Techbargains ได้เผยผลสำรวจคุณแม่หลายคนเกี่ยวกับวันแม่ (สากล) ที่ใกล้ถึงแล้วในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โดย 91% ของคุณแม่กลุ่มตัวอย่างบอกว่าพวกเขาอยากได้ iPad เป็นของขวัญวันแม่มากกว่าดอกไม้
ในแบบสำรวจเดียวกันนี้ ยังถามอีกว่าคุณแม่จะเลือกอะไรระหว่าง Kindle Fire กับ iPad และผลที่ได้คือคุณแม่ 58% อยากได้ iPad มากกว่า Kindle Fire ในขณะที่คุณแม่ 18% อยากได้ Kindle Fire มากกว่า iPad
แม้ว่าคุณแม่ส่วนใหญ่จะอยากได้ iPad ก็ตาม แต่จากการสำรวจเดียวกันพบว่าคุณแม่ส่วนใหญ่เชื่อว่าตน "ใช้งานของไฮเทคไม่เก่งเลย" ในขณะที่ข้อมูลที่น่าสนใจอีกอย่างคือ ลูกชายมักจะเชื่อว่าแม่ตัวเองใช้งานของไฮเทคเก่งกว่าผู้หญิงคนอื่นทั่วไป ในขณะที่ลูกสาวไม่ค่อยเชื่อว่าแม่ตัวเองใช้งานสินค้าไฮเทคเก่งเท่าไหร่
หลายคนที่พยายามปรับการใช้งานจากบนพีซีมาใช้ iPad คงจะพบกับปัญหาเดียวกันคือระบบ multitask ของ iOS นั้นใช้งานลำบาก (และบั่นทอนอายุของปุ่ม home) แต่สำหรับใครที่เจลเบรคเครื่องแล้ว อาจลองแก้ปัญหานี้ด้วยแอพชื่อว่า Quaser ที่สามารถแบ่งการทำงานของแต่ละแอพบน iPad ให้เป็นหน้าต่างๆ ได้แล้ว
หลังจากลง Quazer แล้วแอพจะเปิดในโหมดหน้าต่าง และจะมีแถบด้านล่างของแอพซึ่งมีปุ่ม close, full screen และ rotate มาให้ด้วย มุมขวาสุดจะมีแถบสำหรับย่อ/ขยายแอพ ซึ่งสามารถเปิดหลายแอพ และทำงานเบื้องหลังพร้อมกันได้ และเปลี่ยนไปใช้แอพอื่นได้ง่ายกว่า (อย่างน้อยก็ไม่ต้องกดปุ่ม home บ่อยๆ)
เว็บไซต์ Sortable ได้จัดทำ infographic เกี่ยวกับผลกระทบของ iPad ที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยข้อมูลที่น่าสนใจหลักๆ ก็คือ iPad เครื่องหนึ่งนั้นจะปล่อยคาร์บอนเป็นปริมาณเทียบเท่าได้กับการขับรถเป็นระยะทาง 515 ไมล์ (หรือประมาณ 828 กิโลเมตร) โดย iPad รุ่นที่ 3 นั้นปล่อยคาร์บอนออกมามากที่สุด คิดเป็นปริมาณกว่า 180 กิโลกรัม ส่วน iPad รุ่นแรกและ iPad 2 ปล่อยคาร์บอนคิดเป็นปริมาณ 130 กิโลกรัมและ 105 กิโลกรัมตามลำดับ ซึ่งเมื่อคิดปริมาณคาร์บอนที่ถูกปล่อยโดย iPad ทั้ง 55 ล้านเครื่องที่ถูกขายออกไปแล้วนั้น ก็จะอยู่ที่ 7,590,000 ตัน ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณของคาร์บอนที่ถูกปล่อยโดยรถยนต์ 1,265,000 คันในหนึ่งปี
เรือยอชท์สุดหรู Adastra มูลค่า 15 ล้านเหรียญ หรือราว 460 ล้านบาท ซึ่งออกแบบโดย John Shuttleworth นักออกแบบเรือยอชท์ชาวอังกฤษ ปัจจุบันเรือยอชท์สุดหรูลำนี้เป็นของมหาเศรษฐีชาวฮ่องกง Anto Marden ผู้ซึ่งร่ำรวยมาจากธุรกิจการขนส่ง ความพิเศษของเรือยอชท์ลำนี้ สามารถควบคุมได้โดย iPad เพียงเครื่องเดียว ซึ่งการใช้งานโดย iPad สามารถควบคุมได้ตั้งแต่การบังคับทิศทางเรือ ความเร็ว และการควบคุมโดยพื้นฐานทั้งหมดของเรือ เช่น ระบบแสง และไฟฟ้า
การสร้างเรือยอชท์ลำนี้ใช้เวลานานราว 4 ปี สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 9 คน และลูกเรืออีก 5-6 คน นอกจากนี้ยังสามารถเร่งความเร็วได้สูงสุดได้ถึง 22.5 นอต และเดินทางได้ไกลถึง 4,000 ไมล์ ซึ่งเป็นระยะทางตั้งแต่ลอนดอน ถึงนิวยอร์ก โดยไม่ต้องหยุดพักเติมเชื้อเพลิง
เว็บ Kotaku ได้ออกมารายงานข้อมูลจากแหล่งข่าวในประเทศจีนว่า iPad mini ที่มีขนาดหน้าจอ 7.85 นิ้วจะวางขายในช่วงไตรมาสที่สามของปีนี้ เพื่อออกมาต่อสู้กับแท็บเล็ตตระกูล Windows 8 โดยแหล่งข่าวเดียวกันนี้อ้างว่าราคาขายจริงน่าจะอยู่ที่ 249 ถึง 299 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9,000 บาท) และแอปเปิลเองได้ผลิต iPad ดังกล่าวรอไว้สำหรับการเปิดตัวจำนวนทั้งหมดา 6 ล้านเครื่อง
iPad mini ที่มีขนาด 7.85 นิ้วจะทำให้แอปเปิลสามารถต่อสู้ในกลุ่มตลาดแท็บเล็ตขนาดเล็กได้ โดยในตลาดนี้มี Amazon เป็นเจ้าของตลาดอยู่ คาดว่าแอปเปิลจะเลือกใช้หน้าจอความละเอียดที่ 1024x768 หรือความละเอียดเดิมของ iPad 2 ต้นทุนในการผลิต iPad mini จะต่ำมาก
เราเคยรายงานข่าวไปในปลายปีที่แล้วว่าแอปเปิลอาจเปิดตัว iPad รุ่นเล็กหน้าจอ 7.85 นิ้วในปีนี้ บ้างก็ว่าอาจจะ
เว็บไซต์แห่งหนึ่งซึ่งได้เผยแพร่ผลการรีวิว The New iPad ได้ระบุไว้ว่า แอปเปิลมีโครงการที่จะนำ[เกม]คอนโทรลเลอร์เข้าสู่ตลาด แต่ยังไม่ทราบว่าจะได้เห็นอุปกรณ์ใหม่นี้เมื่อใด
หากข่าวนี้เป็นจริง ก็อาจหมายถึงแอปเปิลยอมรับว่าหน้าจอสัมผัสไม่ได้เป็นตัวอินพุทข้อมูลที่ดีที่สุดในทุกการใช้งาน แต่ในอีกมุมหนึ่งแอปเปิลก็อาจพัฒนาให้ iOS รองรับการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธกับเกมคอนโทรลเลอร์ที่ผู้อื่นผลิตแทน (เหมือนกับที่ตอนนี้ iOS รองรับการเชื่อมต่อคีย์บอร์ดแบบไร้สายได้)
อนึ่ง หากมองถึงโซลูชันของการเล่นเกมที่ห้องนั่งเล่นประจำบ้านแล้ว การที่ iPad สามารถเชื่อมต่อกับเกมคอนโทรลเลอร์และ Apple TV ผ่าน AirPlay ได้จะเป็นสิ่งที่หลายคนรอคอย และแอปเปิลก็น่าจะไปให้ถึงจุดนั้นเช่นกัน
นอกจากแอพฯ Taposé ที่มีแนวคิดจากโครงการแท็บเล็ตสองหน้าจอ Courier ที่ถูกยุบโครงการไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว ก็ยังมีแอพฯ บน iPad แนวเดียวกันที่ชื่อ Paper เช่นกัน
Paper เป็นของบริษัท FiftyThree ได้รับการพัฒนาโดยอดีตผู้บริหารไมโครซอฟท์ที่เคยทำงานโครงการ Courier และอดีตพนักงานไมโครซอฟท์อีกหลายคน ใครสนใจสามารถดาวน์โหลดไปทดลองใช้ได้ฟรี นอกจากนั้นผู้ใช้สามารถซื้อเครื่องมือเสริมจากในแอพฯ โดยตรง (in-app purchase) ในราคา 1.99 ดอลลาร์ (ราว 60 บาท) ต่อรายการ ลองดูคลิปนำเสนอแอพฯ ได้ที่ท้ายข่าว
เมื่อเดือนที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้เห็นภาพวาด The Starry Night โลดแล่นเคลื่อนไหวได้กันไปแล้ว แต่วิดีโอสั้นๆ แค่นั้นคงไม่จุใจผู้รักงานศิลป์พอ ข่าวดีคือ ภาพนี้ถูกวางขายบน iTunes เรียบร้อยแล้วครับ
สนนราคาที่ 1.99 ดอลลาร์ (60 บาท) ข่าวร้ายซักหน่อยคือมันรองรับแค่ iPad เท่านั้นนะครับ
ที่มา: Engadget
แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือเกี่ยวกับ iPad ขนาดหน้าจอ 7.85 นิ้ว ล่าสุดเว็บ Macatakara รายงานว่าผู้ผลิตหน้าจอให้กับแอปเปิลเริ่มเดินสายผลิตหน้าจอ Retina Display ขนาด 5 นิ้วให้กับแอปเปิล เพื่อใช้กับสินค้าใหม่ที่จะวางขายในปี 2013 โดยหน้าจอดังกล่าวจะมีความละเอียดอยู่ที่ 1600x960 (อัตราส่วนเดียวกับจอ 800x480) หรือ 1280x960 (อัตราส่วนเดียวกับจอ 640x480)
หลังจากมีผลวิจัยชี้ โปรแกรมบน iPhone จำนวนมากส่งหมายเลขประจำเครื่อง (UDID) กลับไปยังผู้พัฒนา และเกิดการฟ้องร้องแอปเปิลที่ปล่อยให้แอพฯ บน iPhone หรือ iPad นำหมายเลขดังกล่าวไปใช้ จนกระทั่งบริษัทได้แจ้งนักพัฒนาว่า iOS 5 เป็นต้นไปจะยกเลิกการเข้าถึง UDID ไปเมื่อหกเดือนก่อน ล่าสุดแอปเปิลได้เริ่มลบแอพฯ ที่สามารถเข้าถึง UDID ของ iPhone และ iPad ออกจาก App Store แล้ว
มีรายงานว่าที่ร้าน Apple Store สาขาถนน Fifth Avenue ในกรุงนิวยอร์ค พนักงานแอปเปิลมีการตั้งแถวพิเศษให้กับลูกค้าที่นำ iPad ใหม่มาคืน แต่ที่เห็นได้ชัดคือลูกค้าเหล่านี้คือพ่อค้าแม่ค้าชาวเอเชียที่นำ iPad มาคืนเป็นจำนวนมาก โดยบางคนเอา iPad เกือบ 30 เครื่องมาคืน
สำหรับสาเหตุนั้นเป็นไปได้ว่าพ่อค้าแม่ค้าเหล่านี้ที่ซื้อ iPad เพื่อไปปล่อยต่อในประเทศอื่น ๆ ไม่สามารถปล่อยของได้ทัน จึงต้องใช้สิทธิคืนสินค้าภายใน 14 วันของแอปเปิล คาดว่าการที่แอปเปิลทยอยวางขาย iPad ในประเทศต่าง ๆ เร็วขึ้นอาจจะทำให้การหิ้วเครื่องมาขายทำได้ยากกว่าเดิม
ไม่รู้ในแถวมีพ่อค้าแม่ค้าคนไทยที่ส่งของมาปล่อย MBK ไม่ทันหรือไม่?
ไมโครซอฟท์ออกคู่มือช่วยนักพัฒนาแอพบน iPad ว่าควรแปลงแอพของตัวเองเป็นเวอร์ชัน Metro ได้อย่างไร เนื่องจาก iOS และ Metro มีสไตล์การใช้งานที่แตกต่างกันไม่น้อย เช่น
เว็บไซต์ ZDNet ได้ไปเห็นอีเมลภายในฉบับหนึ่งของแผนก Sales, Marketing, Services, IT, & Operations Group (SMSG) ของไมโครซอฟท์ซึ่งส่งมาจากซีเอฟโอ Alain Crozier โดยมีใจความเกี่ยวกับนโยบายใหม่ของแผนก SMSG ว่าต่อจากนี้ไปจะไม่อนุญาตให้ใช้งบประมาณของบริษัทในการจัดซื้อ iPad และ Mac อีกต่อไป โดยจะเริ่มใช้นโยบายนี้ในสหรัฐก่อนแล้วจึงค่อยๆ ปรับเปลี่ยนในประเทศอื่นๆ นอกสหรัฐต่อไป ในอีเมลยังมีบอกเพิ่มเติมว่าถึงแม้ปริมาณในการซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวนี้จะมีไม่มาก แต่ก็จำเป็นต้องมีกระบวนการในการปรับเปลี่ยนอยู่บ้างเหมือนกัน
Korea Times รายงานว่าหนึ่งในผู้บริหารของซัมซุงที่ไม่อาจจะเปิดเผยชื่อได้ ได้ออกมารายงานว่าแอปเปิลได้เซ็นสัญญาซื้อชิ้นส่วนกับซัมซุงเป็นมูลค่าอย่างน้อย 9.7 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ และคาดว่ายอดนี้อาจจะสูงขึ้นถึง 11 พันล้านดอลลาร์หากมีกระแสความต้องการสินค้าของแอปเปิลที่สูง
ทั้งหมดนี้มาจากการที่แอปเปิลได้เลือกใช้ชิ้นส่วนจากซัมซุงในอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่หน้าจอบน iPad ไปจนถึง MacBook Air ที่ใช้ SSD จากซัมซุง "รวมไปถึง iPad ขนาดเล็ก"
นอกจากนี้ในรายงานยังบอกอีกว่าซัมซุงจะเป็นผู้ผลิตจอ PLS LCD สำหรับ iPad รุ่นเล็กให้กับแอปเปิล และแอปเปิลเองก็สนใจในเทคโนโลยีจอแสดงผล OLED ของซัมซุง เพียงแต่ว่าตอนนี้ซัมซุงอาจจะไม่สามารถผลิตจอดังกล่าวในจำนวนที่แอปเปิลต้องการได้ในตอนนี้
หลังเปิดตัวรายละเอียดของ iPad รุ่นใหม่ไปแล้ว บรรดานักวิเคราะห์จากหลายสำนักก็ทยอยปรับประเมินตัวเลขยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดของแท็บเล็ตปีนี้ ซึ่งออกมาเป็นดังนี้ครับ
นักวิเคราะห์จาก Gene Munster บอกว่าสเปก iPad ตัวใหม่นี้ น่าประทับใจ มีการก้าวกระโดดจาก iPad 2 อย่างมีนัยสำคัญ และถึงแม้กรณีเลวร้ายที่สุด ส่วนแบ่งในตลาดแท็บเล็ตของแอปเปิลจะลดลงไปเหลือ 50% แต่แท็บเล็ตรวมจะแย่งลูกค้าจากตลาดพีซีมาด้วย ทำให้ยอดขาย iPad ปีนี้น่าจะเติบโตได้ราว 26% จากปีก่อน
นักวิเคราะห์จาก UBS มองว่า iPad รุ่นใหม่นี้จะเร่งยอดขายได้เร็วมากขึ้นจากกำหนดการจำหน่ายทั่วโลกที่เร็วขึ้นกว่าเดิมเมื่อเทียบกับตอน iPad 2 โดยในไตรมาสปัจจุบันนี้ iPad รวมน่าจะขายได้ราว 12 ล้านเครื่อง
สิ่งที่พลิกโผที่สุดของงานแถลงข่าว iPad รุ่นใหม่เมื่อคืนนี้ คงเป็นเรื่อง "ชื่อ" ที่สุดท้ายแล้วเป็นแค่ "iPad" สั้นๆ ห้วนๆ ไม่มีชื่อรุ่นต่อท้ายเหมือน iPad 2
หลังจากมีการเปิดตัว iPad รุ่นใหม่กันไปแล้วในชื่อ "The New iPad" ก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจว่าทำไมแอปเปิลถึงเลือกที่จะใช้ชื่อนี้แทนที่จะเป็น "iPad 3", "iPad HD" หรือ “iPad Epic Pro Super X 4G LTE Touch” ซึ่ง Phil Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดของแอปเปิลได้ให้เหตุผลสั้นๆว่า
"ก็เพราะเราไม่อยากให้ใครคาดเดาได้น่ะสิ"
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจมากนัก เพราะแอปเปิลมักจะขึ้นชื่อในเรื่องการสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ติดตามเป็นประจำอยู่แล้ว อย่างไรก็ดีก็มีเสียงตอบรับในเชิงไม่เห็นด้วยซักเท่าไหร่ เช่น Charles Rashall ประธานและผู้ก่อตั้ง Brandadvisors ได้กล่าวว่า "เมื่อคุณพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ แต่ไม่ตั้งชื่อให้ต่างจากเดิม อาจทำให้เกิดความสับสนได้"
ในงานเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ได้มีสถิติที่น่าสนใจของแอปเปิลออกมาหลายอย่าง โดยแอปเปิลจงใจพูดถึงอุปกรณ์ยุคหลังพีซี (Post PC) ที่หมายถึง iPod, iPhone และ iPad ว่าสามารถทำรายได้ถึง 76% ของรายได้ทั้งหมดในไตรมาสที่สี่ปีก่อน ส่วนสถิติอื่นๆ มีดังนี้
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วกับ iPad รุ่นใหม่ของปีนี้ โดยรวมแล้วหน้าตาตัวเครื่องไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิม (iPad 2) มากนัก ส่วนสเปคก็แทบจะตรงกับข่าวลือที่หลุดมาก่อนหน้าทุกประการดังนี้
เป็นที่รู้กันดีกว่าในชาตินี้ แอปเปิลอาจไม่มีวันที่จะออกสไตลัสมาใช้ร่วมกับอุปกรณ์ในบริษัทตัวเอง (เพราะว่าจ็อบส์เกลียด)แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนที่ต้องการใช้จริงๆ เพราะมีสไตลัสสำหรับไอโฟน ไอแพดวางขายอยู่มากมาย และ Ten One Design เองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนั้นที่ไม่ได้เพียงทำให้มันเป็นสไตลัส แต่ทำให้ทัดเทียมกับคู่แข่งต่างระบบปฏิบัติการคือสามารถรองรับแรงกดได้นั่นเอง
สไตลัสที่ว่านี้ยังไม่มีชื่อ แต่มีโค้ดเนมว่า Project Blue Tiger ที่ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ iDevice ผ่านบลูทูธ 4.0 ที่รัน iOS 5 ขึ้นไป และหากทำแอพที่รองรับกับสไตลัสนี้แล้ว จะสามารถทำให้อุปกรณ์รับการเขียนผ่านสไตลัสอย่างเดียวได้ หรือวางมือบนจอได้นั่นเอง
จากคำเชิญที่ว่า "We have something you really have to see. And touch." คำว่า "And touch" คงจะสะดุดใจหลายคนบ้างเพราะปกติ iPad ก็สัมผัสได้อยู่แล้ว ทำไมสองคำนี้ถึงกับถูกนำมาขึ้นเป็นประโยคใหม่เลยทีเดียว
ข่าวลือล่าสุดในวินาทีสุดท้ายก่อนเปิดตัว iPad ใหม่ในคืนนี้กล่าวว่า แอปเปิลอาจจะมีเทคโนโลยีหน้าจอแบบ "ผิวไม่เรียบ" (on-screen texture) มาด้วย โดยเป็นเทคโนโลยีจากบริษัทหนึ่งในประเทศฟินแลนด์ที่ชื่อว่า Senseg ที่มีข่าวว่ามีความร่วมมือกับแอปเปิลมาก่อนหน้านี้
งานนี้ทำให้คำว่า "And touch" ดังกล่าวฟังดูน่าตื่นตาตื่นใจขึ้นมาเลยทีเดียว อีกไม่กี่ชั่วโมง รอชมกันครับ
มีรายงานว่าคืนนี้แอปเปิลเตรียมตัว iPad 3 พร่้อมกับแพลทฟอร์ม system-on-a-chip ใหม่ A5X ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผล dual core ตัวเดียวกันกับ A5 ที่มีอยู่ใน iPhone 4S กับ iPad 2 เพียงแต่ A5X จะมาพร้อมกับความสามารถในการประมวลผลกราฟฟิกที่สูงกว่า และมีหน่วยความจำมากกว่า A5
ในส่วนของความสามารถในการเชื่อมต่อ iPad 3 จะมีตัวเลือกมากกว่า iPad 2 คือจะมีรุ่นที่รองรับ LTE บนเครือข่าย AT&T และ Verizon และอีกรุ่นที่รองรับเฉพาะ HSPA กับ CDMA สำหรับตลาดนอกสหรัฐ
ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ รายงานเดียวกันอ้างว่าแอปเปิลจะเปิดตัว Apple TV ใหม่ที่รองรับการเล่นไฟล์วีดีโอ 1080p ซึ่งสามารถนำไปใช้งานร่วมกับ AirPlay และ mirror display บน iPad 3 กับ OS X Mountain Lion ได้
ขอสรุปหลักใหญ่ใจความ
ผลงานสุดสร้างสรรค์จาก Amidio ออกแบบมาเพื่อคนรักอูคูเลเล่โดยเฉพาะคุณ ตัวโปรแกรมใช้การเชื่อมต่อผ่านระบบบลูทูธ โดยมีการจำลองสายอูคูเลเล่ขึ้นมาสี่เส้นบน iPad ส่วนการจับคอร์ดผ่าน iPhone ด้านตัวโปรแกรมคาดว่าน่าจะมีการวางขายในช่วงเมษายน ส่วนจะมีการพัฒนาให้ใช้ร่วมกับ iPad 3 คงต้องเป็นเรื่องของอนาคต อย่างไรก็ดีถือว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ที่ถือว่าดีเลยทีเดียว รับชมตัวอย่างแอพ Futuleleในวิดีโอคลิปครับ
ที่มา - Engadget