ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ระบุว่ากำลังสนใจออกแบบชิปของตัวเอง หลังไม่สามารถหาชิปในท้องตลาดที่ตรงกับความต้องการของบริษัท ที่เน้นบริการด้านวิดีโอและความบันเทิง
แนวทางการออกแบบชิปเองของ ByteDance ไม่ใช่เรื่องใหม่ของบริษัทไอทีจากจีน ก่อนหน้านี้เราเห็นบริษัทรายอื่น เช่น Alibaba ออกแบบชิปเซิร์ฟเวอร์ Arm, RISC-V, ชิปประมวลผล AI ของตัวเอง, Tencent ทำชิปเองหลายตัว หรือ Baidu ก็มีเช่นกัน
มีรายงานว่า ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ได้เข้าซื้อกิจการเพิ่ม 2 บริษัท ด้านธุรกิจบันเทิงเพื่อนำมาต่อยอดกับบริการเดิมที่มีอยู่ รายละเอียดดังนี้
บริษัทแรกคือ Yingtuobang สตาร์ทอัพจำหน่ายบัตรเข้าชมภาพยนตร์และการแสดงในจีน โดย ByteDance จะช่วยในการใช้ Douyin (TikTok ในจีน) มาส่งเสริมการขาย ทำให้ครอบคลุมบริการ O2O มากขึ้น
อีกบริษัทคือ Yizhikan Comics ผู้ให้บริการมาร์เก็ตเพลสสำหรับซื้อขายเว็บตูนและอีคอมมิกของจีน ซึ่งดีลนี้ ByteDance ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงแผนงานในอนาคต
ที่มา: TechNode
Hurun Report รายงานการจัดอันดับสตาร์ทอัพยูนิคอร์น (มูลค่ากิจการมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์) โดย ByteDance ขึ้นมาเป็นยูนิคอร์นที่มีมูลค่ากิจการสูงที่สุดในโลก แทนที่ Ant Group ซึ่งตกลงไปอยู่อันดับที่ 2
มูลค่ากิจการ ByteDance ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม TikTok อยู่ที่ 3.5 แสนล้านดอลลาร์ ส่วน Ant Group ฟินเทคในเครือ Alibaba มีมูลค่ากิจการ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ อันดับ 3-5 ได้แก่ SpaceX (1 แสนล้านดอลลาร์), Stripe (9.5 หมื่นล้านดอลลาร์) และ Klarna (4.6 หมื่นล้านดอลลาร์) ตามลำดับ
TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่มีการเติบโตสูงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา จำนวนผู้ใช้งาน active ต่อเดือนมีมากกว่า 1 พันล้านบัญชีแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นรองเพียง Facebook เท่านั้น
มีรายงานว่า ByteDance เตรียมแยกธุรกิจแพลตฟอร์มอสังหาริมทรัพย์ Xingfuli ออกมา โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนเจรจาหาผู้ลงทุน รวมทั้งแผนการดำเนินงานบริษัทนี้ที่เป็นอิสระจาก ByteDance เอง
Xingfuli ก่อตั้งในปี 2018 ในฐานะธุรกิจหนึ่งในเครือ ByteDance โดยเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ทั้งมือหนึ่ง โดยร่วมมือกับผู้พัฒนาโครงการ และมือสอง ซึ่งร่วมมือกับบริษัทนายหน้า
รายงานบอกว่า ByteDance ต้องการปรับโครงสร้างธุรกิจในเครือ โดยเน้นไปที่ออนไลน์เป็นหลัก ซึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พึ่งพากิจกรรมในออฟไลน์สูง ซึ่งไม่ตรงกับธุรกิจหลักของบริษัท
ที่มา: Pandaily
ByteDance เจ้าของแอป TikTok ที่ถูกแบนในอินเดีย และปลดคนไปเป็นจำนวนมาก แต่ก็ยังแอบเปิดแอปการศึกษา SnapSolve ช่วยแก้โจทย์คณิตศาสตร์ด้วยการถ่ายภาพแล้วอัพโหลด กับแอปฟังเพลงสตรีมมิ่ง Resso อยู่ แต่ล่าสุด ดูเหมือนว่า ByteDance จะถอดใจกับแอปการศึกษาแล้วด้วยเช่นกัน
เว็บไซต์ TechCrunch รายงานว่า ByteDance สั่งปิดธุรกิจเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) ในอินเดียแล้ว โดยเพิ่งแจ้งกับทีมในท้องถิ่นในวันนี้
วัฒนธรรมการทำงานหนักในวงการเทคโนโลยีจีนหรือ 996 (ทำงานตั้งแต่ 9.00 – 21.00 น. 12 ชั่วโมงต่อวัน และ 6 วันต่อสัปดาห์) กำลังถูกตั้งคำถามเรื่องสิทธิแรงงาน หนึ่งในประเด็นที่รัฐบาลพยายามควบคุมบริษัทเทคโนโลยีจีน มีเรื่องการทำงานหนักนี้ด้วย
ล่าสุด ByteDance เจ้าของแอป TikTok เริ่มกำหนดนโยบาย ห้ามพนักงานทำงานเกินวันละ 9 ชั่วโมง และหากต้องทำงานล่วงเวลา ต้องขออนุญาตล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งวัน และจะได้รับค่าชดเชยสูงสุดสามเท่าของค่าจ้างปกติสำหรับการทำงานล่วงเวลาโดย ByteDance ถือเป็นบริษัทเทคโนโลยีจีนรายแรกๆ ที่ออกมาประกาศนโยบายลดเวลาการทำงาน
มีรายงานว่า ByteDance เจ้าของ TikTok กำลังทดสอบแอปแยก ที่เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำหรับขายสินค้าส่งออกจากผู้ผลิตในจีน โดยเตรียมเปิดตัวในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งรูปแบบของแพลตฟอร์มจะคล้ายกับ AliExpress ของ Alibaba
ก่อนหน้านี้ผู้บริหารของ ByteDance เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่ต้องการใส่ฟีเจอร์อีคอมเมิร์ซเข้าไปในแอป Douyin หรือ TikTok เวอร์ชันจีนโดยตรง แต่มองว่าน่าจะทำแอปแยกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ByteDance ได้พัฒนาโครงการริเริ่มธุรกิจใหม่ในชื่อ Magellan XYZ โดยมองไปที่สามโอกาสคือ อีคอมเมิร์ซที่เน้นการส่งออกสินค้าจากจีนไปต่างประเทศ, บริการสำหรับลูกค้าองค์กร และอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สำนักงาน
ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok เพิ่ม youth mode จำกัดเวลาเล่น TikTok หรือเวอร์ชันในจีนเรียกว่า Douyin โดยเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี สามารถเล่น Douyin ได้เพียงวันละ 40 นาทีเท่านั้น เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลจีนในการพยายามควบคุมเยาวชนไม่ให้เสพติดกับการเล่นเกมและโซเชียลมีเดียมากเกินไป
กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศในประเทศจีน (MIIT) สั่งบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการแอปพลิเคชันและเว็บไซต์รายใหญ่ในจีนอย่าง Alibaba, Tencent ห้ามบล็อกลิงค์ของบริการคู่แข่ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการแข่งขัน แลละบอกด้วยว่าหากฝ่าฝืนจะต้องเผชิญกับผลที่ตามมา แต่ยังไม่บอกว่ามาตรการลงโทษคืออะไร
ByteDance ประกาศซื้อกิจการ Pico สตาร์ทอัพผู้พัฒนาอุปกรณ์เฮดเซต VR อย่างเป็นทางการแล้ว ตามที่มีข่าวลือออกมาก่อนหน้านี้ โดยดีลดังกล่าวไม่มีการเปิดเผยมูลค่า Bytedance บอกว่าเทคโนโลยีของ Pico นั้นมีครบทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ทีมงานก็มีประสบการณ์เชิงลึกในด้าน VR
โฆษกของ Bytedance ซึ่งเป็นเจ้าของแอป TikTok ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า บริษัทมีมุมมองที่ดีกับอนาคตของ VR และเทคโนโลยีนี้ก็สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท
ข้อมูลจาก IDC ระบุว่า Pico เป็นผู้ผลิตเฮดเซต VR ที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 3 ของโลก จำนวนส่งมอบในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 44.7%
Bloomberg รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่เกี่ยวข้อง ว่า Bytedance บริษัทเจ้าของแอป TikTok กำลังอยู่ในขั้นตอนหารือเพื่อซื้อกิจการ Pico ผู้ผลิตเฮดเซต VR จากจีน เพื่อนำมาเสริมการเติบโตของธุรกิจ
Pico เป็นบริษัทจากเมืองปักกิ่ง มีพนักงานอยู่ราว 300 คน มี 110 สิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี VR บริษัทจัดจำหน่ายเฮดเซต VR โดยมีช่องทางออฟไลน์ครอบคลุมมากกว่า 40 เมืองทั่วทุกทวีป
แหล่งระบุว่าการเจรจายังไม่มีข้อสรุป แต่ข่าวนี้ช่วยสะท้อนว่า VR กำลังเป็นที่สนใจจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่มากขึ้น ก่อนหน้านี้ Facebook ก็ซื้อกิจการ Oculus ไป ขณะที่แอปเปิลก็มีข่าวจะผลักดัน VR อยู่ตลอด
รัฐบาลจีนเข้าถือหุ้นใน ByteDance ผู้สร้าง TikTok และยังนั่งเป็นส่วนหนึ่งของบอร์ดบริหารด้วย ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าว่า รัฐบาลจะส่งอิทธิพลอย่างไรใน ByteDance รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีจีนรายอื่น จากเดิมที่มีกฎหมายแบนเนื้อหาเป็นภัยต่อรัฐบาลจีน และเริ่มกดดันหนักขึ้นในการผูกขาดอีคอมเมิร์ซและเกม
จากประเด็นรัฐบาลจีนออกคำสั่งให้ธุรกิจการศึกษาแบบกวดวิชาที่เป็นวิชาหลักในหลักสูตรการศึกษา ต้องจดทะเบียนเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร กระทบบริษัท EdTech เต็มๆ ล่าสุด Reuters รายงานว่า ByteDance บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ของจีนเข้าของ TikTok มีแผนจะเลิกจ้างพนักงานในธุรกิจการศึกษา และยุบทีมปฏิบัติการด้านการศึกษาบางส่วน
เป็นอีกความพยายามร่วมกันของบริษัทเทคโนโลยีจีน ที่จะติดตามข้อมูลผู้ใช้งาน iPhone เพื่อทำการโฆษณาเจาะกลุ่มได้ แต่ก็ต้องล้มเหลว โดย Financial Time รายงานว่า Baidu, Tencent และ TikTok ของ ByteDance ทำงานร่วมกับบริษัทสองแห่งในปักกิ่งเพื่อพัฒนาวิธีการใหม่ในการติดตาม iPhone สำหรับทำโฆษณาที่เรียกว่า CAID สามารถติดตามผู้ใช้ได้ แม้ผู้ใช้งานจะตั้งค่าปฏิเสธไม่ให้เข้าถึง Advertising Identifier (IDFA)
ทางบริษัทจีนพยายามทดสอบระบบมาตั้งแต่เดือนมีนาคม และความเคลื่อนไหวล่าสุดคือ แอปเปิลปฏิเสธการอัปเดตแอปจีนใน App Store หลายแอป ที่ตรวจพบว่ามีระบบ CAID
ByteDance เจ้าของแอป TikTok เปิดตัวบริการใหม่ Volcano Engine เป็นเครื่องมือที่นำอัลกอริทึมมาคัดเลือกเนื้อหาแนะนำเฉพาะบุคคล สำหรับให้ลูกค้าองค์กรนำใช้งานปรับแต่งเอง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ ByteDance มีผลิตภัณฑ์ที่เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรโดยเฉพาะ
อัลกอริทึมในการคัดเลือกเนื้อหามาแสดงของ Bytedance นั้น เชื่อว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญของความสำเร็จแอป TikTok ในระดับโลก เช่นเดียวกับที่เทคโนโลยีนี้ถูกใช้ในแอป Douyin หรือ TikTok จีน และแอปอ่านข่าวยอดนิยมในจีน Toutiao
ByteDance ระบุว่า Volcano Engine เริ่มนำมาใช้งานแล้วกับลูกค้าองค์กรบางรายมากกว่าหนึ่งปี อาทิเช่น อีคอมเมิร์ซ JD.com, สมาร์ทโฟน Vivo และรถยนต์ Geely
Zhang Yiming ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง ByteDance บริษัทเจ้าของแอป TikTok ประกาศว่าจะลงจากตำแหน่งซีอีโอกำหนดสิ้นปี 2021 นี้ โดยจะเปลี่ยนบทบาทมาดูแลกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัท วัฒนธรรมองค์กร และงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม CSR ซึ่งเขาเป็นซีอีโอ ByteDance ตั้งแต่บริษัทก่อตั้งเมื่อปี 2012
ซีอีโอคนใหม่ที่จะขึ้นมาแทนคือ Liang Rubo ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ByteDance ด้วยเช่นกัน Liang เป็นเพื่อนกับ Zhang ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย โดยปัจจุบันเขามีตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคล ทั้งคู่จะทำงานร่วมกันเป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นการส่งมอบงาน
ByteDance ยืนยันข่าวการซื้อบริษัทเกมจีน Moonton Technology ผู้สร้างเกมแนว MOBA บนมือถือ Mobile Legends โดยไม่เปิดเผยมูลค่า (ลือกันว่าสูงถึง 4 พันล้านดอลลาร์)
Reuters ยังระบุว่าการซื้อ Moonton ครั้งนี้เป็นการแย่งกันระหว่าง ByteDance และ Tencent แต่สุดท้ายแล้ว ByteDance ให้ข้อเสนอดีกว่า จึงได้ Moonton ไปครอบครอง แม้ว่าผู้ก่อตั้ง Moonton เคยเป็นอดีตพนักงาน Tencent ที่ลาออกมาเปิดบริษัทเกมก็ตาม
การที่ ByteDance เป็นเจ้าของเกม Mobile Legends ทำให้ตอนนี้กลายมาเป็นคู่แข่งในตลาดเกม MOBA กับ Tencent (ที่เป็นเจ้าของทั้ง Honor of Kings/ROV และ League of Legends) โดยตรงแล้ว
REUTERS รายงานจากแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า ByteDance เจ้าของ TikTok กำลังพัฒนาแอปแนว Clubhouse ใช้งานในประเทศจีน หลังจีนบล็อก Clubhouse ไปแล้วเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยตอนนี้ยังอยู่ในขั้นแรกๆ ของการพัฒนาแอป
จนถึงตอนนี้ก็มีแอปคล้ายกันผุดขึ้นมาในจีนมากมาย ซึ่ง Clubhouse ได้รับความนิยมในจีนมากเช่นเดียวกับที่อื่น ประเด็นที่นิยมพูดคุยคือชาวอุยกูร์ ประเด็นฮ่องกง เป็นต้น
เรียกได้ว่าตามล้างตามเช็ดทุกอย่างหลัง Joe Biden เข้ามารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่แล้ว (แค่วันแรกก็เซ็นคำสั่งมากที่สุดที่เคยมีมา 17 ฉบับ เพื่อยกเลิกนโยบาย Trump)
และล่าสุดก็เป็นคิวของ TikTok ที่ตอนนี้กระบวนการแบนจากคำสั่งของ Trump อยู่ในชั้นศาล ซึ่งกระทรวงยุติธรรมก็ยื่นเรื่องไปยังศาลขอให้ระงับกระบวนการพิจารณาก่อน เพราะรัฐบาลจะกลับมาทบทวนดูอีกครั้งว่า TikTok เป็นภัยต่อความมั่นคงจนควรถูกสั่งแบนจริงหรือไม่
นอกจากคำสั่งแบนที่ถูกระงับแล้ว รัฐบาล Joe Biden ยังระงับคำสั่งที่บีบให้ TikTok สหรัฐต้องขายให้กับบริษัทสหรัฐด้วย
ยักษ์ใหญ่วงการอินเทอร์เน็ตจีนเปิดศึกกันเอง เมื่อบริการวิดีโอสั้น Douyin (ชื่อจีนของ TikTok) ในเครือ ByteDance ยื่นฟ้อง Tencent ต่อศาลปักกิ่งในข้อหาผูกขาด
เหตุผลเป็นเพราะ Tencent ปิดกั้นไม่ให้ผู้ใช้ WeChat และ QQ สามารถแชร์เนื้อหาจาก Douyin ได้ ทำให้ ByteDance ยื่นฟ้องต่อศาลว่า Tencent ผูกขาด ขอให้ศาลสั่งห้ามการกระทำลักษณะนี้ และเรียกค่าเสียหาย 90 ล้านหยวน (ประมาณ 420 ล้านบาท)
ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ยืนยันข่าวการปลดพนักงานเกือบทั้งหมดในอินเดียแล้ว หลังรัฐบาลอินเดียตัดสินใจแบน TikTok และแอพจีนอีก 58 ตัวเป็นการถาวร
ByteDance มีพนักงานในอินเดียประมาณ 2,000 คน แจ้งข่าวการแบนถาวรต่อพนักงาน และบอกว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปลดคน โดยจะเหลือเฉพาะตำแหน่งที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น (ไม่ระบุจำนวนแน่ชัด แต่ TechCrunch ประเมินว่าปลดออกราว 2/3)
อินเดียถือเป็นตลาดใหญ่อันดับสองของ TikTok รองจากจีน โดยมีผู้ใช้งานต่อเดือนสูงถึง 200 ล้านคน
ที่มา - TechCrunch, ภาพจาก ByteDance
ByteDance บริษัทแม่ TikTok เคยเปิดตัวมือถือภายใต้แบรนด์ Smartisan ซึ่ง Luo Yonghao ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Smartisan เคยคาดหวังสูงว่าสักวันจะขายได้ชนะ Apple
แต่ล่าสุด ByteDance ระงับแผนการพัฒนามือถือ Smartisan ไปก่อน แล้วหันไปโฟกัสฮาร์ดแวร์เพื่อการศึกษาภายใต้แบรนด์ Dali Education แทน โฆษกบริษัทบอกว่า ผู้ใช้งาน Smartisan จะไม่ได้รับผลกระทบ ทางบริษัทจะพัฒนาเพื่อคงคุณภาพของ Smartisan OS ต่อไป
Douyin หรือ TikTok เวอร์ชั่นเปิดบริการในประเทศจีน เปิดตัว Douyin Pay หรือในชื่อภาษาจีนว่า Douyin Zhifu อีวอลเลตของตัวเอง ท้าทายรายใหญ่ที่ครองตลาดมานานอย่าง WeChat Pay และ Alipay
ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok เปิดตัวสินค้าในกลุ่มฮาร์ดแวร์ตัวแรกของบริษัท ภายใต้แบรนด์ Dali Education เพื่อเจาะตลาดการศึกษา ซึ่งสินค้าแรกคือโคมไฟอัจฉริยะ Dali Smart Tutoring Lamp T5
โคมไฟ Dali Smart Tutoring Lamp T5 ออกแบบโดยให้แสงสว่างเวลาเด็กนั่งทำการบ้านที่เหมาะสม โดยประเมินตามสภาพแสงแวดล้อม ส่วนฟีเจอร์ที่เพิ่มความล้ำคือหน้าจอและกล้อง ที่ผู้ปกครองสามารถติดตามรวมทั้งพูดคุยการทำการบ้านได้ผ่านแอป นอกจากนี้หน้าจอสัมผัสยังรองรับการค้นหาความหมายคำศัพท์ และมีเครื่องคิดเลขช่วยคำนวณในตัว
ราคาขายในจีน 799 หยวน หรือประมาณ 3,700 บาท (รายละเอียดเพิ่มเติม)
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบ ดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์สื่อว่าเขาอนุมัติ "ในหลักการ" ของข้อเสนอเรื่อง TikTok กับ Oracle แต่ล่าสุดเกิดเปลี่ยนใจ เพราะภายใต้ข้อเสนอดังกล่าว ByteDance ยังคงถือหุ้น 80% ที่เหลือเป็น Oracle และ Walmart ซึ่งในความเห็นของทรัมป์ ByteDance ยังมีอำนาจควบคุมสูง เขาจึงจะไม่อนุมัติข้อตกลง เว้นแต่ ByteDance จะขายหุ้นทั้งหมด