ก่อนหน้านี้ไมโครซอฟท์ออกมาประกาศให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้านได้ยาวๆ ถึงเดือนตุลาคมปี 2020 แต่ Facebook และ Google ให้ทำงานจากที่บ้านได้นานกว่านั้น คือยาวนานจนถึงสิ้นปีนี้เลยทีเดียว
Facebook เปิดตัวหน้าเว็บ facebook.com โฉมใหม่ในงาน F8 2019 เมื่อ 1 ปีที่แล้วพอดี หลังจากทดสอบมายาวนานครบปี บริษัทก็ประกาศเริ่มปล่อยหน้าเว็บโฉมใหม่ให้ผู้ใช้ทั่วโลกแล้ว และจะเปิดใช้งานครบทุกคนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
การเปลี่ยนแปลงสำคัญของหน้าเว็บ facebook.com โฉมใหม่คือ
เฟซบุ๊กประกาศจัดตั้ง Oversight Board พร้อมเปิดเผยรายชื่อสมาชิกบอร์ด 20 คนแรกอย่างเป็นทางการหลังประกาศมาตั้งแต่ปี 2019 เพื่อคานอำนาจกับเฟซบุ๊กโดยตรง โดยเฉพาะในประเด็นเชิงนโยบายที่เกี่ยวกับคอนเทนท์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย
ประเด็นเรื่องพรมแดนระหว่างเสรีภาพในการแสดงออก (Freedom of Expression / Free Speech) และ Hate Speech เป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันมาตลอดทั้งในระดับรัฐและสังคม แต่พอประเด็นนี้ขึ้นมาอยู่ในพรมแดนที่อาจเรียกได้ว่า "ไร้รัฐ" อย่างบนโซเชียลมีเดีย สิทธิขาดในการขีดเส้นแบ่งดังกล่าวเลยตกไปอยู่ในมืออยู่บริษัทเอกชนอย่างเฟซบุ๊ก ซึ่งก็นำไปสู่ข้อถกเถียงถึงสิทธิที่เฟซบุ๊กพึงมีในการขีดเส้นระหว่าง Free Speech และ Hate Speech (ไม่รวมพวกทฤษฎีสมคบคิด / โฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง ฯลฯ) และการกำหนดว่าเนื้อหาใดเข้าข่าย Hate Speech เนื้อหาใดไม่ใช่
จากโครงการ Data Transfer Project (DTP) ความร่วมมือระหว่าง Facebook, Google, Microsoft และ Twitter ในการสร้างเฟรมเวิร์คโอเพนซอร์สสำหรับถ่ายโอนข้อมูลระหว่างแพลตฟอร์ม และ Facebook ได้เริ่มเปิดตัวเครื่องมือถ่ายโอนมาตั้งแต่ปลายปี 2019 ล่าสุดเริ่มเปิดใช้งานในสหรัฐฯและแคนาดาแล้ว ผู้ใช้งานสามารถถ่ายโอนรูปจาก Facebook ไปยัง Google Photos ได้
Facebook รายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ปี 2020 รายได้รวม 17,737 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 18% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน กำไรสุทธิ 4,902 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 102% จำนวนผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือน (MAUs - Monthly Active Users) เพิ่มขึ้น 10% เป็น 2,603 ล้านคน แต่หากคิดรวมทุกบริการเครือ Facebook จะเป็น 2,990 ล้านคน ส่วนตัวเลขการใช้เป็นประจำทุกวัน (DAUs) เพิ่มขึ้น 11% เป็น 1,734 ล้านคน
ซีเอฟโอ David Wehner ระบุว่ารายได้จากธุรกิจอื่น (Other) ที่ไม่ใช่โฆษณาของ Facebook เพิ่มขึ้น 80% เป็น 297 ล้านดอลลาร์ มาจากยอดขายที่เพิ่มสูงของ Oculus และ Portal
จากข่าวออสเตรเลียเตรียมวางกฎบังคับให้ Facebook และ Google แบ่งรายได้ให้สำนักข่าวด้วย ล่าสุด นายกรัฐมนตรีไอร์แลนด์ Leo Varadkar ออกมาพูดเองเลยว่า ไอร์แลนด์ควรทำในแนวทางเดียวกันกับออสเตรเลีย
เป้าหมายของไอเดียนี้ตามแนวทางออสเตรเลียคือ แพลตฟอร์มขนาดใหญ่อย่าง Google, Facebook ต้องจ่ายเงินให้สำนักข่าวในกรณีที่มีการใช้เนื้อหาข่าวบนแพลตฟอร์ม Varadkar ยังบอกด้วยว่า ทั้งสองแพลตฟอร์มใช้ประโยชน์จากแหล่งผลิตข่าวสารแบบฟรีๆ โดยที่ค่าใช้จ่ายต่างๆ นั้นเกิดขึ้นกับสำนักข่าว ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างพูดคุยกับพรรคฝ่ายค้านในไอร์แลนด์
Facebook บุกเข้ามาสู่วงการวิดีโอคอลล์อย่างเต็มตัว ด้วยการเปิดตัว Messenger Rooms ที่ "จะ" รองรับการประชุมพร้อมกันสูงสุด 50 คนแบบไม่จำกัดเวลา
จุดเด่นของ Messenger Rooms คือไม่ต้องติดตั้งแอพอะไรเพิ่มหากมี Messenger อยู่แล้ว แถมยังใส่เอฟเฟคต์สติ๊กเกอร์ระหว่างการประชุมได้ด้วย
Messenger Rooms ยังมาพร้อมกับการเชื่อมต่อกับทุกบริการในเครือของ Facebook โดยเราสามารถสร้างห้องประชุมและแชร์ได้บน Facebook News Feed และในอนาคตจะสร้างห้องได้จาก Instagram Direct, WhatsApp และอุปกรณ์ประชุม Portal ด้วย
Messenger Rooms เริ่มเปิดให้ผู้ใช้บางประเทศใช้งานแล้ว และจะทยอยเปิดเพิ่มเติมในสัปดาห์ถัดๆ ไป
ปัญหาเรื่องการใช้ช่องทางโซเชียลปล่อยข่าวปลอมเพื่อหวังผลทางการเมือง ทำให้บริการโซเชียลตื่นตัวเรื่องนี้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ Facebook มีมาตรการหลายอย่าง เช่น ให้แอดมินเพจต้องยืนยันตัวตนว่าอยู่ประเทศไหน
ล่าสุด Facebook ขยับไปอีกขั้น โดยจะแสดงประเทศที่ตั้งของเพจในทุกโพสต์ด้วย เพื่อเพิ่มความโปร่งใสให้กับผู้ที่เห็นโพสต์ ว่าแอดมินเพจมาจากประเทศอะไรบ้าง
การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกับเพจ Facebook และบัญชี Instagram ที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก โดยจะเริ่มแสดงให้ผู้ใช้ Facebook/Instagram ในสหรัฐอเมริกาเห็นก่อน จากนั้นจะค่อยๆ ขยายผลไปยังประเทศอื่นๆ ต่อไป
จากภาพตัวอย่าง เป็นโพสต์ที่ระบุว่าแอดมินเพจอยู่ในประเทศบราซิล
เฟซบุ๊กยืนยันกับ Reuters ว่ายอมปฏิบัติตามคำขอ (กึ่งบังคับ) ของรัฐบาลเวียดนามอย่างไม่ค่อยเต็มใจ (reluctantly) ที่ให้บล็อกคอนเทนท์ผิดกฎหมายหรือต่อต้านรัฐบาลบนแพลตฟอร์ม
ก่อนหน้านี้ 7 สัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงราวกลางเดือนกุมภาพันธ์ โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ที่มีรัฐบาลเวียดนามเป็นเจ้าของสั่งบล็อกการเข้าถึงเฟซบุ๊ก เพื่อบีบให้ผู้ให้บริการโซเชียลมีเดียปฏิบัติตามคำขอของรัฐบาล โดยหลังจากที่ผูัใช้งานในเวียดนามเริ่มรู้สึกว่าสามารถเข้าถึงบริการของเฟซบุ๊กได้ช้าลงหรือเข้าไม่ได้เลย สื่อของรัฐอ้างว่าเกิดจากการซ่อมแซมเคเบิลใต้น้ำ ก่อนที่โอเปอเรเตอร์ของรัฐออกมาขอโทษว่าการซ่อมเคเบิลทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเฟซบุ๊กได้
ที่มา - Reuters
Facebook ประกาศลงทุนใน Jio Platforms ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของอินเดีย เป็นเงินลงทุน 5,700 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสกุลเงินอินเดีย 4.3 แสนล้านรูปี ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ โดย Facebook จะถือหุ้น 9.99% ใน Jio ทำให้เป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยที่ใหญ่ที่สุด (Jio เป็นธุรกิจในเครือ Reliance Industries กลุ่มทุนใหญ่ของอินเดีย)
Jio เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายที่ก่อตั้งมาไม่ถึง 4 ปี ในอินเดีย แต่ตอนนี้มีผู้ใช้งานแล้วมากกว่า 388 ล้านคน
โครงการเงินดิจิทัล Libra ออกเอกสารทางเทคนิคเวอร์ชันปรับปรุงใหม่ (เรียกกันเล่นๆ ว่า Libra 2.0) หลังเดินสายรับฟังความเห็นจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของประเทศต่างๆ ที่รุมค้าน Libra อย่างหนัก
ประเด็นสำคัญที่เปลี่ยนแปลงใน Libra 2.0 มี 2 เรื่องคือ
เปลี่ยนจากค่าเงินสกุลเดียว มาเป็นสกุลย่อยหลายสกุล
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาชาวอเมริกันจำนวนหนึ่งออกมาประท้วงต่อต้านคำสั่งกักตัวอยู่บ้านในหลายมลรัฐ จากช่วงแรก ๆ แค่ 3-4 มลรัฐจนล่าสุดขยายไปเกือบ 20 มลรัฐแล้ว ล่าสุดเฟซบุ๊กจัดการกับโพสต์สนับสนุนการประท้วงดังกล่าวแล้ว
เฟซบุ๊กได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย, นิวเจอร์ซีและเนแบรสกาและลบโพสต์ที่สนับสนุนกิจกรรมการประท้วง โดยให้เหตุผลว่าเพราะเป็นกิจกรรมที่ละเมิดคำสั่ง social distancing ของภาครัฐ หากไม่มีคำสั่งดังกล่าว ทางเฟซบุ๊กก็คงไม่ลบ อย่างไรก็ตามหากเป็นโพสต์หรือกรุ๊ปที่เกี่ยวข้องกับการประท้วง (แต่ไม่สนับสนุนการออกไปประท้วงหรือละเมิดคำสั่ง social distancing) เฟซบุ๊กจะยังคงปล่อยเอาไว้
ที่สหรัฐฯมีการประท้วงต่อต้านการกักตัวเนื่องจากการระบาดของโรค COVID-19 โดยการประท้วงเกิดขึ้นที่แคลิฟอร์เนีย, นิวเจอร์ซีย์, เนบราสกา ล่าสุด Facebook ได้ปรึกษากับหน่วยงานกำกับดูแลเมือง และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้เริ่มทำการลบโพสต์และรูปภาพ รวมถึงการประท้วงจากการสร้าง Event ใน Facebook ด้วย
Mark Zuckerberg โชว์ผลงานใหม่ของ Facebook คือ COVID-19 Symptom Map แผนที่รวบรวมสถิติชาวอเมริกันในแต่ละพื้นที่ว่า มีอาการป่วยโรค COVID-19 มากน้อยแค่ไหน โดยข้อมูลนำมาจากแบบสำรวจที่ Facebook ร่วมกับมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon สอบถามผู้ใช้งาน Facebook
Mark Zuckerberg บอกว่าการเข้าใจว่าผู้ที่มีอาการป่วยโรค COVID-19 มีจำนวนเท่าไร ช่วยให้หน่วยงานภาครัฐวางแผนรับมือได้ง่าย เช่น ประเมินล่วงหน้าว่าจะจัดชุดป้องกันตัว (PPE) หรือเครื่องช่วยหายใจไปไว้ที่จุดใดบ้าง รวมถึงวางแผนว่าจะ "เปิดเมือง" กลับมาอีกครั้งดีหรือไม่
รัฐบาลออสเตรเลียสั่งให้ Competition and Consumer Commission (ACCC) หรือหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคในออสเตรเลีย ร่างกฎที่จะบังคับให้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่อย่าง Google, Facebook ต้องจ่ายเงินให้สำนักข่าวในกรณีที่มีการใช้เนื้อหาข่าวบนแพลตฟอร์ม แนวคิดของกฎหมายใหม่นี้ นอกจากจะแบ่งรายได้จากข่าวให้กับสำนักข่าวแล้ว ยังต้องเปิดเผยข้อมูลให้สำนักข่าวเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลลำดับของข่าวที่แสดงผล คาดว่าร่างแรกของกฎนี้จะเสร็จในเดือนกรกฎาคมนี้
The New York Times รายงานว่าได้ข้อมูลมาจากเฟซบุ๊กว่าบริษัทเตรียมจะเปิดตัวแอป Facebook Gaming ในวันจันทร์นี้ตามเวลาในสหรัฐ (คืนนี้หรือพรุ่งนี้บ้านเรา) บนแอนดรอยด์และ iOS
ตัวแอปจะออกมาลักษณะเดียวกับ YouTube Gaming ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้ ทั้งการสร้างคอนเทนท์และรับชมการสตรีมเกม รวมถึงมีเกมง่าย ๆ ขนาดเล็กให้เล่นและคอมมิวนิตี้เกมภายในตัว โดยแผนเดิมของเฟซบุ๊กคือจะออกแอปนี้ในช่วงเดือนมิถุนายน แต่โรคระบาดที่ทำให้คนอยู่บ้านกันหมดกลายเป็นตัวเร่งให้เฟซบุ๊กรีบออกแอปมาตอบโจทย์กลุ่มคนเหล่านี้
Facebook เปิดตัวปุ่ม "reaction" ตัวใหม่ชื่อว่า "Care" ทั้งบนบริการโซเชียลหลัก และ Messenger เพื่อให้คนแสดงความห่วงใยให้กันในยุควิกฤต COVID-19
ตัวบริการโซเชียล Facebook จะได้ไอคอนรูปหน้ายิ้มกอดหัวใจ ส่วน Messenger จะได้ไอคอนหัวใจตามภาพ ไอคอนทั้งสองจะเพิ่มมาเป็นไอคอนตัวที่ 7 จาก reaction เดิมทั้ง 6 แบบที่มีอยู่แล้ว
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ Alexandru Voica ผู้บริหารของ Facebook เลือกประกาศข่าวนี้ทางทวิตเตอร์เป็นที่แรก (ขณะที่เขียนข่าวยังไม่เห็นประกาศเรื่องนี้บนช่องทางของ Facebook เอง)
เฟซบุ๊กเตรียมส่งการแจ้งเตือนในหน้า News Feed ผู้ใช้ทั้งหมดที่เคยคลิก, ไลค์, หรือคอมเมนต์ในข่าวปลอมที่เกี่ยวกับโรค COVID-19 นับเป็นความพยายามล่าสุดของเฟซบุ๊กที่จะลดข่าวปลอมเกี่ยวกับ COVID-19 ลง
Mark Zuckerberg โพสถึงมาตรการต่างๆ ของเฟซบุ๊กต่อ COVID-19 ว่าการแสดงลิงก์ไปยังหน่วยงานทางการของประเทศต่างๆ ที่ให้ข้อมูลโรค ทำให้คน 350 ล้านคนคลิกเข้าไปอ่านข้อมูลทางการ และกระบวนการตรวจข่าวปลอมผ่านทางหน่วยงานอิสระทำให้เฟซบุ๊กแจ้งเตือนโพสประมาณ 40 ล้านโพส โดยเมื่อโพสใดถูกเฟซบุ๊กแจ้งเตือน 95% ของผู้ที่เห็นโพสจะไม่คลิกเข้าไปอ่าน
Mark Zuckerberg ซีอีโอ Facebook ประกาศว่า Facebook จะยกเลิกการจัดอีเวนต์ที่มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 50 คนทุกงาน มีผลไปจนถึงเดือนมิถุนายนปีหน้า 2021 โดยบางงานจะเปลี่ยนมาจัดแบบออนไลน์แทน ซึ่งงานสำคัญที่จะถูกปรับรูปแบบด้วยก็คือ F8 ในปีหน้า และ Oculus Connect
ก่อนหน้านี้ Facebook ประกาศยกเลิกงาน F8 ของปีนี้ และเปลี่ยนมาเป็นแบบออนไลน์แทน
นอกจากนี้ Mark ยังอัพเดตสถานการณ์ว่า พนักงานส่วนใหญ่ของ Facebook สามารถทำงานจากที่บ้านได้ มีเพียงบางส่วนที่ยังต้องไปสำนักงาน เช่น ผู้ตรวจสอบเนื้อหา, ทีมวิศวกรที่พัฒนาฮาร์ดแวร์
ที่มา: Engadget
ทีม NPE ของ Facebook ยังคงออกแอปทดลองตลาดมาเรื่อย ๆ โดยแอปล่าสุดมีชื่อว่า Kit ที่ย่อมาจาก Keep in touch และทำงานเฉพาะบน Apple Watch เท่านั้น
Kit เป็นแอปสนทนาที่ทำงานร่วมกับบัญชี Facebook Messenger แนวคิดคือให้ผู้ใช้งาน พูดคุยติดต่อกับเพื่อนที่สนิทมากไม่กี่คนใน Messenger ผ่าน Apple Watch โดยทำได้ทั้งกดปุ่มส่งข้อความเสียง ส่งอีโมจิ ส่งโลเคชัน คล้ายกับการใช้งาน iMessage บน Apple Watch
Kit มีให้ดาวน์โหลดผ่าน Apple Watch Store ซึ่งตอนนี้มีเฉพาะของแคนาดา
Facebook ประกาศเพิ่มคุณสมบัติเรียกชื่อว่า Quiet Mode ซึ่งเป็นหนึ่งในอัพเดตสำหรับช่วงสถานการณ์ COVID-19 โดยเป็นการลดการเตือนแบบพุชส่วนใหญ่ในช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อให้ผู้ใช้ Facebook รักษาสมดุลในการใช้งาน ได้พักผ่อน ได้ใช้เวลากับครอบครัว และไม่ติดกับ Facebook มากเกินไป โดยหากเปิดแอปในช่วงเวลาทีกำหนด ตัวแอปก็จะเตือนด้วยว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ Quite Mode ทำงาน
ทั้งนี้ Facebook ไม่ได้ระบุว่าการเตือนแบบไหนที่ยังส่งมาแม้เปิด Quite Mode แต่น่าจะเป็นการเตือนเรื่องความปลอดภัยในการใช้งาน
นอกจากนี้ Facebook ยังระบุว่าได้เพิ่มทางลัดสำหรับจัดการการแจ้งเตือน และเนื้อหาที่แสดงใน News Feed เพื่อให้ผู้ใช้งานควบคุมประเภทของเนื้อหาที่แสดงได้ตรงความต้องการมากขึ้น
Facebook ร่วมมือกับ NHS หรือระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ มอบ Portal อุปกรณ์วิดีโอคอล 2,050 ตัว เอาไปใช้ในโรงพยาบาล, สถานดูแลผู้ป่วยต่างๆ ให้ผู้ป่วยที่ไม่สามารถออกไปไหนได้ สามารถติดต่อกับเพื่อนและญาติได้ผ่านอุปกรณ์วิดีโอคอล โดยเฉพาะในช่วง lockdown ที่คนไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้
OmniVirt สตาร์ตอัพคนไทยในซิลิคอนวัลเลย์ (ข่าวเก่า) ขายกิจการให้ Facebook โดยไม่เปิดเผยมูลค่า และทีมงานบางส่วนของ OmniVirt จะเข้าไปเป็นพนักงานของ Facebook ต่อไป
OmniVirt เป็นบริษัทที่ทำด้านโฆษณา 3D/360/VR ซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจด้าน VR ของ Facebook ที่เป็นหนึ่งในขาใหญ่ด้าน VR ของโลก จากสายผลิตภัณฑ์ด้าน Oculus
นิตยสาร Consumer Reports ออกรายงานเกี่ยวกับการโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Facebook ว่าตอนนี้ทางบริษัทได้ทดสอบซื้อโฆษณาเพื่อโปรโมตข้อมูลปลอมบนแพลตฟอร์ม Facebook
Consumer Reports รายงานว่า ทางบริษัทสามารถซื้อโฆษณาที่ฝ่าฝืนกฎของแพลตฟอร์ม Facebook ซึ่งเป็นข้อมูลปลอมเกี่ยวกับโคโรนาไวรัส เช่น ปล่อยข่าวว่าให้ดื่มสารฟอกข่าวเล็กน้อยเพื่อกำจัดไวรัส, โคโรนาไวรัสเป็นเรื่องหลอกลวง อย่าเชื่อ propaganda ให้ดำเนินชีวิตตามปกติ เป็นต้น ซึ่งทาง Consumer Reports ถอดโฆษณาออกไปก่อนที่จะรันจริง และอีกไม่นาน Facebook ก็แบนบัญชี
โฆษก Facebook ระบุว่า ทางบริษัทยังคงมีระบบอัตโนมัติที่คอยจัดการโฆษณาแม้ว่าจะซื้อไปแล้วและกำลังรันอยู่ก็ตาม ซึ่งทางบริษัทได้นำโฆษณาที่ฝ่าฝืนกฎออกจากแพลตฟอร์มไปแล้วนับล้านรายการ
ทีม NPE ซึ่งเป็นหน่วยงานสำหรับพัฒนาแอปทดลองตลาดของ Facebook ได้ออกแอปทดลองล่าสุดชื่อว่า Tuned สำหรับคู่รักไว้ติดต่อพูดคุยกันเพียงสองคน
คำอธิบายของแอปนั้นบอกว่า เมื่อเป็นแอปไว้คุยกันเพียงสองคน จึงเป็นพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งคุณสามารถเป็นตัวของตัวเองอย่างไรก็ได้ ตัวแอปสามารถแชร์ข้อความ เนื้อหาและการสนทนาในหลากหลายแบบ เช่น เชื่อมต่อ Spotify เพื่อแชร์เพลง แชร์ความรู้สึกตอนนั้น ไปจนถึงรูปภาพ การ์ด ข้อความเสียง ฯลฯ
เนื่องจากเป็นแอปโครงการทดลอง Facebook จึงอาจไม่ได้นำมาพัฒนาต่อเป็นแอปสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ตอนนี้มีให้ดาวน์โหลดเฉพาะบน iOS ใน App Store อเมริกา