กระแสความตื่นตัวของ Bitcoin และเงินคริปโตตั้งแต่ช่วงปลายปี 2017 มาจนถึงต้นปี 2018 และมีสถาบันการเงินหลายแห่งทั่วโลกที่ "ทดลอง" นำเงินคริปโตไปใช้งานในแง่มุมต่างๆ
แต่เมื่อปี 2018 ใกล้สิ้นสุดลง กระแสเงินคริปโตซบเซาลงไปมาก การทดลองเหล่าก็ไม่บังเกิดผลสักเท่าไร และมีธนาคารหลายแห่งเริ่มชะลอหรือยกเลิกโครงการด้านคริปโตแล้ว
ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Goldman Sachs วาณิชธนกิจรายใหญ่ของโลก และเป็นรายแรกๆ ที่หันมาจับด้านการลงทุนในเงินคริปโต ก็พับแผนบริการด้านเทรดเงินคริปโตลงไป และการนำ Bitcoin มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ Non-Deliverable Forward (NDF) ก็มีลูกค้าเพียง 20 รายเท่านั้น
มีรายงานว่า Facebook กำลังพัฒนาเหรียญคริปโตขึ้นมาเอง เพื่อใช้สำหรับการโอนเงินหากันบน WhatsApp โดยเหรียญดังกล่าวเป็นเหรียญแบบมูลค่าคงตัว (Stablecoin) ที่มีมูลค่าเท่ากับค่าเงินสกุลหนึ่งเสมอ ซึ่งโครงการนี้คาดจะนำไปใช้ในอินเดีย ซึ่งเป็นฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่ของ WhatsApp
ปัจจุบัน Facebook มีหน่วยงานที่รับผิดชอบเทคโนโลยี Blockchain โดยเฉพาะ ซึ่ง David Marcus อดีตหัวหน้าทีม Messenger เป็นผู้รับผิดชอบ
อย่างไรก็ตามตัวแทนของ Facebook ให้ความเห็นกับข่าวนี้ว่าบริษัทได้ศึกษาการนำ Blockchain มาใช้งานอยู่แล้ว ซึ่งก็เหมือนกับบริษัทอื่น ๆ จึงไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมในขณะนี้
จากข่าวก่อนหน้านี้ Opera เริ่มทดสอบฟีเจอร์ Crypto Wallet บนเบราว์เซอร์ Opera Android ล่าสุดฟีเจอร์นี้ถูกผนวกเข้ามาใน Opera for Android รุ่นล่าสุดแล้ว
Opera เรียกฟีเจอร์นี้ว่า Web 3 เพื่อแสดงให้เห็นว่าเงินคริปโตและบล็อคเชนเป็นอนาคตของเว็บยุคถัดไป (!) ส่วนในแง่การใช้งานจะมีเมนู Crypto Wallet เพื่อเข้ามาจากในตัวเบราว์เซอร์เลย ผู้ใช้สามารถรับเงิน โอนเงิน หรือจ่ายซื้อสินค้าเป็นเงินคริปโตตระกูลต่างๆ เช่น Ethereum ได้
Opera บอกว่า Web 3 ยังต้องผ่านอุปสรรคอีกมากกว่าจะใช้งานได้จริง จึงพยายามทำให้กระบวนการใช้งานง่ายที่สุด ราบรื่นที่สุดจากตัวเบราว์เซอร์เลย
Binance ตลาดซื้อขายสกุลเงินคริปโตประกาศเปิดตัวแพลตฟอร์มเพื่อการศึกษาใหม่ โดยมุ่งเน้นที่การศึกษาเกี่ยวกับ blockchain และสกุลเงินคริปโตโดยเฉพาะในชื่อว่า Binance Academy เข้าผ่านหน้าเว็บได้ทาง binance.vision
สำหรับ Binance Academy นั้นจะมีบทเรียนให้ถึง 15 ภาษา แบ่งเป็น 4 หมวดหลัก ๆ คือ blokchain, ระบบเศรษฐกิจ, ความปลอดภัย และวิธีใช้งาน พร้อมทั้งส่วน glossary สำหรับรวบรวมคำศัพท์ที่ใช้ในวงการ และหน้าสำหรับส่งคำเสนอเนื้อหาที่ควรมีในอนาคต
วันนี้ค่าเงินคริปโต Ethereum ตกลงมาเหลือเพียง 97 ดอลลาร์ต่อ ETH ต่ำที่สุดในรอบ 18 เดือน หลังจากราคาทะยานขึ้นเกิน 100 ดอลลาร์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2017
Ethereum เป็นบล็อคเชนหลักตัวแรกที่นำเสนอแนวคิด smart contract หรือสัญญาที่ต้องดำเนินการตรงกันทุกคนบนบล็อคเชน แม้จะมีความหวังว่า smart contract จะสามารถนำไปใช้งานในรูปแบบต่างๆ เช่น ประกันภัย, หรือการให้กู้เงิน แต่ในช่วงปีที่ผ่านมาก็ไม่มีความสำเร็จอื่นนอกจากการออกเงินตราสกุลอื่นๆ ที่กลายเป็นวงการ ICO
ช่วงเที่ยงคืนตามเวลาในไทยที่ผ่านมา ราคา Bitcoin ได้ปรับลดลงต่ำกว่า 4,000 ดอลลาร์ ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ Bitcoin อยู่ในช่วงราคานี้คือเดือนกันยายนปี 2017 ราคาล่าสุด ณ ขณะนี้อยู่ที่ 3,780.82 ดอลลาร์ และถือเป็นการปรับลดลงมาเกือบ 80% จากจุดสูงสุด
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Bitcoin ก็เพิ่งราคาต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์ และการปรับตัวลงของ Bitcoin ครั้งนี้ยังส่งผลต่อเงินคริปโตสกุลอื่นมีราคาปรับลดลงสูงด้วย ทั้ง XRP, ETH และ BCH
LINE เป็นบริษัทที่แสดงท่าทีสนใจนำเงินคริปโตและบล็อคเชนมาใช้งานได้สักระยะ จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นราวต้นปีนี้ โดย LINE สนใจนำเงินคริปโตมาใช้กับ LINE Pay ตามด้วยการเปิดตลาดค้าเงินคริปโต BITBOX เมื่อกลางปี และสกุลเงินดิจิทัลชื่อ LINK ในระยะต่อมา
ในงานสัมมนา LINE Developer Day 2018 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางผู้บริหารของ LINE ก็เผยรายละเอียดของแพลตฟอร์มเงินดิจิทัลอย่างละเอียด โดยใช้ชื่อว่า LINK Chain
เมื่อคืนที่ผ่านมาราคาบิตคอยน์ตกลงต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์ นับว่าต่ำสุดในรอบ 13 เดือน และตกลงมาเหลือมูลค่าเพียง 1 ใน 4 ของจุดสูงสุดเมื่อปลายปี 2017 โดยบทวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence ระบุว่านี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น และราคาจะลงไปได้อีกจนถึง 1,500 ดอลลาร์เท่านั้น
ในบรรดาเงินคริปโต Bitcoin Cash (BCH) ดูจะมีปัญหาหนักที่สุดจากความพยายามเสนอให้ปรับปรุงโปรโตคอลที่แบ่งออกเป็นถึงสามกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคือ Bitcoin SV เสนอให้ขยายขนาดบล็อคเป็น 128MB ขณะที่กลุ่ม Bitcoin ABC ไม่เห็นด้วย จนสองกลุ่มกลายเป็นแตกสาย BCHSV และ BCHABC ขณะที่ตัว BCH นั้นราคาตกอย่างหนัก เหลือเพียง 228 ดอลลาร์เท่านั้น
ที่งาน Fintech Challenge 2018 โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. คุณรพี สุจริตกุล เลขาธิการ ขึ้นกล่าวเปิดงาน โดยพูดถึงตลาด ICO และเงินคริปโต ว่าได้ผ่านจุดที่ "เห่อแบบบ้าระห่ำ" ไปเรียบร้อยแล้ว โดยเป็นไปตามกระบวนการที่ตลาดจะพัฒนาไป
คุณรพีระบุว่าอีกมุมมองสุดโต่งสองด้าน ที่ด้านหนึ่งต่อต้านว่าสินทรัพย์คริปโต ว่าเป็นแหล่งการโกง น่าเกลียดน่ากลัว กับอีกด้านที่คิดว่ามันจะมาแทนที่ตลาดไปทั้งหมด นั้นหายไปเยอะแล้ว และเข้ามาอยู่ตรงกลางมากขึ้น โดยเป็นวิวัฒนาการของตัวตลาดเอง ขณะที่ตลาดก็ยังต้องเรียนรู้อีกมาก
ในแง่ของการกำกับดูแล เขาระบุว่าก.ล.ต. เป็นประเทศแรกของโลกที่ได้รับหน้าที่ให้กำกับดูแลในส่วนนี้ ที่ต้องสร้างสมดุลให้ทั้งการกำกับดูแลและการสนับสนุน
Vertex Ventures กองทุนที่เน้นลงทุนในธุรกิจใหม่ ซึ่งอยู่ในเครือกองทุนเทมาเส็กของสิงคโปร์ ประกาศเข้าลงทุนใน Binance ตลาดซื้อขายเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยแผนการลงทุนนี้เพื่อนำตลาด Binance มาเปิดให้บริการในสิงคโปร์
มูลค่าการลงทุนนี้ไม่มีการเปิดเผย แต่ในแถลงการณ์ Vertex Ventures ระบุว่า นอกจากตลาดสิงคโปร์แล้ว ยังมีเปิด Binance ในประเทศภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย รวมทั้งเป็นการให้บริการซื้อขายแบบ Fiat-to-Cryptocurrency (ซื้อขายสกุลเงินกระดาษ กับเงินดิจิทัล)
Binance เป็นตลาดกลางซื้อขายเงินดิจิทัลที่เพิ่งเริ่มให้บริการเมื่อกลางปี 2017 จดทะเบียนบริษัทในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีรายได้จากการคิดค่าธรรมเนียมซื้อขาย 0.1% รวมทั้งมีการออกเหรียญไอซีโอ Binance Coin (BNB) ด้วย
บทความล่าสุดจากสำนักข่าวรอยเตอร์แสดงให้เห็นปัญหาอีกด้านของเงินคริปโต ที่มีการก่ออาชญากรรมในระบบมากขึ้นเรื่อยๆ แต่กลับมีอัตราการดำเนินคดีน้อย โดยตัวเลขล่าสุดคาดว่าครึ่งปีแรกของปี 2018 นี้มีการขโมยเงินคริปโตรวม 800 ล้านดอลลาร์หรือ 26,000 ล้านบาท และคาดว่าผู้เสียหายถึง 85% ไม่ได้แจ้งความ
บริษัทวิจัย Autonomous Next and Crypto Aware สัมภาษณ์เหยื่อขโมยเงินคริปโต 6 คน และพบว่ามีเพียง 2 รายเท่านั้นที่แจ้งความ
บริษัทวิจัย Juniper Research ออกรายงานถึงสภาพตลาดเงินคริปโตที่อนาคตเริ่มไม่สดใส
ในแง่ของราคาเงินคริปโตเป็นที่รู้กันดีว่า มูลค่าพุ่งสูงสุดในช่วงปลายปี 2017 และตกลงมาโดยตลอดในปี 2018 แต่หลายคนอาจมองว่าเป็นการลดลงตามธรรมชาติหลังภาวะเก็งกำไร/ฟองสบู่อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของปริมาณธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริง สถิติที่ Juniper เก็บความเคลื่อนไหวของสกุลเงินหลักทั้ง Bitcoin และ Ethereum ก็พบว่าลดลงอย่างมากเช่นกัน
ถึงแม้สถานการณ์ตลาดเงินคริปโตอาจจะผันผวนสักหน่อยช่วงนี้ แต่ธุรกิจต้นน้ำอย่างเหมืองขุดเงินก็ยังทำเงินได้ดี โดยล่าสุด Bitmain บริษัทเหมืองขุดเงินคริปโตรายใหญ่ของจีน และผู้จำหน่ายอุปกรณ์ขุด Antminer ได้ยื่นเอกสารไฟลิ่งเพื่อเตรียมไอพีโอเข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงแล้ว
รายได้หลักของ Bitmain มาจากการจำหน่ายฮาร์ดแวร์ชุด Antminer ซึ่งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาคิดเป็นรายได้ 94% ของรายได้รวมทั้งหมด ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานก็เติบโตสูงมาก ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,068.9 ล้านดอลลาร์ เพิ่มจาก 6 เดือนในปี 2017 ซึ่งอยู่ที่ 99.0 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 742.7 ล้านดอลลาร์
กูเกิลปรับนโยบายการโฆษณาบริการค้าเงินคริปโต โดยผ่อนปรนให้สามารถโฆษณาได้ในประเทศที่มีการกำกับดูแล โดยเจาะจงสหรัฐฯ และญี่ปุ่นเท่านั้น โดยผู้โฆษณาต้องยื่นเอกสารยืนยันว่าได้รับอนุญาตในประเทศที่ต้องการโฆษณา หลังจากที่แบนโฆษณาเหล่านั้นไปทั้งหมดตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
นโยบายใหม่นี้จะมีผลเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ส่วนผู้ลงโฆษณาก็ต้องรอนโยบายใหม่มีผลเสียก่อน จึงเริ่มยื่นคำขอลงโฆษณาได้ ดังนั้นหลังเริ่มนโยบายใหม่คงต้องรอสักพักหนึ่งเราจึงเห็นโฆษณาบริการเงินคริปโตอีกครั้งในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น
Zaif ตลาดค้าเงินคริปโตในโอซาก้าถูกแฮก ได้เงินคริปโตทั้ง Bitcoin, Monacoin, และ Bitcoin Cash รวมมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณสองพันล้านบาท ในจำนวนนี้ 19.6 ล้านดอลลาร์เป็นเงินของบริษัทเอง ที่เหลือเป็นเงินของลูกค้า
การตรวจสอบล่าสุดยอดเงินยังไม่ชัดเจนนักว่าความเสียหายแต่ละสกุลเป็นเท่าใด ยกเว้น Bitcoin ที่ชัดเจนว่าสูญหายไป 5,966 BTC
ญี่ปุ่นพยายามเพิ่มความปลอดภัยในตลาดค้าเงินคริปโต การวางมาตรการครบหนึ่งปี ตั้งแต่ช่วงก่อนตลาดบูมมากๆ ช่วงปลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตลาดค้าเงินคริปโตทั้งในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็ยังเป็นเป้าหมายสำคัญของแฮกเกอร์
ตอนนี้บริษัทกำลังหาเงินคริปโตกลับมาคืนลูกค้าด้วยการเจรจาซื้อจากบริษัทอื่น
นี่คงเป็นโอกาสทองสำหรับนักลงทุนทั่วโลก ที่จะได้ซื้อเงินคริปโตในราคาถูกกว่าเดิมมาก เพราะราคาเงินคริปโตร่วงหนักมากในช่วงหลัง ถือเป็นจังหวะช้อนซื้อในช่วงที่ต้นทุนต่ำเพื่ออัตรากำไรที่ดีกว่าในอนาคต
ถ้าคิดมูลค่ารวมของตลาดคริปโตในสัปดาห์ที่ผ่านมา เหลือเพียง 2 แสนล้านดอลลาร์ หดหายไปจากมูลค่าสูงสุดในช่วงเดือนมกราคม 2018 ที่ราว 8.32 แสนล้านดอลลาร์ถึง 76% (ถ้าคิดจากดัชนี 10 สกุลเงินยอดนิยม มูลค่าหายไป 80%)
เงินที่มูลค่าตกลงมากที่สุดคือ Ethereum ที่ตกลงไปอยู่ที่ 171 ดอลลาร์ (ขณะเขียนข่าวดีดตัวขึ้นมาอยู่ที่ 187 ดอลลาร์) ส่วนราคา Bitcoin ตกลง 68% นับจากจุดพีคในเดือนธันวาคม 2017
Ethereum นับเป็นเงินคริปโตที่คนรู้จักกันเป็นอันดับสองรองจากบิตคอยน์ เพราะความสามารถในการทำ smart contract เพื่อสร้างข้อตกลงกลางระหว่างกันได้ ช่วงที่ราคาบิตคอยน์ราคาเริ่มตกเมื่อต้นปี Ethereum ยังสามารถทำราคาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนสูงสุดที่เกือบ 1,250 ดอลลาร์ต่อ ETH แต่ราคาล่าสุดของ Ethereum กลับตกลงเรื่อยๆ จนต่ำสุดในรอบปีไปเรียบร้อยแล้ว
LINE เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลของตนเองชื่อว่า LINK โดยจะเริ่มซื้อขายได้ในเดือนกันยายนนี้ เฉพาะบนแพลตฟอร์มตลาดซื้อขายเงินคริปโต BITBOX ซึ่งเป็นไปตามแผนที่ LINE เคยประกาศไว้ในงาน LINE Conference 2018 ที่ผ่านมา
กลไกของเหรียญเงินดิจิทัล LINK นั้นจะนำมาใช้เป็นของรางวัลตอบแทนให้กับผู้ใช้บริการต่าง ๆ ภายในระบบ LINE ขณะเดียวกันผู้ที่ถือเหรียญ LINK ก็สามารถนำเงินดิจิทัลไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลอื่นได้บน BITBOX หรือสินค้าภายในบริการเครือ LINE ได้
ทางการจีนมีท่าทีเป็นศัตรูต่อธุรกิจเงินคริปโตอย่างหนักตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เริ่มจากการระดมทุน ICO, เหมืองขุดเงินคริปโต, ตลาดซื้อขายคริปโต, และแบนการเข้าถึงตลาดต่างประเทศ ตอนนี้ผ่านมาค่อนปีทางการจีนยังคงกระชับพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ด้วยการไล่แบนเว็บบอร์ดต่างๆ
เว็บบอร์ดหรือ Post Bar ของ Baidu ในจีนเริ่มปิดห้องที่เกี่ยวกับเงินคริปโต เช่น "Digital Currency Bar" หรือ "Virtual Currency Bar" โดยระบุว่าปิดชั่วคราวเนื่องจากเหตุผลทางกฎหมาย
Michael Terpin นักลงทุนด้านโทเค็นคริปโต และผู้ก่อตั้ง Transform Group บริษัทประชาสัมพันธ์ให้กับกลุ่ม ICO ต่างๆ ได้ยื่นฟ้อง AT&T ผู้ให้บริการโทรศัพท์ในสหรัฐฯ ที่ออกซิมใหม่ให้คนร้าย จนทำให้คนร้ายสามารถเข้าถึงบัญชีเงินคริปโตของเขาและขโมยโทเค็นออกไปได้มูลค่า 23.8 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 800 ล้านบาท
คำฟ้องของ Terpin ระบุว่าเขาถูกขโมยหมายเลขโทรศัพท์ด้วยการออกซิมใหม่ถึงสองครั้งในระยะเวลาเพียง 7 เดือน โดยระบุว่าต้องมีพนักงานภายในรู้เห็นเพราะสามารถออกซิมใหม่ได้โดยไม่ตรวจบัตรประจำตัวหรือให้รหัสผ่านที่ถูกต้อง โดยเรียกค่าเสียหายจากการขโมย 23.8 ล้านดอลลาร์ และอีก 200 ล้านดอลลาร์สำหรับการลงโทษที่ AT&T ละเลยหน้าที่
Cash App บริการจ่ายเงินผ่านมือถือของ Square (ที่มีซีอีโอคนเดียวกับ Twitter คือ Jack Dorsey) ประกาศว่าตอนนี้รองรับการให้บริการ ซื้อและขาย Bitcoin ครบทั้ง 50 รัฐในอเมริกาสำหรับผู้ใช้งานทุกคนแล้ว หลังจากที่เคยเริ่มทดสอบการให้บริการเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ก่อนหน้าซีอีโอ Jack Dorsey เคยให้สัมภาษณ์มองว่าบล็อกเชนจะเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญมาก และเขาก็สนใจที่เพิ่มฟีเจอร์ซื้อขาย Bitcoin มานานแล้ว เนื่องจากมีผู้สอบถามเขาจำนวนมาก
Ethereum (ETH) เงินคริปโตที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองจาก Bitcoin ราคาตกอย่างหนักในช่วงสองวันที่ผ่านมา ลงไปต่ำสุดในช่วง 257 ดอลลาร์ต่อ ETH หรือประมาณ 1 ใน 5 ของช่วงต้นปีผ่านมา ที่ราคาเคยสูงกว่า 1,300 ดอลลาร์ต่อ ETH
Ethereum เป็นต้นกำเนิดของแนวคิด smart contract ที่ทำให้การออกโทเค็นบนระบบเงินคริปโตทำได้โดยง่าย แม้ทุกวันนี้การระดมทุน ICO จะมีการใช้แพลตฟอร์มอื่นบ้าง แต่ Ethereum ก็ยังได้รับความนิยมสูง อย่างไรก็ดี การที่ราคามันแกว่งมาก็ทำให้เป็นสกุลเงินที่ไม่เหมาะต่อการระดมทุนนัก
Intercontinental Exchange หรือ ICE บริษัทเจ้าของ NYSE ประกาศเปิดตัวบริษัทใหม่ Bakkt เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขาย, เก็บ และใช้จ่ายสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างเช่นบิตคอยน์ ตามข่าวลือก่อนหน้า
แพลตฟอร์มของ Bakkt จะใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์ของ Microsoft ซึ่งเป้าหมายของการพัฒนาแพลตฟอร์ม Bakkt การให้บริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลแก่สถาบัน, ผู้ค้า และผู้บริโภค โดยจะเน้นโปรโมตที่ความมีประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย และประโยชน์ใช้สอยของแพลตฟอร์ม ซึ่งตัวอย่างหนึ่งของแพลตฟอร์มนี้คือใช้เพื่อเทรดหรือแปลงบิตคอยน์เป็นสกุลเงินทั่วไป
Simon Kenin จาก Trustwave รายงานถึงการขุดเงินคริปโตเป็นวงกว้างในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทำให้คาดได้ว่าอาจจะมีเว็บขนาดใหญ่ถูกแอบฝังสคริปต์ แต่กลับพบว่าสคริปต์มาจากเราท์เตอร์ MikroTik ที่ไม่ได้แพตช์
ช่องโหว่ของ RouterOS ของ MikroTik ค้นพบตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังมีรายงานช่องโหว่เพียงวันเดียว และทางบริษัทก็ออกแพตช์ไปเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามเราท์เตอร์จำนวนมากยังคงไม่ได้อัพเดต
เมื่อแฮกเกอร์ยึดเราท์เตอร์ได้แล้ว จะคอนฟิก webproxy ให้ดักหน้าเพจที่ error ทั้งหมด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถใช้งานเว็บต่อไปได้ แต่เมื่อเข้าหน้าที่เป็น error เมื่อใดสคริปต์ขุดเหมืองก็จะเริ่มทำงาน ผู้ใช้บางรายระบุว่าบางกรณีก็ปล่อยสคริปต์ขุดเหมืองทุกหน้า ไม่เฉพาะหน้า error อย่างเดียว
หลังจากที่พระราชกําหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มีผลบังคับใช้ ในขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังคงห้ามสถาบันการเงิน (สง.) ทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโตอยู่ มาวันนี้มีการออกประกาศแนวทางการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital asset) ของสถาบันการเงินและบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของสถาบันการเงิน เปิดทางให้สง. สามารถทำธุรกิจเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้แล้ว