ผู้ใช้ทวิตเตอร์ Paul M Gerhart พบว่าในหน้าอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ที่รองรับของ MacBook Pro 13 นิ้ว, MacBook Air 13 นิ้ว และ Mac Mini ที่ใช้ชิป M1 ไม่ปรากฎอุปกรณ์เสริม Blackmagic eGPU แต่อย่างใด
แม้จะมีผู้มารีพลายในทวิตของเขา ว่าหน้าข้อมูลของ Blackmagic eGPU มีรุ่น Macbook Air 13 นิ้ว (M1) กับ Macbook Pro 13 นิ้ว (M1) อยู่ในรุ่นที่รองรับ แต่หลังจากนั้นทั้งสองรุ่นนี้ก็ถูก Apple ลบออกไป ส่วนในสโตร์ไทยยังไม่มี Blackmagic eGPU วางจำหน่าย จึงไม่มีอุปกรณ์นี้ในข้อมูลอยู่แล้ว
ในงาน Apple Event เมื่อคืนนี้ Apple ระบุว่า MacBook Air 13 นิ้วรุ่นใหม่ที่ใช้ชิป M1 เร็วกว่าโน้ตบุ๊กพีซี 98% ที่วางขายภายในช่วงปีที่ผ่านมา แต่เมื่อดูตามความจริงแล้ว คำกล่าวของ Apple ยังขาดข้อมูลรองรับอีกมาก
ข้อมูลบนหน้า Newsroom ของ Apple ระบุไว้เพียงว่าการทดสอบนี้ทำบนเครื่อง MacBook Air 13 นิ้ว รุ่นก่อนผลิตจริง โดยใช้เบนช์มาร์คที่ใช้กันทั่วไป เทียบกับโน้ตบุ๊กพีซีที่วางขายภายใน 12 เดือนที่ผ่านมา อิงจากยอดขายที่เปิดเผยสู่สาธารณะ
แอปเปิลเปิดตัว MacBook Air รุ่นใหม่ใช้ชิป M1 ความต่างสำคัญคือรุ่นนี้ไม่มีพัดลมโดยสมบูรณ์ทำให้ทำงานเงียบสนิท ขณะระยะเวลาใช้งานด้วยแบตเตอรี่นานขึ้นเป็น 18 ชั่วโมง
รูปร่างภายนอกของ MacBook Air รุ่นใหม่นี้เหมือนเดิมทุกประการ รองรับแรมสูงสุด 16GB และสตอเรจสูงสุด 2TB หน้าจอรองรับการแสดงสี P3
แอปเปิลเทียบ MacBook Air รุ่น M1 นี้กับรุ่นเดิมระบุว่าประสิทธิภาพบางด้านเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะงานด้านปัญญาประดิษฐ์และกราฟิก การโทร FaceTime และประชุมวิดีโออื่นๆ ใช้แบตเตอรี่ได้นานขึ้นเท่าตัว การแปลงไฟล์วิดีโอเร็วขึ้น 3 เท่า หรือการแปลงภาพด้วย Lightroom ก็เร็วขึ้นสองเท่า
หลังมีข่าวงานอีเวนท์แท็กไลน์ “One more thing.” วันที่ 10 พฤศจิกายน Bloomberg ก็รายงานว่า ในงานจะมีการเปิดตัวเครื่อง Mac ที่ใช้ชิป “Apple Silicon” หรือชิปประมวลผลสถาปัตยกรรม ARM ที่ Apple ออกแบบเอง เปลี่ยนจากชิป Intel ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2006 หลังเลิกใช้ชิป PowerPC
Mac รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัว คาดว่าเป็น Macbook Pro รุ่น 13 และ 16 นิ้ว กับ Macbook Air 13 นิ้ว ที่เปลี่ยนแค่ชิปประมวลผล แต่ดีไซน์ส่วนใหญ่คงเดิม และ Apple รวมถึงซัพพลายเออร์ในต่างประเทศ กำลังเร่งผลิตโน้ตบุ๊กเหล่านี้อยู่ โดย Foxconn จะเป็นผู้ผลิตรุ่น 13 นิ้ว ทั้ง Pro และ Air ส่วน Quanta Computer จะเป็นผู้ผลิต Macbook Pro รุ่น 16 นิ้ว
แอปเปิลได้เพิ่มข้อมูลในหน้า Support ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม เตือนลูกค้าที่ใช้ Macbook, MacBook Pro และ MacBook Air ไม่ให้ปิดจอโน้ตบุ๊คลง หากมีตัวปิดคลุมกล้องเว็บแคมอยู่ เนื่องจาก MacBook ได้ออกแบบตัวเครื่อง ให้จอภาพกับคีย์บอร์ดมีความชิดกัน การใส่ตัวคั่นไว้อาจส่งผลต่อเครื่องได้ อีกทั้งการติดตัวคลุมกล้อง อาจส่งผลต่อเซ็นเซอร์วัดแสงโดยรอบ กระทบกับการทำงานของตัวปรับแสงหน้าจออัตโนมัติด้วย
หลายคนอาจติดตัวปิดเว็บแคมไว้เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัว แอปเปิลจึงระบุว่าไม่จำเป็น โดยอธิบายว่าตัวกล้องนั้นออกแบบมาเพื่อป้องกันปัญหานี้อยู่แล้ว เมื่อกล้องหน้ากำลังทำงานจะมีไฟสีเขียวปรากฏสว่างขึ้น อีกทั้งผู้ใช้งานยังกำหนดคุณสมบัติการเข้าถึงกล้องเป็นรายแอปได้อยู่แล้ว
เว็บไซต์ NotebookCheck ทดสอบหน้าจอ Macbook Air ปี 2020 แล้วค้นพบว่าหน้าจอเพิ่มความสว่างสูงสุดได้ถึง 550 nits เมื่อรันบน Windows 10 (ด้วย Bootcamp) จากปกติ 400 nits ตามสเปกบนหน้าเว็บอย่างเป็นทางการ และเมื่อรันบน Mac OS แต่ค่าความดำ (black value) และความเที่ยงตรงของสีก็ลดลงเมื่อรันบน Windows เช่นกัน
NotebookCheck สันนิษฐานเหตุผลที่ Apple ต้องจำกัดความสว่างของหน้าจอไว้สามข้อ ดังนี้
iFixit ได้ทำการแกะ MacBook Air รุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว โดยพบว่าคีย์บอร์ดได้เปลี่ยนเป็นแบบ scissor ที่แอปเปิลเรียกว่า Magic Keyboard เหมือนกับที่ใช้ใน MacBook Pro 16" ที่วางจำหน่ายปลายปีที่แล้ว ซึ่งปุ่มคีย์บอร์ดใหม่นี้เพิ่มความหนาให้ MacBook Air อีกครึ่งมิลลิเมตร จากรุ่นก่อนหน้า
นอกจากนี้คีย์บอร์ดที่เปลี่ยนแปลงชัดเจน iFixit ยังพบว่า MacBook Air รุ่นนี้ จัดวางสายเชื่อมต่อระหว่างเมนบอร์ดกับ Trackpad ใหม่ ซึ่งช่วยให้สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องถอดเมนบอร์ดออกมาเหมือนรุ่นก่อนหน้านี้
แอปเปิลเปิดตัว MacBook Air รุ่นใหม่ โดยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ การเปลี่ยนมาใช้คีย์บอร์ดแบบ scissor รุ่นแก้ไข Magic Keyboard ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่ MacBook Pro จอ 16 นิ้ว ของปีที่แล้ว
สำหรับสเปกอื่นของ MacBook Air รุ่นใหม่ มีดังนี้
แอปเปิลประกาศอัพเดตสินค้าตระกูล MacBook ต้อนรับช่วงเปิดเทอมของสหรัฐฯ โดยลดราคา MacBook Air ลงเหลือ 35,900 บาท ปรับสเปคจอภาพเป็น True Tone พร้อมกับอัพเดตสเปค MacBook Pro รุ่นเริ่มต้น
MacBook Pro รุ่นเริ่มต้นปรับไปใช้ชิป Core i5 รุ่นที่ 8 สัญญาณนาฬิกา 1.4GHz หน้าจอ 13 นิ้ว True Tone แรม 8GB ใช้ Touch Bar และ Touch ID พร้อมชิปเข้ารหัส T2 รุ่นสตอเรจ 128GB ราคา 42,900 บาท และรุ่นสตอเรจ 256GB ราคา 49,000 บาท
การอัพเดตครั้งนี้ แอปเปิลเลิกขาย MacBook หน้าจอ 12 นิ้วไปพร้อมกัน
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ขาประจำที่มีประวัติให้ข้อมูลสินค้าใหม่แอปเปิลได้แม่นยำที่สุด ออกรายงานใหม่วันนี้ โดยให้ข้อมูลว่าแอปเปิลจะเปลี่ยนดีไซน์ของคีย์บอร์ดใน MacBook ใหม่ มาเป็นแบบ Scissor Switch ซึ่งทนทานมากกว่า และเป็นแบบเดิมที่แอปเปิลเคยใช้ เริ่มที่ MacBook Air รุ่นใหม่ของปีนี้ ส่วน MacBook Pro คาดว่าจะเริ่มเปลี่ยนในปีหน้า
ช่วงหลายปีที่ผ่านมาแอปเปิลเปลี่ยนคีย์บอร์ดมาเป็นแบบ Butterfly ซึ่งสร้างปัญหาและมีลูกค้าร้องเรียนจำนวนมาก แต่แอปเปิลก็พยายามแก้ไขปัญหาจนมีรุ่นปรับแก้ออกมาหลายรุ่น
แอปเปิลได้พบปัญหาเมนบอร์ดใน MacBook Air ซึ่งมีจำนวนน้อย และได้อีเมลแจ้งลูกค้าที่ได้รับผลกระทบแล้ว ให้มาเปลี่ยนเมนบอร์ดใหม่ที่ Apple Store หรือศูนย์ AASP ของแอปเปิลได้ฟรี
ในเอกสารที่แจ้งกับพนักงานนั้น แอปเปิลบอกว่าปัญหาเกี่ยวกับระบบไฟในเมนบอร์ด แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดอาการที่ลูกค้าจะพบว่าเป็นอย่างไร แต่บอกว่าพบเฉพาะใน MacBook Air หน้าจอ 13 นิ้ว รุ่นปี 2018 และเกิดกับเครื่องส่วนน้อย มีการระบุเลขซีเรียลไว้แล้ว จึงใช้วิธีแจ้งลูกค้าเป็นราย ๆ ไป ไม่ได้เปิดหน้าเว็บไซต์ให้มาตรวจสอบแบบโปรแกรมเปลี่ยนชิ้นส่วนที่เคยทำมา
อย่างไรก็ตามแอปเปิลบอกว่าหากลูกค้าพบปัญหาคล้ายกัน แต่ไม่ได้รับการติดต่อก็สามารถติดที่ศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบได้เช่นกัน
แอปเปิลประกาศขยายโปรแกรมแก้ไขปัญหาคีย์บอร์ดแบบ butterfly จากเดิมที่ครอบคลุม MacBook รุ่นปี 2015-2017 โดยเพิ่ม MacBook รุ่นที่เริ่มวางจำหน่ายในปี 2018 จนถึงต้นปี 2019 ด้วย หลังจากที่มีรายงานว่ายังมีผู้พบปัญหานี้เช่นกัน
อาจจะสงสัยว่าแล้ว MacBook Pro รุ่นใหม่ที่เพิ่งออกมาวันนี้จะพบปัญหานี้หรือไม่? โดยแอปเปิลยืนยันว่าคีย์บอร์ด butterfly ใน MacBook Pro รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ มีการเปลี่ยนวัสดุของคีย์บอร์ดซึ่งได้แก้ไขปัญหานี้ไปแล้ว
MacBook รุ่นใหม่ที่อยู่กลุ่มรองรับการแก้ไขปัญหาคีย์บอร์ดฟรีเพิ่มเติมมีดังนี้
แอปเปิลได้ปรับปรุงคีย์บอร์ดใน MacBook Pro และ MacBook Air รุ่นปี 2018 เพื่อแก้ปัญหาคีย์บอร์ดไม่ตอบสนองที่มีผู้ใช้ร้องเรียนจำนวนมาก จนแอปเปิลต้องออกโครงการซ่อมฟรี แต่ล่าสุดมีรายงานว่าผู้ใช้ MacBook Pro รุ่นใหม่ ก็ยังคงเจอปัญหานี้อยู่ดีและแอปเปิลก็ยอมรับ
ถัดจาก iPad Pro ล่าสุดเป็นคิวของ MacBook Air รุ่นใหม่ที่สื่อต่างประเทศเริ่มปล่อยรีวิวออกมาแล้วเช่นกัน
นอกจากดีไซน์ที่อัพเดตใหม่หมดให้เข้ากับยุคสมัยของ MacBook ใหม่นั้น สิ่งที่โดดเด่นที่สุดบน MacBook Air 2018 คือหน้าจอที่อัพเดตมาเป็น Retina Display ความละเอียด 2560 x 1600 พิกเซล ที่คมชัดและสวยงามกว่าเดิมมาก พร้อมขอบจอที่บางลง ทว่าข้อด้อยของหน้าจอคือความสว่างยังไม่เพียงพอเท่าไหร่นักในหลายๆ สถานการณ์ (สว่างสุด 300 nits) รวมถึง trackpad ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม บนดีไซน์ที่บางลงและน้ำหนักที่น้อยลงกว่าเดิม
แอปเปิลเปิดตัว Macbook Air รุ่นใหม่ เปลี่ยนพอร์ต MagSafe เป็น USB-C เรียบร้อย ถือเป็นการจบยุค MagSafe อย่างสมบูรณ์ หลังจากเริ่มใช้ใน Macbook Pro มาตั้งแต่ปี 2006 โดยใช้พอร์ต Thunderbolt ที่เป็น USB-C ให้มาสองพอร์ตสำหรับชาร์จไฟแทน
ในเครื่องมีชิปเข้ารหัส T2 สำหรับดูแลความปลอดภัย ทั้งการบูตเครื่อง, ตรวจสอบลายนิ้วมือ, เข้ารหัสสตอเรจ
ความเปลี่ยนแปลงอื่นได้แก่
Mark Gurman แห่ง Bloomberg อีกหนึ่งนักข่าวที่มีแหล่งข่าวลือแอปเปิลค่อนข้างดี รายงานว่าแอปเปิลมีแผนเปิดตัวสินค้าในตระกูล Mac สองรายการสำคัญภายในปีนี้ ซึ่งอาจเปิดตัวหลังงาน iPhone ในเดือนกันยายน
สินค้าแรกคือแล็ปท็อปตัวใหม่ที่จะมาแทนที่ MacBook Air โดยมีขอบหน้าจอที่เล็กลง ขนาดจอ 13 นิ้ว ความละเอียดจอสูงกว่ารุ่นเรติน่า ทั้งนี้ MacBook Air มีการอัพเกรดครั้งล่าสุดคือกลางปี 2017
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์ขาประจำผู้คาดการณ์สินค้าแอปเปิลตัวใหม่ได้แม่นที่สุดตอนนี้ ออกรายงานล่าสุดพูดถึงสินค้าใหม่ที่แอปเปิลจะขายใน 2018 โดยนอกจาก iPhone และ AirPods ที่มีข่าวก่อนหน้านี้ รายงานฉบับนี้ได้พูดถึง "MacBook Air ที่มีราคาลดลง" เพิ่มเติม
Kuo บอกว่า MacBook Air รุ่นที่มีราคาถูกลงจะวางขายในไตรมาสที่ 2 ปี 2018 และจะทำให้ยอดขาย Mac ภาพรวมเติบโตราว 10-15% โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงสเป็กอย่างไร
MacBook Air รุ่นล่าสุดที่มีจำหน่ายคือรุ่นอัพเกรดสเป็กเล็กน้อยเมื่อปีที่แล้ว เหลือเฉพาะขนาดจอ 13 นิ้ว และไม่ได้ใช้เทคโนโลยีล่าสุดด้วย ซึ่งถือว่าแตกต่างจาก MacBook รุ่นอื่น
เว็บไซต์ Digitimes ของไต้หวัน รายงานข่าวว่าบริษัทผลิตจอภาพ General Interface Solution (GIS) ได้รับคำสั่งซื้อชิ้นส่วนจอภาพล็อตใหม่จากแอปเปิล ซึ่งแหล่งข่าวระบุว่าจะนำมาใช้กับ MacBook รุ่นใหม่ที่ใช้หน้าจอขนาด 13" และมีแผนเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2018
ที่ผ่านมา GIS เป็นหนึ่งในผู้ผลิตพาเนลจอสัมผัสของ iPhone X และบริษัทกำลังขยับมาทำธุรกิจใหม่คือจอโน้ตบุ๊กด้วย
ท่ามกลางข่าวลือว่า MacBook Air อาจเลิกจำหน่าย หรืออัพเกรดสเปคเล็กน้อย แม้บนเวทีงาน WWDC จะไม่มีการพูดถึง MacBook Air เลย จนอาจทำให้คิดว่าคงเลิกขายไปแล้ว แต่ปรากฏว่า MacBook Air ยังมีขายอยู่ต่อไปในฐานะ MacBook รุ่นราคาถูกที่สุด
โดยแอปเปิลระบุว่า MacBook Air มีการอัพเกรดสเปคโปรเซสเซอร์เป็น 1.8GHz จากเดิมต่ำสุด 1.6GHz และยังเป็นซีพียูตระกูล Broadwell ไม่ได้เป็น Kaby Lake แบบ MacBook รุ่นอื่นที่มีการประกาศ ส่วนสเปคอื่นยังเหมือนเดิมทั้งหมด มีจอขนาดเดียว 13 นิ้ว โดยยังสามารถเลือกอัพเกรดเป็น Intel Core i7 2.2GHz ได้เหมือนเดิม
Mark Gurman แห่ง Bloomberg อ้างแหล่งข่าวภายในแอปเปิล ระบุว่าแอปเปิลอาจเปิดตัว MacBook ชุดใหม่อัพเกรดในงาน WWDC 2017 ที่จะจัดในต้นเดือนมิถุนายนนี้
ทั้งนี้ MacBook รุ่นอัพเกรดที่คาดจะประกาศในงาน มีทั้ง MacBook Pro ซีพียู Kaby Lake, MacBook จอ 12 นิ้วที่อัพเกรดซีพียู และอาจรวมถึง MacBook Air ที่ไม่มีรุ่นใหม่ออกมานานถึง 2 ปี แต่แอปเปิลอาจเลือกออกรุ่นอัพเกรดในฐานะ MacBook รุ่นราคาถูกที่สุด
โดยปกติงาน WWDC แอปเปิลจะเลือกเปิดตัวซอฟต์แวร์ใหม่เป็นหลัก โดยครั้งสุดท้ายที่มีการเปิดตัวฮาร์ดแวร์ในงานคือปี 2013 ซึ่งเป็นการเปิดตัว Mac Pro
บริษัท AirBar โชว์เครื่องต้นแบบอุปกรณ์รับการสัมผัสบริเวณหน้าจอสำหรับ MacBook Air รุ่นขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้ว (แต่มีวางจำหน่ายเวอร์ชันสำหรับโน้ตบุ๊กขนาด 15.6 นิ้วมาก่อนแล้ว) โดยเป็นแผงเซ็นเซอร์ขนาดเล็กที่วางไว้ด้านบนสุดของคีย์บอร์ดแล้วยึดไว้ด้วยแม่เหล็ก
สำหรับการใช้งานนั้น AirBar อ้างว่าสามารถเสียบและใช้งานได้ทันที รองรับการใช้งานทั้งแตะธรรมดา ย่อ-ขยายและเลื่อน จากการทดสอบของ Engadget ด้วย Google Maps และ Paintbrush ก็พบว่าสามารถทำงานได้ดี แต่ฟังก์ชันการย่อ-ขยายและการเลื่อนยังไม่สามารถใช้งานได้เพราะยังเป็นเพียงเครื่องต้นแบบ
AirBar สำหรับ MacBook Air 13” จะวางจำหน่ายในเดือนมีนาคมนี้ บนแอมะซอนด้วยราคาชุดละ 99 ดอลลาร์สหรัฐ
ปัญหาแอปเปิลไม่ยอมอัพเดตฮาร์ดแวร์แมครุ่นใหม่สักที ส่งผลให้ผู้ใช้เดิมเริ่มทนรอไม่ไหว และล่าสุดเว็บไซต์ The Verge ออกบทความมาวิจารณ์แอปเปิลแล้ว
The Verge ชี้ว่า MacBook Pro อัพเดตครั้งสุดท้ายในเดือนมิถุนายน 2012 หรือ 4 ปีมาแล้ว, MacBook Air ยังไม่ได้ใช้จอ Retina ที่แย่คือ Mac Pro เปิดตัวในเดือนธันวาคม 2013 และยังไม่เคยอัพเดตอีกเลย ส่วนฮาร์ดแวร์ที่อัพเดตล่าสุดมีเพียงรุ่นเดียวคือ MacBook ที่อัพเดตเมื่อเดือนเมษายน 2016
มิหนำซ้ำ แอปเปิลยังขายสินค้าในราคาเดิม นั่นแปลว่าเราต้องซื้อ MacBook Pro โน้ตบุ๊กอายุ 4 ปีในราคา 1,099 ดอลลาร์
ในทางกลับกัน แอปเปิลยังอัพเดตฮาร์ดแวร์ iPhone และ iPad อย่างต่อเนื่อง และทุ่มเทอย่างมากเพื่อให้ประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งได้เสมอ นี่อาจแปลว่าแอปเปิลไม่สนใจกับตลาดเครื่องแมคอีกต่อไปแล้ว?
Matt Novak หนึ่งในกองบรรณาธิการของเว็บไซต์ Gizmodo ออกมาเขียนบทความขนาดยาวชิ้นหนึ่ง ซึ่งอธิบายเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะเปลี่ยนจาก MacBook Air มาเป็น Chromebook ในปีที่แล้ว และกลายมาเป็นหนึ่งในผู้ใช้ Chromebook ในปัจจุบัน
สำหรับใครที่รอคอยว่า MacBook รุ่นใหม่จะออกหรือไม่ อาจจะไม่ต้องรออีกต่อไปเมื่อวันนี้ Apple ประกาศออก MacBook รุ่นใหม่ โดยมีการปรับเปลี่ยนสเปคใหม่ให้ทันสมัยขึ้น พร้อมกับเพิ่มสีใหม่คือ Rose Gold อย่างเป็นทางการ
รายงานจาก Economic Daily News จากประเทศไต้หวันอ้างว่าแอปเปิลเตรียมที่จะเปิดตัว MacBook Air ดีไซน์ใหม่ภายในงาน WWDC ประจำปี 2016 ในช่วงกลางปีหน้า โดยที่ MacBook Air รุ่นใหม่นี้จะมีขนาดที่บางลงกว่าเดิม แต่จะมีรุ่นขนาดจอภาพ 13 นิ้วและ 15 นิ้วให้เลือก ต่างจากปัจจุบันที่มีรุ่นขนาดจอภาพ 11 นิ้วและ 13 นิ้ววางขายอยู่
การเปลี่ยนแปลงขนาดจอภาพรุ่น MacBook Air อาจจะไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ หลังจากที่ต้นปีที่ผ่านมา แอปเปิลได้เริ่มจำหน่าย MacBook รุ่นขนาด 12 นิ้วที่มาพร้อมกับจอภาพเรติน่าและดีไซน์ที่ไม่มีพัดลม ซึ่งมีขนาดที่เบาและบางกว่า MacBook Air รุ่นที่วางขายอยู่ในปัจจุบัน