สำหรับ Firefox บน iOS จะไม่เหมือนกับ Firefox ที่เรารู้จักบนคอมพิวเตอร์หรือ Android ที่ใช้เอนจิน Gecko แต่ต้องใช้เอนจิน WebKit ของ iOS เพื่อให้เป็นไปตามกฏของ App Store
หน้าตาของ Firefox บน iOS จะคล้ายๆ กับบนคอมพิวเตอร์ ฉะนั้นผู้ใช้ Firefox บนคอมพิวเตอร์อยู่แล้วน่าจะชอบ UI แบบใหม่นี้ และ Firefox บน iOS ก็มีความสามารถซิงค์บุ๊คมาร์กและแท็บที่เปิดอยู่ระหว่างอุปกรณ์ได้ ซึ่งน่าเหมาะกับผู้ที่ชอบใช้ Firefox เป็นประจำ
Chrome จะหยุดอัพเดตเวอร์ชันบนระบบปฏิบัติการรุ่นเก่าในเดือนเมษายน 2016 โดยระบบปฏิบัติการที่เข้าข่ายคือ
Chrome จะยังทำงานได้บนระบบปฏิบัติการเหล่านี้ แต่ไม่มีอัพเดตแก้บั๊กและอุดช่องโหว่ความปลอดภัยให้อีกแล้ว กูเกิลแนะนำให้ผู้ที่ใช้ระบบปฏิบัติการเหล่านี้อัพเกรดไปยังระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่โดยเร็ว
กูเกิลมีแผนหยุดรองรับ Windows XP มาแล้วหลายครั้ง ตอนแรกให้เวลาถึงเดือนเมษายน 2015 แล้วยืดมาเป็นสิ้นปี 2015 และล่าสุดเป็นเดือนเมษายน 2016
Vivaldi เบราว์เซอร์ตัวใหม่ของผู้ก่อตั้ง Opera เปิดตัวโครงการเมื่อต้นปีแล้วเงียบหายไป วันนี้มันกลับมาแล้ว พร้อมกับให้ดาวน์โหลดรุ่น Beta เป็นครั้งแรก
Vivaldi Beta 1 รวบรวมฟีเจอร์จากรุ่นทดสอบ Technical Preview ตลอดทั้งปีนี้ มีฟีเจอร์สำคัญๆ อย่าง private browsing, pinned tab, task manager รวมถึงรองรับส่วนขยายเรียบร้อยแล้ว ใครสนใจก็ลองดาวน์โหลดได้จาก Vivaldi ครับ
ที่มา - Vivaldi
Firefox 42 ออกแล้ว ของใหม่ที่สำคัญคือโหมด Private Browsing with Tracking Protection ป้องกันไม่ให้เว็บไซต์ตามรอยผู้ใช้งาน (รายละเอียดอ่านในข่าว Firefox 42 Beta) ฟีเจอร์นี้เพิ่มเข้ามาทั้งเวอร์ชันเดสก์ท็อปและ Android
ฟีเจอร์อีกตัวที่ทุกคนน่าจะชอบคือแสดงไอคอนบนแท็บที่เล่นเสียงอยู่ และสั่ง Mute Tab เพื่อปิดเสียงได้ (แบบเดียวกับ Chrome, ข่าวเก่า)
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง Login Manager ให้ตรวจสอบว่าเรากรอกรหัสผ่านแล้วถามว่าจะบันทึกหรือไม่อย่างแม่นยำขึ้น รองรับ Copy/Paste และปรับปรุงการนำเข้าข้อมูลรหัสผ่านจาก Chrome/IE
มาตรฐาน HTTP Strict Transport Security (HSTS) ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้เว็บเบราว์เซอร์เข้าเว็บผ่าน HTTP ในกรณีที่ผู้ใช้ไม่ได้ระบุ URL เป็น HTTPS โดยตรง เว็บเซิร์ฟเวอร์จะแจ้งเบราว์เซอร์ให้จำโดเมนว่าจำเป็นต้องเข้าผ่าน HTTPS เท่านั้น และเบราว์เซอร์จะไม่เข้าเว็บผ่าน HTTP อีกเลยตลอดช่วงเวลาที่กำหนด
Yan Zhu (@bcrypt) นำเสนอแนวทางการตรวจสอบประวัติการเข้าเว็บด้วยการจับเวลาการเข้าเว็บ ประกอบเข้ากับนโยบาย Content Security Policy (CSP) ที่สามารถกำหนดให้โหลดภาพผ่าน HTTP (ไม่เข้ารหัส) เท่านั้น ซึ่งเป็นนโยบายที่ไม่ค่อยมีใครทำกันแต่ก็สามารถใช้งานได้
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา สไกป์เผยว่าแอพบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์กับแมค และเวอร์ชันเว็บ (Skype for Web) สามารถสร้างลิงก์ให้ใครก็ได้ร่วมแชท โทรคุย และวิดีโอคุยผ่านสไกป์เวอร์ชันเว็บได้แล้ว ถึงแม้ว่าผู้เข้าใช้ผ่านลิงก์จะไม่เป็นสมาชิกสไกป์ก็ตาม นอกจากนั้นหากติดตั้งแอพสไกป์บนไอโฟน ไอแพด และอุปกรณ์รันระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (ไม่มีวินโดวส์โฟน?) เมื่อคลิกลิงก์ก็จะสามารถเริ่มการสนทนาได้ทันที
ขณะนี้ฟีเจอร์สร้างลิงก์เปิดให้ใช้งานเฉพาะในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร และจะเปิดให้ใช้ฟีเจอร์ข้างต้นทั่วโลกในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ส่วนในอนาคตจะมีอัพเดตให้แอพบนอุปกรณ์พกพาสามารถสร้างลิงก์ข้างต้นได้
หลายคนอาจจะเริ่มติดใจ Microsoft Edge เบราว์เซอร์ใหม่สำหรับ Windows 10 และก็อาจสงสัยว่าเมื่อไรจะมี add-on สำหรับเบราว์เซอร์เสียที ตอนนี้ Microsoft ก็ออกมายืนยันแล้วว่า Edge จะไม่มี add-on จนกว่าจะถึงปีหน้า
Microsoft บอกว่าตอนนี้ทางบริษัทกำลังพัฒนาระบบ add-on ของ Microsoft Edge เพื่อทำให้ระบบมีความปลอดภัยและเสถียรภาพสูง ซึ่งระบบนี้จะปล่อยอัพเดตพร้อมกับ Windows 10 ในปี 2016 เท่ากับว่าตอนนี้ Microsoft Edge จะยังไม่มี add-on ไปจนกว่าจะถึงปี 2016
การที่ Edge ไม่มี add-on ทำให้การเติบโตค่อนข้างช้า โดยเฉพาะผู้ใช้ที่จำเป็นต้องใช้ add-on บนเบราว์เซอร์ในการทำงาน และเป็นหนึ่งในจุดด้อยที่สำคัญของ Edge เมื่อเทียบกับเบราว์เซอร์อื่นอย่าง Firefox และ Chrome
ถึงแม้ Microsoft Edge จะได้รับคำชมมากมายด้านพัฒนาการจาก Internet Explorer อย่างก้าวกระโดด แต่หนึ่งในฟังก์ชันสำคัญที่ยังทำให้หลายคนยังไม่ย้ายมาใช้งานคือ การรองรับส่วนเสริมเหมือนดั่งเช่น Firefox ของ Mozilla หรือ Chrome จาก Google
แต่ดูเหมือนว่าฟีเจอร์นี้อาจจะมาช้ากว่าที่คิดเมื่อ WinBeta รายงานข่าวลือจากแหล่งข่าวของตนว่าฟีเจอร์นี้จะถูกเลื่อนไปเป็นปี 2016 และจะมาพร้อมกับอัพเดต Redstone แทน เนื่องด้วยความไม่พร้อมทั้งจากฝั่งผู้พัฒนาส่วนเสริมและจากทางไมโครซอฟท์เอง
ที่มา - WinBeta
ข่าวช้าไปนิดหน่อยครับ Chrome 46 ออกรุ่นจริงแล้ว ของใหม่ในรุ่นนี้ได้แก่
Chrome 46 ประกาศนโยบายใหม่ให้กับเว็บที่ปรับไปใช้ HTTPS แต่มีความผิดพลาดเล็กน้อย เช่นการใส่ภาพจากเว็บที่เป็น HTTP (mixed content) แม้ว่าการที่มีเนื้อหาบางส่วนส่งมายังเบราว์เซอร์โดยไม่เข้ารหัส แต่โดยทั่วไปแล้วก็ยังปลอดภัยกว่าเว็บที่เป็น HTTP
แนวทางนี้เว็บที่เป็น HTTPS แต่ดึงเนื้อหาจาก HTTP จะไม่แสดงกุญแจสีเขียวแต่เป็นโลโก้รูปเอกสารพร้อมกับบอกว่าส่งข้อมูลผ่าน HTTPS ทางทีมงานเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้ผู้ใช้โดยทั่วไปไม่รู้สึกว่าเป็นการเตือนว่าอันตราย เป็นการสนับสนุนให้เว็บที่อาจจะยังปรับปรุงไปใช้ HTTPS ทั้งหมดไม่ได้ ตัดสินใจเปิด HTTPS ตลอดเวลาได้ง่ายขึ้น