NVIDIA เปิตดัว Project G-Assist โมเดล AI ขนาดเล็กรันในเครื่อง (รันบนจีพียู RTX เลย ไม่ต้องพึ่งพา NPU) ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยคอยช่วยปรับค่าต่างๆ ด้านฮาร์ดแวร์

Project G-Assist มีสถานะเป็นฟีเจอร์ทดลองของ NVIDIA App เราสามารถสั่งให้ปรับความเร็วพัดลม เปลี่ยนสีไฟคีย์บอร์ด ตั้งค่ากราฟิกในเกมได้ ตอบคำถามข้อมูลสเปกเครื่อง เป็นต้น รองรับการสั่งงานด้วยการพิมพ์แชทและสั่งงานด้วยเสียง

G-Assist ยังควบคุมฮาร์ดแวร์ของพาร์ทเนอร์บางค่าย เช่น Logitech G, Corsair, MSI, Nanoleaf เพราะเปิดให้เชื่อมต่อผ่านปลั๊กอิน ให้ระบบอื่นเข้ามาต่อได้

เมื่อปี 2023 NVIDIA เปิดตัวโครงการ Half-Life 2 RTX ซึ่งเป็นการม็อดเกม Half-Life 2 ด้วยเครื่องมือ NVIDIA Remix จนเหมือนเป็นเกมใหม่

หลังเวลาผ่านมาเกือบ 2 ปี ในที่สุดโครงการ Half-Life 2 RTX อยู่ในสถานะที่พร้อมให้เล่นแล้ว ตอนนี้ตัวม็อดมีหน้าเพจบน Steam และจะเปิดให้ดาวน์โหลดในวันที่ 18 มีนาคม 2025 (ผู้เล่นจะต้องมีเกม Half-Life 2 ตัวเต็มก่อนติดตั้งม็อด)

หลังจากผู้ผลิตจีพียูทั้งสองค่าย วางขายสินค้าระดับกลาง (รหัสลงท้ายด้วย 70 ซึ่งรอบนี้เรียกเหมือนกันแล้ว) กันเรียบร้อยแล้ว ก็ใกล้ได้เวลาของสินค้าระดับล่างลงมาคือรหัสลงท้าย 60

ค่ายเขียว NVIDIA มีข่าวหลุดออกมา 2 ตัว จากนักปล่อยข่าวฮาร์ดแวร์ชื่อดัง kopite7kimi

AMD Radeon RX 9070 และ 9070 XT มีกำหนดวางขายวันนี้ 6 มีนาคม 2025 และสื่อไอทีในหลายประเทศเริ่มปล่อยรีวิวออกมา ซึ่งผลการรีวิวออกมาในทางเดียวกันคือ Radeon 9070 สามารถเอาชนะคู่แข่ง GeForce RTX 5070 ได้ชัดเจน ถือเป็นจีพียูที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับการเล่นเกมระดับ 1440p

หลังจาก วางขายการ์ดรุ่นท็อป GeForce RTX 5090 และ 5080 ไปแล้วเมื่อวันที่ 30 มกราคม ล่าสุด NVIDIA ประกาศวางขาย GeForce RTX 5070 Ti ตามมาในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025 (ยังไม่มีข้อมูลของ 5070 ตัวธรรมดา)

GeForce RTX 5070 Ti ตั้งราคา 749 ดอลลาร์ โดยไม่มีการ์ด Founders Edition ที่ NVIDIA ทำขายเอง มีเฉพาะการ์ดจากผู้ผลิตการ์ดจอแบรนด์อื่นๆ เท่านั้น)

NVIDIA โพสต์บล็อกผลการทดสอบรันโมเดล DeepSeek R1 Distill ด้วย llama-bench ที่ขนาดพารามิเตอร์ต่าง ๆ โดยบอกว่า GeForce RTX 4090 เร็วกว่า AMD Radeon RX 7900 XTX ถึง 47% และถ้าใช้ RTX 5090 จะเร็วมากกว่า 100% เลย

การทดสอบนี้คาดว่าเพื่อตอบโต้ AMD ที่เผยแพร่ผลทดสอบการรัน DeepSeek ก่อนหน้านี้ว่า Radeon RX 7900 XTX เร็วกว่า RTX 4090 อย่างไรก็ตามด้วยตัวเลขที่ออกแตกต่างกัน จึงอาจมีความแตกต่างในทดสอบของแต่ละค่าย ก็ต้องรอดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันต่อไป

AMD เกาะกระแส DeepSeek ด้วยการโชว์เบนช์มาร์คว่าจีพียู​ Radeon RX 7900 XTX สามารถรันโมเดล DeepSeek R1 Distill (เวอร์ชันย่อยให้เล็กลงแล้ว)​ ได้แรงกว่าคู่แข่ง GeForce RTX 4090 สูงสุด 13% (ตามภาพท้ายข่าว)

โมเดลที่นำมารันโชว์มีทั้ง DeepSeek R1 Distill ที่ถอดมาจาก Alibaba Qwen และ Meta Llama ที่ขนาดพารามิเตอร์หลายแบบ โดยโมเดลที่ขนาดเล็กกว่า เช่น 7B จะเห็นความแตกต่างของการรันบนชิป AMD กับ NVIDIA ได้มากกว่าโมเดลขนาดใหญ่

วิธีการติดตั้งและรัน DeepSeek R1 Distill ในพีซี สามารถดูได้จากคลิปท้ายข่าว

ที่มา - AMD

เว็บไซต์ ComputerBase ของเยอรมนี รวบรวมสถิติ ตัวเลขเบนช์มาร์คประสิทธิภาพของ GeForce RTX ซีรีส์ 50 ที่เป็นตัวเลขของ NVIDIA เอง นำมาเทียบกับ GeForce RTX ซีรีส์ 40 ทำให้เราเห็นประสิทธิภาพของตัวจีพียูในการประมวลผลภาพจากเกมจริงๆ โดยไม่ต้องใช้เทคนิค DLSS ช่วย

NVIDIA ออกเบนช์มาร์คจากการเล่นเกมหลายตัว แต่เกมส่วนใหญ่เปิด DLSS 4 ทำให้เปรียบเทียบกับ GeForce 40 ที่ไม่มี DLSS 4 ได้ยาก (ตัวเลขเดิมของ NVIDIA คือดีขึ้นราว 2 เท่า) มีเพียง 2 เกมที่พอนำมาเปรียบเทียบได้คือ Resident Evil 4 (เปิด ray tracing + ปิด DLSS) และ Horizon Forbidden West (ปิด ray tracing + เปิด DLSS + แต่ไม่เปิดฟีเจอร์ Multiple Frame Generation ของ DLSS 4) ออกมาดังนี้

ในการเปิดตัว GeForce RTX 50 ฝั่งซอฟต์แวร์มีของเด่นคือ DLSS 4 เพิ่มเทคนิค Multi Frame Generation สร้างเฟรมด้วย AI สูงสุด 3 เฟรมต่อเฟรมต้นฉบับ 1 เฟรม ช่วยเพิ่มเฟรมเรตได้อีกมาก ฟีเจอร์นี้จำเป็นต้องใช้กับ GeForce RTX 50 เท่านั้น เพราะต้องใช้กับ 5th Gen Tensor Core ที่มีเฉพาะ GeForce RTX 50

ไมโครซอฟท์ประกาศแผนการเพิ่มฟีเจอร์ให้ DirectX รองรับฟีเจอร์ Neural Rendering หรือการใช้ AI ช่วยประมวลผลการเรนเดอร์ภาพ ที่กำลังนิยมในจีพียูยุคหลังๆ

หลังจาก NVIDIA เพิ่มหน่วยประมวลผล tensor core เข้ามา เราเห็นการใช้ AI ช่วยประมวลผลภาพ เช่น อัพสเกลภาพให้ละเอียดขึ้น หรือสร้างเฟรมจาก AI เพื่อเพิ่มเฟรมเรตโดยไม่ต้องประมวลผลผ่าน pipeline ปกติของจีพียู แต่ที่ผ่านมาเทคนิคของแต่ละค่ายอาจต่างคนต่างทำ

NVIDIA เปิดตัวจีพียูเกมมิ่ง GeForce RTX ซีรีส์ 50 สถาปัตยกรรม Blackwell ตามความคาดหมาย โดยมาพร้อมกันทั้งจีพียูฝั่งเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊กในคราวเดียว

พื้นฐานฮาร์ดแวร์ของ GeForce RTX 50 ประกอบด้วย

• CUDA Core ปรับปรุงให้ทำงานกับ Neural Shaders ดีขึ้น มีจำนวนสูงสุด 21,760 คอร์บน 5090
• RT Core รุ่นที่ 4 มีสมรรถนะสูงขึ้น 2 เท่าจากรุ่นก่อนใน Ada Lovelace
• Tensor Core รุ่นที่ 5 รองรับทศนิยมแบบ FP4 ที่เริ่มใช้ใน Blackwell ฝั่งเซิร์ฟเวอร์ ประมวลผล AI เร็วขึ้น ใช้หน่วยความจำน้อยลง

ข่าวหลุดฮาร์ดแวร์รายวันก่อนงาน CES 2025 คราวนี้เป็นคิวของ GeForce RTX 5060 รุ่นสำหรับมหาชนบ้าง โดยมีเบนช์มาร์คของ RTX 5060 Laptop รันชุดทดสอบยอดนิยม 3DMark Time Spy ออกมาได้ 13,821 คะแนน หากเทียบกับเบนช์มาร์คของ RTX 4060 Laptop ในปัจจุบันที่ราว 10,441 คะแนน ประสิทธิภาพเพิ่มมาราว 32%

หากเราเทียบตัวเลขของ 5060 Laptop ที่หลุดออกมา กับการ์ดที่แพงกว่าอีกขั้นคือ 4070 Laptop ที่ได้ 12,488 คะแนน จะเห็นว่า 5060 ได้คะแนนมากกว่าเล็กน้อย ถือว่าอยู่ในมาตรฐานปกติของ GeForce ที่รอบการอัพเกรดจะมีประสิทธิภาพเพิ่มราว 25-30% เทียบกับการ์ดรุ่นเทียบเดียวกันเจ็นก่อนหน้า และจะใกล้เคียงกับการ์ดที่แพงขึ้น 1 ขั้นของเจ็นก่อนหน้า

รวมข่าวหลุดจีพียูใหม่ที่จะเปิดตัวในงาน CES 2025

เริ่มต้นด้วย NVIDIA GeForce RTX 5090 ตัวแรงที่สุด มีข่าวว่าจะให้แรม DDR7 ขนาด 32GB, การใช้พลังงาน (TGP หรือ Total Graphics Power) 600W, ตัวบอร์ด PCB เป็นแบบ 14 เลเยอร์, พอร์ตเชื่อมต่อ PCIe 5.0

5090 จะใช้ชิป GB202 ตัวสูงสุดของสถาปัตยกรรม Blackwell มีขนาดชิป 744 ตารางมิลลิเมตร ซึ่งใหญ่ขึ้นมาจากชิป AD102 ที่ใช้ใน 4090 ขนาด 608 ตารางมิลลิเมตร

ใกล้งาน CES 2025 เข้ามาเรื่อยๆ ย่อมมีข่าวหลุดของ GeForce RTX ซีรีส์ 50 สถาปัตยกรรม Blackwell ออกมาเรื่อยๆ

ล่าสุด เว็บไซต์ฮาร์ดแวร์ Wccftech รายงานว่า Jensen Huang จะขึ้นเวทีเปิดตัว GeForce RTX 5090, 5080, 5070 พร้อมกันทั้งจีพียูฝั่งเดสก์ท็อปและโน้ตบุ๊ก

สินค้าที่จะวางจำหน่ายก่อนใครคือ GeForce RTX 5080 ที่ให้แรม 16GB GDDR7 วางขายช่วงกลางเดือนมกราคม ส่วน GeForce RTX 5090 รุ่นท็อปสุดแรม 32GB จะตามมาในอีกไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์ จีพียูทั้งสองตัวจะมีทั้งรุ่น Founders Edition และรุ่นที่ขายผ่านแบรนด์พาร์ทเนอร์

NVIDIA จัดกิจกรรมเล่นเกมผ่านแลนชื่อว่า GeForce LAN 50 ในวันที่ 4-6 มกราคม 2025 เป็นเวลานาน 50 ชั่วโมง ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับงาน CES 2025 ที่ลาสเวกัส

จากชื่อกิจกรรมคงเดากันได้ว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ GeForce RTX 50 ที่มีข่าวลือกันมาตลอดว่าจะเปิดตัวที่ CES กิจกรรมนี้คงถือเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่า GeForce RTX 50 จะเปิดตัวในงานนี้แน่นอน เพราะหลังจากแข่งเกมเสร็จในวันที่ 6 มกราคม ก็จะเป็นคิวของ Jensen Huang ขึ้นพูดในเวที CES ต่อเลย

เว็บไซต์ Tom's Hardware รายงานว่า NVIDIA ย้ายการปล่อยไดรเวอร์จีพียูจาก GeForce Experience ตัวเดิม มาอยู่บน NVIDIA App ตัวใหม่ แล้ว ตอนนี้หากใช้ GeForce Experience จะไม่สามารถดาวน์โหลดไดรเวอร์เวอร์ชันล่าสุด (566.36) ได้อีก

NVIDIA App เปิดตัวช่วงต้นปี 2024 ว่าจะเป็นแอพใหม่มาแทน GeForce Experience ที่เอาไว้อัพเดตไดรเวอร์ และ NVIDIA Control Panel เอาไว้ตั้งค่าจีพียู สถานะตอนนี้ของมันสามารถทดแทน GeForce Experience ได้ทั้งหมดแล้ว และทดแทน Control Panel ได้บางส่วน

NVIDIA App แอพตัวใหม่ที่มาแทน GeForce Experience และ NVIDIA Control Panel ออกรุ่นเสถียร ตามสัญญาที่จะออกก่อนสิ้นปี สถานะตอนนี้คือสามารถใช้ทดแทน GeForce Experience ได้แล้ว หน้าดาวน์โหลด

ฟีเจอร์ของ NVIDIA App เรียกได้ว่ามาเกือบครบแล้วสำหรับการใช้งานทั่วไป ทั้งการอัพเดตไดรเวอร์, การตั้งค่ากราฟิกรายเกม, ตั้งค่าระบบ, Overlay สำหรับแสดงทับบนหน้าจอขณะเล่นเกม, GeForce Rewards การกดรับสิทธิต่างๆ เช่น ไอเทมในเกมหรือเกมฟรี

NVIDIA ประกาศการเปลี่ยนแปลงของบริการ GeForce NOW โดยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญหลายอย่างดังนี้

เทียร์กลาง Priority เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Performance ได้ความละเอียด 1440p เพิ่มจากปัจจุบัน 1080p และรองรับการแสดงผลอัลตร้าไวด์ จากเดิมจำกัดเฉพาะเทียร์ Ultimate และเซฟการตั้งค่ากราฟิกได้ตลอดเซสชัน ซึ่งส่วนหลังนี้เทียร์ Ultimate ก็ได้ด้วยเช่นกัน

NVIDIA ฉลองจุดเริ่มต้นของตำนานแห่งวงการการ์ดจอ GeForce 256 มีอายุครบ 25 ปี

GeForce 256 ออกวางขายในวันที่ 11 ตุลาคม 1999 ถึงแม้ไม่ใช่การ์ดจอตัวแรกของ NVIDIA (ก่อนหน้านั้นมี Riva TNT) แต่เป็นการ์ดจอตัวแรกที่รองรับ hardware transform and lighting (T&L) ช่วยแบ่งงานประมวลผล 3D เหล่านี้ไปจากซีพียู ช่วยยกระดับกราฟิก 3D ยุคนั้นอย่างก้าวกระโดด โดย NVIDIA ในยุคนั้นให้นิยาม GeForce 256 ว่าเป็น "GPU" ตัวแรกของโลก (ประดิษฐ์คำใหม่ขึ้นมาแทน Graphic Card ในทางการตลาด)

เมื่อนำ GeForce 256 มาใช้กับเกมแถวหน้าเรื่องกราฟิกของยุคนั้นคือ Quake III Arena และ Unreal Tournament จึงกลายเป็นการผลักดันให้เกมแนว 3D FPS เกิดขึ้นได้จริงๆ และเป็นจุดเริ่มต้นของจีพียูแบรนด์ GeForce จนถึงปัจจุบัน

เมื่อต้นปีนี้ NVIDIA เปิดตัวแอพใหม่ NVIDIA App เตรียมใช้แทน GeForce Experience, RTX Experience (สำหรับการ์ดกลุ่มโปร) และ NVIDIA Control Panel ที่ปัจจุบันแยกกันเป็นแอพคนละตัว

ล่าสุด NVIDIA ประกาศอัพเดตฟีเจอร์ให้ NVIDIA App เพิ่ม พร้อมประกาศแผนว่าจะเปลี่ยนผ่าน ย้ายผู้ใช้แอพ GeForce Experience มาเป็น NVIDIA App ภายในสิ้นปี 2024 (ยังไม่ระบุวันที่ชัดเจน)

ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาได้แก่

มีข่าวลือของ GeForce RTX 5090 และ 5080 สองเรือธงรุ่นถัดไปของสถาปัตยกรรม Blackwell ออกมาทาง @kopite7kimi นักปล่อยข่าวหลุดฮาร์ดแวร์ชื่อดัง

ข้อมูลจาก @kopite7kimi บอกว่า

มีข่าวอย่างไม่เป็นทางการมาจากเว็บบอร์ด Board Channels ของจีน ซึ่งเป็นแหล่งข่าวในแวดวงฮาร์ดแวร์พีซี รายงานว่า NVIDIA แจ้งให้ผู้ผลิตการ์ดจอทราบว่าจะเลิกผลิต GeForce RTX ซีรีส์ 3060 และเปิดให้สั่งชิปได้เป็นล็อตสุดท้ายแล้ว

ความสำคัญของข่าวนี้คือ GeForce 3060 ถือเป็นจีพียูรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน Steam ในปัจจุบัน มีส่วนแบ่งตลาด ณ เดือนกรกฎาคม 2024 ที่ 5.71% ตามด้วยอันดับสองแบบห่างๆ GeForce 1650 อดีตแชมป์เก่า ที่ 3.88% และ GeForce 3060 Ti ที่ 3.47%

NVIDIA ประกาศแจก PC Game Pass ฟรี 3 เดือนสำหรับผู้ใช้งาน GTX 10 ขึ้นไป และเฉพาะคนที่ไม่เคยใช้ PC Game Pass เท่านั้น โดยจะต้องใช้แอคเคาท์ NVIDIA และเข้าไปรับโค้ดที่หน้า Rewards ใน GeForce Experience

การแจกโค้ดเริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 5 กรกฎาคม และสามารถรีดีมโค้ดได้ถึง 30 สิงหาคม

ที่มา - NVIDIA

เรื่องนี้ต้องย้อนไปเมื่อ 1 เมษายน ปี 2017 ซึ่ง NVIDIA เปิดตัวระบบปัญญาประดิษฐ์ชื่อว่า G-Assist ที่สามารถช่วยเล่นเกมให้เราได้ แม้กระทั่งบอสที่ยากมาก ซึ่งเวลานั้นและวันที่ประกาศ ก็คือมุกตลก April Fools เท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว

NVIDIA เปิดตัว Project G-Assist (ใช้ชื่อเดิมด้วย) ระบบ AI ผู้ช่วยทำงานบน RTX ที่ช่วยให้ผู้เล่นเกมสามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลช่วยแนะนำแผนการเล่นเกมได้ โดยใช้อินพุททั้งข้อความ, เสียง, หน้าจอเกมในตอนนั้น โมเดลนี้ทำงานได้ทั้งบน RTX AI PC และบนคลาวด์

NVIDIA ออกแอพตัวใหม่บนพีซี ชื่อตรงไปตรงมาว่า NVIDIA App มันคือการรวมเอาแอพสองตัวที่แยกกันมานาน ทั้ง GeForce Experience ที่เอาไว้อัพเดตไดรเวอร์ และ NVIDIA Control Panel เอาไว้ตั้งค่าจีพียู มาเป็นตัวเดียวกัน (สักที)

NVIDIA App จะรับงานทุกอย่างทั้งการอัพเดตไดรเวอร์, ตั้งค่าจีพียู, ตั้งค่ากราฟิกแยกเป็นรายเกม, แสดงเมนู In-Game Overlay (Alt+Z) ทับบนหน้าจอขณะเล่นเกม, แสดงเฟรมเรต (Alt+R), ใส่ฟิลเตอร์สีให้ภาพในเกม (Freestyle filter), แจกรางวัลและไอเทมในเกมที่เป็นพันธมิตรกัน