ข่าวนี้น่าจะเป็นผลจากการที่สหภาพยุโรปทำข้อตกลงกับไมโครซอฟท์ เรื่องการป้องการผูกขาดระบบปฏิบัติการวินโดวส์กับเว็บเบราว์เซอร์ (Internet Explorer) เพราะสถิติจาก StatCounter บอกว่าในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเฉพาะในทวีปยุโรปนั้นมีผู้ใช้ Firefox มากกว่า Internet Explorer แล้ว คิดเป็น 38.11% และ 37.52% ตามลำดับ โดยมี Google Chrome ตามมาเป็นอันดับสามอยู่ที่ 14.58% ดูกราฟทั้งหมดได้ที่นี่

โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่า Firefox อยู่นิ่งๆ มากกว่าครับ แต่ผู้ใช้ IE ลดลงเนื่องจากหนีไปหา Google Chrome

ผู้อ่าน Blognone คงคุ้นเคยกับ "Fennec" หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Firefox for Mobile ซึ่งปัจจุบันมีบน 2 แพลตฟอร์มคือ Maemo และ Android

เวอร์ชัน Maemo ต้องใช้กับ Nokia N900 เท่านั้น (ซึ่งน้อยคนนักจะมี) ส่วนเวอร์ชันบน Android ก็ต้องการสเปกเครื่องสูงใช่เล่น คือต้องใช้ซีพียู ARMv7 ขึ้นไป, Android 2.0 และพื้นที่ติดตั้งโปรแกรม 17MB (รายชื่อมือถือที่รองรับ)

จากข่าวเดิม IE9 จะเพิ่มฟีเจอร์ Tracking Protection ตามนโยบาย 'Do Not Track' ที่เสนอโดยคณะกรรมการการค้าของสหรัฐ (FTC)

ล่าสุดฝั่ง Mozilla ประกาศสนับสนุนนโยบาย Do Not Track แล้ว โดยซีอีโอของ Mozilla ประกาศว่า Firefox ควรจะมีปุ่ม 'Do Not Track' มาให้ในตัว และจะทำเสร็จภายในครึ่งแรกของปีหน้า (คงมากับ Firefox 4.x)

กูเกิลเองก็บอกว่าแนวทางนี้น่าสนใจ แต่ยังมีความซับซ้อนมาก และยังไม่มีนิยามที่แน่ชัดของคำว่า "ตามรอย" หรือ "track" ซึ่งกูเกิลยังรอดูความเป็นไปได้ในแนวทางต่างๆ อยู่

ที่มา - AFP

ปัญหาเรื่อง codec ที่ใช้ในแท็ก <video> ของ HTML5 ยังไม่ได้ข้อยุติ และดูจะแบ่งเป็นสองขั้วอย่างชัดเจน โดยฝ่ายที่สนับสนุน H.264 คือไมโครซอฟท์และแอปเปิล ส่วนฝ่ายที่ไม่อยากใช้ H.264 ด้วยเหตุผลเรื่องสิทธิบัตรก็ไปรวมกันที่ WebM ซึ่งนำโดยกูเกิล (จริงๆ แล้วกูเกิลก็สนับสนุน H.264 ด้วย แต่เมื่อมี WebM ทิศทางก็เปลี่ยนไป)

ค่ายที่ปฏิเสธ H.264 อย่างจริงจังคือ Firefox ซึ่งช่วงแรกเสนอให้ใช้ Ogg Theora เสียด้วยซ้ำ โอกาสที่ Firefox จะใช้ H.264 ดูริบหรี่มาก แต่วันนี้มันกลับเป็นจริงแล้ว โดยฝีมือของ "ไมโครซอฟท์"

ชื่อ Firefox นอกจากจะหมายถึงเบราว์เซอร์จากค่าย Mozilla แล้ว ในภาษาจีนมันยังหมายถึง "แพนด้าแดง" สัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งอีกด้วย

ทาง Mozilla จึงใช้โอกาสที่สวนสัตว์ Knoxville Zoo รัฐเทนเนสซี มีลูกแพนด้าแดงเกิดใหม่ 2 ตัว เปิดเว็บไซต์ Firefox Live ติดกล้องให้ดูแพนด้าแดง 2 ตัวนี้แบบทุกมุมมองตลอดเวลา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อใช้แบรนด์ Firefox ช่วยโปรโมทว่าแพนด้าแดงเป็นสัตว์หายากที่ควรสงวนไว้นั่นเอง

นอกจากนี้ Mozilla ยังจัดประกวดการตั้งชื่อแพนด้าแดงทั้งสองตัว ร่วมสนุกได้บนเว็บ Firefox Live ครับ

วันนี้ทาง Mozilla ได้ประกาศ extension ตัวใหม่อย่างเป็นทางการชื่อว่า F1 ครับ โดยหลักการง่ายๆ คือสามารถให้ผู้ใช้แชร์เว็บหรือเนื้อหาที่ตัวเองกำลังดูอยู่ผ่าน social network อย่าง Twitter, Facebook และ Gmail ได้สบายๆ โดยเวอร์ชั่นที่ให้ดาวน์โหลดตอนนี้คือ 0.7.1 ครับ

โดยทาง Mozilla บอกว่าถ้าเกิดทุกคนในโลกไซเบอร์ใช้ extension ตัวนี้กันหมด ประโยชน์อย่างหนึ่งที่จะได้คือนักพัฒนาจะไม่ต้องคอยใส่ปุ่ม Tweet this หรือ Like อีกต่อไป

อยากลองใช้กดดาวน์โหลดที่นี่ครับ

ที่มา - Mashable

Mozilla Labs ออก add-on ที่ช่วยให้เราค้นหาคำบน Firefox ได้ง่ายขึ้น

ตัวแรกออกมาสักพักแล้ว Speak Words ใช้กับ Awesome Bar ของ Firefox มันจะช่วยเดาให้เราว่าต้องการจะพิมพ์คำว่าอะไร โดยใช้คำจากประวัติการท่องเว็บของเรา เช่น พิมพ์คำว่า "in" ก็อาจเติมเป็น "investing" ให้ - Mozilla Labs

มันคือ Fennec 2.0 ที่เคยออกรุ่น Alpha เมื่อเดือนสิงหาคม พอเป็นรุ่น Beta ก็โดนเปลี่ยนชื่อเป็น Firefox 4 for Mobile ด้วยเหตุผลด้านการตลาด

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือลดขนาดของโปรแกรมรุ่นบน Android ลงจากเดิม 43MB ลงมาเหลือ 17MB (ทำได้ไงหว่า?) นอกจากนี้ก็มีธีมใหม่ (ภาพประกอบ), ลดการใช้หน่วยความจำ, ทำงานได้เร็วขึ้น, รันจาวาสคริปต์ได้เร็วกว่าเบราว์เซอร์มาตรฐานของ Android 25%

และแล้วทีมงาน Mozilla ก็ตัดสินใจเลื่อนการออก Firefox 4.0 รุ่นจริงไปเป็นปีหน้า หลังจากพบบั๊กด้านเสถียรภาพและบั๊กที่รบกวนฟีเจอร์เก่า (regression) มากกว่าที่คาด

รุ่นทดสอบตัวถัดไป Firefox 4 Beta 7 จะออกช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ตามด้วย Beta 8/9 ในเดือนเดียวกัน และ Beta 10 เดือนธันวาคม ส่วน RC จะออกช่วงต้นปี และทาง Mozilla บอกว่ายังเป็นไปได้ที่จะเลื่อนออกไปอีกถ้าไม่พร้อม

กำหนดเดิมของ Firefox 4 คือสิ้นเดือนพฤศจิกายน ตามปกติ Firefox จะเลื่อนจากกำหนดการณ์แรกประมาณ 2-3 เดือนอยู่แล้ว

ที่มา - Computerworld

Firefox และผลิตภัณฑ์เกือบทุกตัวของ Mozilla นั้นเขียนส่วนติดต่อผู้ใช้ด้วยภาษา XUL (XML แบบหนึ่ง เหมือนกับ XAML ของไมโครซอฟท์) ข้อดีของมันคือเปิดโอกาสให้เกิด extension ที่ทรงพลังหลายตัว แต่ข้อเสียก็คือ XUL เป็นเทคโนโลยีเฉพาะทางที่ต้องเรียนรู้เพิ่ม ต่างไปจาก Chrome ที่เขียนส่วนติดต่อผู้ใช้ด้วย HTML ซึ่งทำได้ง่ายกว่า

Mozilla จึงทดลองการสร้างส่วนติดต่อผู้ใช้ด้วย HTML โดยสร้างซอฟต์แวร์ขึ้นมาครอบตัวเอนจิน Gecko ใช้ชื่อว่า "Chromeless" เราจะมองว่ามันเป็นเบราว์เซอร์อีกตัวของ Mozilla ก็พอได้ เพียงแต่เปิดโอกาสให้นักพัฒนาอื่นๆ เขียนส่วนติดต่อผู้ใช้เองด้วย HTML (ดูรูปตัวอย่างท้ายข่าว)

ข่าวก่อนมีเขียนว่า Mozilla จะมาเข้าร่วมด้วย ณ วันนี้ก่อนจะถึงวันงานก็มีกิจกรรมที่อยากจะขอให้มาร่วมด้วยช่วยกัน มีอยู่สองกิจกรรมคือ

ความเคลื่อนไหวใหม่จาก Firefox 4 เมื่อ Daniel Holbert จาก Download Squad ได้ใช้ Firefox 4 nightly build แล้วพบว่ามันสามารถใช้ Scalable Vector Graphic (SVG) ในแท็ก img แล้วครับ ซึ่งเป็นการแก้ไขบั๊กที่ได้รายงานไว้ตั้งแต่ปี 2004 และจะรวมอยู่ใน Firefox 4 Beta 7 โดย SVG จะช่วยให้รูปในเว็บสามารถย่อให้เล็กไปอยู่ในจอเล็กๆของโทรศัพท์มือถือได้ หรือสามารถขยายให้ใหญ่เพื่อฉายบนจอขนาดยักษ์ก็ได้ อีกทั้งสามารถใช้ทำเป็นภาพเคลี่อนไหวได้

พร้อมกันนี้ Daniel ได้ทำ Persona ของเค้าโดยใช้ SVG เพื่อทำเป็นภาพเคลี่อนไหวด้วยครับ ดูรูปได้หลัง break ครับ และมีวิดีโอในบล็อกของ Daniel ครับ

แฟนๆ ของ Firefox คงจะดีใจกันถ้วนหน้า เมื่อ Firefox ประกาศปล่อย Firefox 4 สำหรับ Android และ Maemo ให้ดาวน์โหลดผ่านหน้าเว็บไซต์เรียบร้อยแล้ว

Firefox 4 สำหรับ Mobile มาพร้อมกับคุณสมบัติหลายอย่างเช่น

Firefox 4 จะเปลี่ยนเครื่องมือค้นหาที่มาพร้อมกับเบราว์เซอร์ ดังนี้

• เพิ่ม Bing เข้ามา เนื่องจากผู้ใช้ Firefox เรียกร้องเข้ามากันมากขึ้น
• ตัด Ask.com และ Creative Commons ใน Firefox 3 ออก เพราะคนใช้น้อย

กูเกิลจะยังเป็น default เช่นเดิม สำหรับคนที่อยากใช้ Bing ก็ต้องเปลี่ยนกันเองครับ

Mozilla ยอมรับว่ามีข้อตกลงกับไมโครซอฟท์ในการเพิ่ม Bing เข้ามา แลกกับส่วนแบ่งค่าโฆษณาจาก Bing จำนวนหนึ่ง แต่ไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขว่าเท่าไร

ที่มา - Ars Technica

ฟีเจอร์สำคัญอันหนึ่งของ Firefox 4 คือการใช้ GPU ช่วยประมวลผลกราฟิก แต่ ณ ตอนนี้มันยังใช้ได้เฉพาะบนวินโดวส์เท่านั้น

ทาง Mozilla กำลังพิจารณาว่าจะเปิดฟีเจอร์ประมวลผลกราฟิกผ่าน OpenGL บนแมคดีหรือไม่ เพราะตอนนี้ยังมีบั๊กอยู่มาก และบางเว็บไซต์กลับแสดงผลได้ช้าลงด้วยซ้ำ ตอนนี้ความเป็นไปได้มี 3 ประการคือถ้าแก้บั๊กได้ทัน มันจะเข้ามาใน Firefox 4 Beta 7 แต่ถ้าไม่ทัน Mozilla อาจเลือกยืดเวลาการพัฒนา Firefox 4 ออกไป หรือไม่ก็ตัดฟีเจอร์นี้ทิ้งจาก Firefox 4 เวอร์ชันแมคเลย

ของลินุกซ์นี่ผมหาข้อมูลที่ชัดเจนไม่ได้ครับ ว่าสถานะเป็นอย่างไรกันแน่

ที่มา - CNET

ค่าย Mozilla พูดถึงอนาคตของ Firefox Home โปรแกรมจัดการข้อมูลระหว่าง Firefox กับ cloud

หลายคนแถวนี้อาจปันใจไปเรียบร้อยแล้ว

เว็บไซต์ Lifehacker มีบทวิเคราะห์สงครามเว็บเบราว์เซอร์ที่น่าสนใจ ว่าในกลุ่ม power user ซึ่งนิยม Firefox มาโดยตลอด กำลังเริ่มเปลี่ยนไปใช้ Chrome มากขึ้นเรื่อยๆ โดยโพลล่าสุดของ Lifehacker ซึ่งมีผู้ตอบกว่า 40,000 คน ปรากฏว่า Chrome ชนะ Firefox ด้วยซ้ำ (Chrome ได้ 42% ส่วน Firefox ได้ 33% ดูกราฟประกอบ)

Firefox 4 Beta 5 มาพร้อมกับของใหม่ดังนี้

• GPU acceleration ใช้ Direct2D ช่วยประมวลผลกราฟิก (เฉพาะบนวินโดวส์เท่านั้น)
• เพิ่มฟีเจอร์ในการจัดการข้อมูลเสียงผ่าน Audio API ตัวใหม่ ช่วยให้นักพัฒนาเว็บเล่นกับ RAW data ของไฟล์เสียงได้มากขึ้น (เช่น เขียน visualization ตามเพลงด้วย HTML5)
• ปรับเมนู Firefox สีส้มๆ สำหรับ Vista/7 (ดูภาพประกอบ)

สองฟีเจอร์แรกดูวิดีโอเดโมได้จากลิงก์ที่มาครับ รุ่นนี้ยังไม่ปรับธีมของลินุกซ์เสียที

ที่มา - Mozilla Blog

หลังจาก Firefox for Mobile ออกรุ่น 1.0 บน Maemo ทางค่าย Mozilla ก็มุ่งพัฒนาเวอร์ชันบน Android ต่อ (ภาพแรก, Firefox Mobile for Android ออกปลายปีนี้?, Fennec รันบน Android ได้แล้ว)

เวลาผ่านมาอีกหลายเดือน ล่าสุดทาง Mozilla ได้ออก Fennec 2.0 Alpha ซึ่งใช้ได้บน Android และ N900 แล้ว

ฟีเจอร์สำคัญของ Fennec 2.0 คือการเชื่อมต่อกับ Firefox Sync และ "Electrolysis" หรือการแยกโพรเซสของ UI ออกจากโพรเซสของเว็บเพจ ทำให้ UI ตอบสนองได้เร็วขึ้นแม้เจอเว็บเพจโหลดหนักๆ

Firefox 4 Beta 4 ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เข้ามา 2 อย่าง

คนที่ใช้ Firefox 4 รุ่นเบต้าอาจเคยเห็น Test Pilot ซึ่งเป็นการ "ขอเก็บ" สถิติการใช้งานเบราว์เซอร์ เพื่อให้ทาง Mozilla มีข้อมูลนำไปตัดสินใจเพิ่มฟีเจอร์-เปลี่ยน UI ของ Firefox

ล่าสุดทาง Mozilla ออกมาเปิดเผยสถิติของการใช้ฟีเจอร์ Private Browsing หรือท่องเว็บแบบไร้ร่องรอย ผลลัพธ์ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะใน 1 วันมีช่วงเวลาที่คนนิยมใช้ Private Browsing อยู่ 4 ช่วง ได้แก่ ตอนพักกลางวัน (สูงที่สุด), ตอนเย็นหลังเลิกงาน, หัวค่ำหลังกินอาหารเย็น และดึกๆ หลังเที่ยงคืนเล็กน้อย

เว็บไซต์ derStandard.at มีโอกาสสัมภาษณ์ Chris Blizzard ผู้บริหารของ Mozilla ในหลายเรื่อง แต่คำถามสำคัญคือ "ทำไมตอนนี้ Firefox มีอันดับเกือบบ๊วยในการประมวลผลจาวาสคริปต์"

คำตอบของ Blizzard คือ Firefox 4 จะนำเทคนิค Tracing-JIT มาใช้ ซึ่งจะช่วยให้ประสิทธิภาพดีขึ้นมาก เหนือกว่าคู่แข่งไปอีก 1 ชั่วรุ่น (we'll be one generation ahead of everyone else)

ประเด็นอื่นๆ คือ Firefox จะมี hardware acceleration บนลินุกซ์และแมคอย่างแน่นอน เพียงแต่มีบนวินโดวส์ก่อนเพราะ API ของวินโดวส์ดีกว่า, ส่วนการแยกโพรแซสของแท็บจะทำเช่นกัน แต่ไม่ทันใน Firefox 4

Mozilla ประกาศว่าจะปล่อย Firefox 4 เบต้า 4 ในวันจันทร์หน้า โดยเวอร์ชันสำหรับ Windows จะเพิ่มฟีเจอร์ hardware acceleration ซึ่งเบื้องหลังของฟีเจอร์ดังกล่าวใน Firefox 4 คือการเรียกใช้ Direct2D ใน Windows แต่ฟีเจอร์ดังกล่าวจะยังไม่ถูกให้ใช้โดยดีฟอลต์ ผู้ใช้ต้องไปเปิดใช้เอง โดยเข้าไป about:config แล้วตั้งค่าดังนี้

• mozilla.widget.render-mode แล้วกำหนดค่าเป็น 6
• gfx.font_rendering.directwrite.enabled แล้วกำหนดค่าเป็น true

นอกจากนั้น ฟีเจอร์ tab sets ที่ช่วยให้ผู้ใช้รวมกลุ่มแท็ปเป็นก้อนแล้วจัดการมันได้ง่ายขึ้น (ดูรูปได้ท้ายข่าว) จะถูกเพิ่มลงใน Firefox 4 เบต้า 4 แทนฟีเจอร์ TabCandy ที่ปรากฏในเบต้า 3 ด้วยเช่นกัน

ค่าย Mozilla มีแผนจะให้ Firefox 4 อัพเดตตัวเองแบบเงียบๆ ทำงานแบบเบื้องหลัง ตามแนวทางของ Chrome โดยให้เหตุผลว่าผู้ใช้สับสนที่ Firefox แจ้งอัพเดตบ่อย แต่พอกดแล้วไม่พบอะไรเปลี่ยนแปลง

ฟีเจอร์นี้จะใช้สำหรับการอุดช่องโหว่ความปลอดภัย หรืออัพเดตย่อย (point release) เท่านั้น สำหรับการอัพเกรดใหญ่ (เช่น Firefox 4 เป็น Firefox 4.5) จะยังมีหน้าต่างแจ้งเตือนเหมือนเดิม กูเกิลเคยอ้างว่า ข้อดีของการอัพเดตเบื้องหลังแบบเงียบๆ คือผู้ใช้จะได้ซอฟต์แวร์รุ่นใหม่ล่าสุดเสมอ ตัวเลขของ Chrome คือ 97% เทียบกับ 85% ของ Firefox และ 53% ของ Safari

ผู้ใช้สามารถสั่งปิดฟีเจอร์อัพเดตเบื้องหลัง และกลับไปใช้ระบบแบบปัจจุบันได้ ฟีเจอร์นี้เฉพาะ Firefox บนวินโดวส์เท่านั้นครับ

โหมด Private Browsing (หรือที่ Chrome เรียก Incognito และ IE เรียก InPrivate) กลายเป็นฟีเจอร์มาตรฐานของเบราว์เซอร์ 4 เจ้าใหญ่ ได้แก่ Chrome, Firefox, Safari และ IE แต่จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กลับพบว่าโหมด Private Browsing ไม่ทำให้ผู้ใช้ "ล่องหน" ทั้งหมดอย่างที่โฆษณา

ใน Firefox, Safari, IE พบปัญหาเดียวกันเมื่อเข้าเว็บผ่าน SSL ซึ่งเบราว์เซอร์ทั้งสามตัวจะเก็บไฟล์ certificate ของเว็บเหล่านี้ไว้บนคอมพิวเตอร์ ยังเหลือเป็นร่องรอยให้ตามได้อยู่ว่าผู้ใช้เข้าเว็บใดบ้าง นอกจากนี้เบราว์เซอร์แต่ละตัวยังทิ้งรอยในสถานการณ์ที่ต่างกันไป เช่น IE ถ้าเจอเว็บไซต์ที่ส่งข้อมูลผ่าน SMB ก็จะทิ้งรอยไว้ในวินโดวส์ เพราะมีส่วนที่แชร์โค้ดกับ Windows Explorer เป็นต้น