ในที่สุด Firefox for Android รุ่นใหม่ (โค้ดเนม Fenix) ที่พัฒนามาแรมปีก็ถูกปล่อยออกสู่สาธารณชนแล้วผ่าน Play store โดยทีมงานวางแผนปล่อยออกมาตามประเทศ ประเทศไทยสามารถอัพเดตได้ตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม
การปรับรุ่นครั้งนี้เป็นการปรับรุ่นครั้งใหญ่โดยเปลี่ยนมาใช้เอนจิน GeckoView และปรับหน้าตาใหม่หลายจุด เช่น ย้าย navigation bar มาอยู่ด้านล่าง เพื่อไม่ต้องเลื่อนนิ้วไปกดที่ด้านบนของจอ, เข้าสู่ Private browsing ได้ในการกดครั้งเดียว เป็นต้น
Mozilla ออก Firefox 79.0 ที่เวอร์ชันมีของใหม่ไม่มากนัก
ที่มา - Firefox
Mozilla ออก Firefox 78 มีของใหม่ดังนี้
Firefox 78 เป็นรุ่นซัพพอร์ตระยะยาว Extended Support Release (ESR) และเป็นรุ่นสุดท้ายที่ซัพพอร์ต macOS 10.9, 10.10, 10.11
Mozilla ประกาศหยุดซัพพอร์ต Firefox เวอร์ชันหลักบน macOS 10.9 (Mavericks), 10.10 (Yosemite), 10.11 (El Capitan)
Mozilla ระบุว่าแอปเปิลไม่มีนโยบายการซัพพอร์ตแพตช์ให้ OS เวอร์ชันเก่าออกมาชัดๆ แต่ปกติแล้วจะออกแพตช์ให้กับ OS 3 รุ่นล่าสุด (N, N-1, N-2) ซึ่งกรณีของ macOS 10.11 ออกแพตช์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 ปีก่อน (เดือนกรกฎาคม 2018) จึงถือว่าไม่มีการแพตช์อีกแล้ว
Mozilla แนะนำให้อัพเกรดเป็น macOS 10.12 ขึ้นไป แต่ผู้ใช้ OS เหล่านี้ยังสามารถใช้ Firefox Extended Support Release (ESR) ที่เป็นเวอร์ชันเก่าและสนับสนุนยาวนานได้ต่อไป (เวอร์ชัน ESR ล่าสุดในตอนนี้คือ Firefox ESR 68.9.0 เทียบกับรุ่นปกติที่เป็นเวอร์ชัน 77 แล้ว)
ข่าวเก่าครับ: Mozilla ประกาศว่าตั้งแต่ 31 มกราคม 2562 เป็นต้นไป Firefox Focus จะถูกถอดออกจาก Google Play Store ของ 4 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย
ในประกาศดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงเหตุผลแต่อย่างใด เพียงแต่แจ้งว่าให้ไปใช้ Firefox Lite (ชื่อเดิม Rocket) แทน ตัวผมเองพยายามค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก GitHub, Mozilla wiki, และ mailing list (ร้าง) แต่ก็ไม่พบเหตุผลเช่นเดียวกัน
Mozilla ออก Firefox 77 รุ่นเสถียร ซึ่งเวอร์ชันนี้ไม่ค่อยมีของใหม่มากนัก
ที่มา - Mozilla
Mozilla ออก Firefox 76 รุ่นเสถียร ของใหม่ในเวอร์ชันนี้เน้นที่ระบบจัดการรหัสผ่าน Lockwise แจ้งเตือนผู้ใช้ทันทีหากพบว่าเว็บไซต์ถูกเจาะ รหัสผ่านรั่ว นอกจากนี้ Firefox 76 ยังเพิ่มเมนู Logins and Passwords เข้ามาในเมนูหลักให้กดกันง่ายๆ (หรือเข้าได้จากหน้า about:logins)
ของใหม่อีกอย่างที่สำคัญคือรองรับ Audio Worklets ช่วยให้ Firefox ประมวลผลไฟล์เสียงที่ถูกบีบอัดมาได้ ฟีเจอร์นี้ยังช่วยให้ Firefox สามารถคุยวิดีโอคอลล์ผ่าน Zoom ได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรม Zoom บนเครื่องอีกแล้ว
Mozilla เปิดตัวส่วนขยายใหม่ในชื่อว่า Firefox Private Relay บริการสร้าง email alias สำหรับใช้ครั้งเดียวเพื่อความเป็นส่วนตัวในการใช้บริการต่าง ๆ บนโลกออนไลน์
หน้าที่หลักของ Firefox Private Relay คือเมื่อกดปุ่มแล้วระบบจะสร้างอีเมลแอดเดรสเป็นแบบใช้ครั้งเดียว และกรอกลงเว็บไซต์เมื่อเว็บไซต์ต้องการอีเมลแอดเดรสในการใช้บริการต่าง ๆ โดยเมื่อมีอีเมลส่งเข้ามาทางอีเมลที่สร้างมาใหม่นี้ Mozilla จะส่งต่อไปยังอีเมลแอดเดรสของผู้ใช้งานที่กำหนดไว้ หรือถ้าไม่ต้องการใช้งานอีเมลแอดเดรสที่สร้างขึ้นมาใหม่นี้ ก็สามารถสั่งทำลายทิ้งได้ทันที
Mozilla ออก Firefox 75 เวอร์ชันเสถียร การเปลี่ยนแปลงสำคัญคือแถบ address bar ที่ปรับโฉมให้ช่องใหญ่ขึ้นตอนค้นหา, แนะนำคำค้นที่เกี่ยวข้อง และแสดงรายชื่อเว็บไซต์ที่เข้าบ่อย (Top Site) เพิ่มเติมในรายการด้วย
ของใหม่อย่างอื่นได้แก่ รองรับแพ็กเกจแบบ Flatpak บนลินุกซ์แล้ว ทำให้ติดตั้ง Firefox บนดิสโทรรุ่นใหม่ๆ (โดยเฉพาะสาย Red Hat/Fedora) ได้ง่ายขึ้น
Net Applications รายงานสถิติเว็บเบราว์เซอร์ประจำเดือนมีนาคม 2020 มีจุดเปลี่ยนที่น่าสนใจคือ ส่วนแบ่งตลาดของ Microsoft Edge สามารถแซงหน้า Firefox ได้แล้ว ขึ้นมาเป็นเบราว์เซอร์อันดับสองของโลกเดสก์ท็อปแล้ว
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Edge มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นคือ Edge ตัวใหม่พลัง Chromium ออกรุ่นเสถียร และไมโครซอฟท์ก็ทยอยปล่อยอัพเดตให้ผู้ใช้ Windows 10 กัน
เราเห็นข่าว Chrome ขอหยุดพักการอัพเดตเวอร์ชันไปหลายวัน เพราะทีมพัฒนาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส
ฝั่งของ Firefox (ที่สำนักงานใหญ่ Mozilla ก็อยู่ไม่ห่างจากกูเกิลนัก) เลือกใช้นโยบายที่ต่างไป คือ ยังรักษาตารางการออกเวอร์ชันใหม่ที่เคยประกาศเอาไว้ แต่อาจลดจำนวนฟีเจอร์ใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงในแต่ละเวอร์ชัน เพื่อป้องกันปัญหาเจอบั๊กแล้วไม่สามารถแก้ได้ทัน
Firefox เวอร์ชันถัดไปคือ Firefox 75 มีกำหนดออกวันที่ 7 เมษายน 2020
Mozilla ได้แย้มรายละเอียดบริการอ่านข่าวที่ร่วมมือกับ Scroll เมื่อช่วงกลางปีที่แล้ว วันนี้ Mozilla เริ่มทดสอบ Scroll อย่างเป็นทางการภายใต้โครงการ Test Pilot ในชื่อ Firefox Better Web with Scroll
Mozilla ระบุว่า ทุกวันนี้สำนักข่าวยังคงพบกับปัญหาของระบบโฆษณา เพราะสำนักข่าวต้องการให้ผู้ใช้งานมากที่สุดแต่ไม่ต้องการให้ติดตามโดยบุคคลที่สาม Mozilla จึงร่วมมือกับ Scroll สตาร์ทอัพที่ทำธุรกิจสมัครสมาชิกอ่านข่าวเพื่อมอบประสบการณ์อ่านข่าวให้ผู้ใช้งานไม่ว่าผู้ใช้จะใช้เบราว์เซอร์ใดก็ตาม (ไม่จำกัดเฉพาะ Firefox)
Firefox ออกเวอร์ชั่น 74 ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา โดยความเปลี่ยนแปลงสำคัญคือปิดการรองรับ TLS 1.0 และ 1.1 เป็นค่าเริ่มต้น แม้ผู้ใช้จะสามารถกดเปิดได้เองก็ตาม แต่ล่าสุดทาง Mozilla ก็ตัดสินใจยกเลิกฟีเจอร์นี้โดยระบุว่า "เพื่อเปิดทางให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโรค COVID-19 ในเว็บรัฐบาล"
ทาง Mozilla ไม่ได้ระบุว่าเว็บรัฐบาลใดที่ยังไม่ได้อัพเดตโปรโตคอลจนทำให้ต้องตัดสินใจเช่นนี้
วันนี้ Mozilla ปล่อย Firefox 74 อย่างเป็นทางการแล้วทุกแพลตฟอร์ม โดยฟีเจอร์สำคัญในรอบนี้คือเพิ่มกฎสำหรับ add-on ที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงปิดการใช้งาน TLS 1.0 และ TLS 1.1 เป็นค่าเริ่มต้น
ในเรื่อง add-on ถือเป็นประเด็นใหญ่ในอัพเดต 74 โดย Firefox จะอนุญาตให้ผู้ใช้งานเท่านั้นที่มีสิทธิ์ติดตั้ง add-on บน Firefox และ Add-on Manager จะสามารถลบ add-on ทุกตัวที่ติดตั้งจากแอปภายนอกได้ทั้งหมด (เข้าไปที่ about:addons บน Firefox) ซึ่งกฎใหม่นี้จะช่วยลดการติดตั้ง add-on ที่ไม่พึงประสงค์และไม่ปลอดภัยได้ เนื่องจาก add-on เหล่านี้มักจะติดตั้งอัตโนมัติจากโปรแกรมภายนอก
แนวคิดการทำ sandbox เพื่อจำกัดขอบเขตความเสียหายกรณีโปรแกรมโดนแฮ็ก กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่หลายกรณีก็มีข้อจำกัด เช่น การเรียกใช้ไลบรารีที่มีขนาดเล็กจนไม่สามารถแยกโพรเซสได้ แต่ไลบรารีก็ไม่ได้เขียนเองทำให้ควบคุมคุณภาพโค้ดไม่ได้
Mozilla ร่วมกับทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย 3 แห่งคือ University of California San Diego, University of Texas Austin, Stanford University พัฒนาเทคนิคใหม่ชื่อ RLBox แก้ปัญหานี้ด้วยการแปลงโค้ด C/C++ เป็น WebAssembly ก่อน เพื่อรันใน sandbox ของ WebAssembly แทน
Google Earth เลิกซัพพอร์ตเวอร์ชันเดสก์ท็อปไปแล้วประมาณ 3 ปี แต่ช่วงที่ผ่านมา Google Earth ก็ยังคงใช้งานได้เฉพาะ Chrome เท่านั้น
วันนี้ Google ประกาศอย่างเป็นทางการแล้วว่า Google Earth จะสามารถใช้งานได้บน Firefox, Microsoft Edge และ Opera แล้ว หลังจากที่ Google เปลี่ยนจาก Native Client ซึ่งมีเฉพาะ Chrome มาเป็นการคอมไพล์โค้ด C++ ด้วย WebAssembly ที่สามารถใช้กับเว็บเบราว์เซอร์อื่น ๆ ได้
แม้ว่าปัจจุบัน Google Earth จะใช้งานได้แล้ว แต่ Google ยังต้องขัดเกลาอีกสักระยะหนึ่งเพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่ดีเหมือนกับใช้งานบน Chrome รวมถึงมีแผนซัพพอร์ต Safari รวมถึงเบราว์เซอร์อื่น ๆ ในอนาคต
วันนี้ Mozilla ประกาศเตรียมเปิดใช้งาน DNS over HTTPS ระบบ DNS เข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้ผู้ใช้งาน Firefox ในสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ โดยจะทยอยปล่อยฟีเจอร์นี้ให้ผู้ใช้งานทีละกลุ่ม
Mozilla ระบุว่า DNS ถูกออกแบบมานานหลายทศวรรษแล้ว ซึ่งแม้ว่าเบราว์เซอร์จะใช้ HTTPS แต่การ lookup เพื่อหาไอพีแอดเดรสโดย DNS ยังคงไม่ได้เข้ารหัส ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนสำคัญเพราะอุปกรณ์อื่นสามารถเก็บ ไปจนถึงบล็อคหรือเปลี่ยนคำขอ DNS ก็ย่อมได้
เราเห็น Mozilla เปิดบริการ Firefox VPN แบบส่วนขยายบนเบราว์เซอร์เดสก์ท็อปมาได้สักระยะ โดยยังมีสถานะเป็น Beta, จำกัดประเทศ และประกาศตัวชัดเจนว่าเป็นบริการแบบเสียเงิน (เพราะเป็นช่องทางหารายได้ใหม่ๆ ของ Mozilla)
ปีที่แล้วเราเห็นกูเกิลประกาศ Chrome จะรองรับ Lazy Load รูปภาพที่ตัวเบราว์เซอร์เลย ไม่ต้องเขียนโค้ด JavaScript อีกต่อไป ซึ่งก่อให้เกิดคำถามว่าโค้ดจะใช้กับเบราว์เซอร์ตัวอื่นๆ ได้หรือไม่
เวลาผ่านมาเกือบปี ล่าสุด Firefox ก็จะเริ่มรองรับฟีเจอร์นี้แล้ว (ใส่คุณสมบัติ loading="lazy" ในแท็ก img) โดยเริ่มใน Firefox 75 ที่สถานะยังเป็น Nightly (กำหนดออกตัวจริงช่วงต้นเดือนเมษายน) ผู้ที่อยากทดสอบสามารถดาวน์โหลด Firefox Nightly แล้วเปิดค่า dom.image-lazy-loading.enabled ในหน้า about:config ก่อน
ฟีเจอร์ lazy load ถูกนำเข้าไปอยู่ในร่างมาตรฐานเว็บของกลุ่ม WHATWG แล้วเช่นกัน และจะเข้ากระบวนการผลักดันเป็นมาตรฐานต่อไป
Firefox for Android เวอร์ชันยกเครื่องใหม่เริ่มเข้าสถานะการทดสอบแบบ Nightly และมีแผนจะออกรุ่นเสถียรช่วงกลางปีนี้
ล่าสุด Mozilla ประกาศแผนเรื่องส่วนขยาย (add-on) ของ Firefox for Android ตัวใหม่ว่าจะยังจำกัดมากๆ ในช่วงแรก
ณ ปัจจุบัน Firefox for Android ตัวใหม่รองรับส่วนขยายเพียงตัวเดียวคือ uBlock Origin แต่ Mozilla มีแผนจะรองรับส่วนขยายยอดนิยม Recommended Extensions ประมาณ 100 ตัว (เช่น NoScript, LastPass, HTTPS Everywhere, DownThemAll!, FoxyProxy) ในช่วงที่ออกรุ่นเสถียร
Mozilla ออก Firefox 73 ตามนโยบายใหม่ที่ปรับรอบการออกรุ่นให้เร็วขึ้น ของใหม่ในเวอร์ชันนี้ได้แก่
Mozilla ประกาศแผนหยุดซัพพอร์ตโปรโตคอล Transport Layer Security (TLS) เวอร์ชันเก่า 1.0 และ 1.1 บน Firefox โดยจะเริ่มมีผลใน Firefox 74 ที่จะออกตัวจริงช่วงเดือนมีนาคม 2020
เหตุผลที่เลิกใช้ TLS 1.0 และ 1.1 เป็นเพราะพบช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตีมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น ช่องโหว่ BEAST, CRIME, POODLE ในขณะที่โปรโตคอลเวอร์ชันใหม่ TLS 1.3 ออกตั้งแต่ปี 2018 และรองรับตั้งแต่ Firefox 63
Mozilla และ Google ในฐานะสองผู้พัฒนาเว็บเบราว์เซอร์รายใหญ่ แบนส่วนขยาย (extension) จำนวนมากที่อาจสร้างปัญหาให้ผู้ใช้
Mozilla แบนส่วนขยายของ Firefox ไปเกือบ 200 ตัวด้วยเหตุผลต่างกันไป แต่ส่วนขยายจำนวน 129 ตัวมาจากบริษัทเดียวกันชื่อ 2Ring ที่มีพฤติกรรมดาวน์โหลดโค้ดจากเซิร์ฟเวอร์อื่นมารันอีกที ซึ่งขัดกับนโยบายของ Mozilla
ส่วนทีมงาน Chrome ประกาศว่าพบส่วนขยาย (แบบเสียเงิน) จำนวนมากที่มีพฤติกรรมละเมิดผู้ใช้งาน จนต้องปิดรับการส่งส่วนขยายแบบเสียเงินขึ้น Chrome Web Store ชั่วคราว เพื่อหาโซลูชันที่ดีกว่าในระยะยาว แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักว่ามีส่วนขยายใดบ้างที่เข้าข่าย
เว็บไซต์ VentureBeat ทดสอบเบนช์มาร์ค วัดประสิทธิภาพของเว็บเบราว์เซอร์ 4 ตัวคือ Chrome, Firefox, Edge (ตัวใหม่) และ Brave
การทดสอบใช้ Surface Laptop ที่ติดตั้ง Windows 10 Pro ใหม่, ติดตั้งเบราว์เซอร์ทั้ง 4 ตัวที่เป็นเวอร์ชันล่าสุด แล้วรันเบนช์มาร์คชื่อดัง เช่น SunSpider, Octane, Kraken ฯลฯ รวมทั้งหมด 8 ตัว ผลคือ
เมื่อกลางปีที่แล้ว Mozilla ประกาศ "ยกเครื่อง" Firefox for Android ใหม่ ใช้เอนจินใหม่ GeckoView, ดีไซน์หน้าตาใหม่ และมีฟีเจอร์ใหม่ๆ หลายอย่าง แต่เนื่องจากมันเพิ่งเริ่มพัฒนา จึงแยกมันเป็นแอพอีกตัวชื่อ Firefox Preview ที่ต่างจาก Firefox for Android ตัวปัจจุบัน
ล่าสุด Firefox Preview พัฒนามาพอสมควร ทีมงาน Mozilla จึงเริ่มขยับมันเข้ามาใน Firefox for Android ตัวหลักแล้ว แต่ยังเฉพาะในรุ่นทดสอบแบบ Nightly เท่านั้น หลังจากทดสอบจนพอใจแล้วจะค่อยๆ ขยับมันเข้ามาในรุ่น Beta ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ประมาณเดือนมีนาคมเป็นต้นไป) และออกเป็นรุ่น Stable ภายในครึ่งแรกของปี 2020 นี้