Facebook ขยายแพลตฟอร์ม Marketplace เพิ่มขึ้นในอีกหลายประเทศในยุโรป เป็นอีกช่องทางโพสต์ของซื้อของขายโดยผู้ใช้ Facebook รูปแบบดังกล่าวค่อนข้างใกล้เคียงกับ Craigslist นอกจากนี้ยังมีท่าทีว่าจะเพิ่มหมวดหมู่สินค้ามากขึ้นด้วย

Deb Liu ผู้ดูแล Marketplace ให้สัมภาษณ์ Recode ระบุว่าบน Marketplace จะมีทางเลือกข้อเสนอพิเศษ หมวดสินค้าอื่น ตลาดหนึ่งที่เป็นที่นิยมคือ รถยนต์ Facebook จึงมีแผนจะนำรถยนต์จากตัวแทนขายมาลงใน Marketplace และมีแผนการทำนองเดียวกันในหมวดอสังหาริมทรัพย์ด้วย

Mobike ผู้ให้บริการแชร์รถจักรยานรายใหญ่ในจีน (บริษัทในเครือ Tencent) ประกาศระดมทุนเพิ่มได้มากถึง 600 ล้านดอลลาร์แล้ว เตรียมขยายบริการสู่ตลาดโลก พร้อมตั้งเป้าเป็นบริการ Uber-for-bikes (ลักษณะการบริการไม่เกี่ยวข้องกับอูเบอร์ แต่เป็นการใช้คำเพื่อเปรียบเทียบเท่านั้น)

บริษัทวิจัยข้อมูล 1010data ออกมาเปิดเผยเบื้องต้นถึงรายงานการวิจัยของตนเองที่ระบุว่า แท็บเล็ตแบบ 2-in-1 ลูกผสม (เรียกว่า "laplet") เช่น Surface กำลังได้รับความนิยมและถือเป็นกลุ่มแท็บเล็ตที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

บริษัทระบุว่า แม้ Apple iPad จะยังครองส่วนแบ่งได้ที่ 32.5% ของตลาดรวมทั้งหมด แต่แท็บเล็ตกลุ่มลูกผสมเหล่านี้กำลังกินส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ Surface Book ของ Microsoft สามารถทำส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นได้ถึง 9% ทำให้ Microsoft มีส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับสองที่ 25% เมื่อเทียบกับไตรมาสแล้ว ขณะที่ Apple กลับมียอดส่งมอบ iPad คงที่ไม่เปลี่ยนแปลงนัก

รายงานวิจัยฉบับเต็มจะเผยสู่สาธารณะในสัปดาห์หน้าครับ

บริษัทวิจัยตลาด CCS Insight ของอังกฤษ ออกมาเปิดเผยรายงานคาดการณ์ถึงยอดขายอุปกรณ์ไอทีแบบสวมใส่ในอังกฤษ โดยระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่ยอดขายจะสูงถึง 5 ล้านชิ้นในปีนี้ และทำให้มีอุปกรณ์เหล่านี้อยู่ในตลาดภายในปีนี้ถึง 10 ล้านชิ้น โดยระบุว่าความก้าวหน้าในการออกแบบและราคาที่ถูกลง มีส่วนที่ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้มีความแพร่หลายมากขึ้นว่าเดิม

อาจจะไม่ใช่ข่าวดีติดๆ กันสำหรับ Apple เมื่อบริษัทวิจัยตลาด TrendForce ออกมาเผยยอดตัวเลขประมาณการณ์ยอดส่งมอบโน้ตบุ๊กในไตรมาสแรกของปีนี้ซึ่งทำไปได้ 35.62 ล้านเครื่อง คิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วยอดตกลงไปถึง 19% จากไตรมาสที่แล้ว (Q4, 2015) และเมื่อเทียบปีต่อปีแล้วอยู่ที่ 7.3%

แม้จะเคยมีข่าวว่ายอดขายนาฬิกาสวิสตกลงเพราะการมาของ Apple Watch แต่สำหรับตลาดหรูซึ่ง Apple จงใจออก Apple Watch Edition เพื่อจับตลาดนี้เป็นการเฉพาะ นักวิเคราะห์กลับมองว่าไม่ได้รับผลกระทบจากการวางขายของ Apple Watch มากนัก

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ได้ตีพิมพ์บทวิเคราะห์ของ Christopher Mims นักข่าวของหนังสือพิมพ์ ซึ่งวิเคราะห์เกี่ยวกับตลาดของสมาร์ทโฟน โดยระบุว่าในตลาดสมาร์ทโฟน แนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบันคือสภาพของตลาดที่แยกกันอย่างชัดเจนระหว่าง "ของหรู" (luxury) กับของอื่นๆ (everyone else) และมองว่าตลาดของสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการอย่าง Android จะมีราคาลดลงเรื่อยๆ

Bob Hatefi ซีอีโอที่รับผิดชอบด้านโทรศัพท์มือถือหรูของ Tonino Lamborghini ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าวหนังสือพิมพ์ Gulf News ของรัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงสภาพของตลาดโทรศัพท์มือถือหรู โดยเขาระบุว่ามูลค่าของสมาร์ทโฟนในตลาดนี้มีมูลค่าสูงถึง 800-1,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ และยังสามารถเติบโตได้ทุกปีเป็นตัวเลขสองหลักเสมอ

สำหรับ Tonino Lamborghini เอง เขาระบุว่าขายได้แล้วกว่าหมื่นเครื่อง และมีตลาดใหญ่อยู่ที่จีน รัสเชีย และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยเขาระบุว่ากลุ่มลูกค้าเหล่านี้มักจะไม่ได้ตามเรื่องของเทคโนโลยี แต่กลับตามการออกแบบและความหรูหราของผลิตภัณฑ์มากกว่า ซึ่งตัวของบริษัทเองพยายามจะยืนอยู่ตรงกลางทั้งในแง่ความหรูหราและเทคโนโลยี

แม้ว่าความหวือหวาจะลดลงจากเมื่อหลายปีก่อน แต่อุตสาหกรรมอุปกรณ์พกพาก็ยังคงสร้างเงินสร้างงานอย่างต่อเนื่อง อ้างอิงจากรายงานของ Boston Consulting Group

จากรายงานระบุว่าอุตสาหกรรมอุปกรณ์พกพาทั่วโลกทำเงินได้ถึง 3.3 ล้านล้านเหรียญ (ประมาณ 107.5 ล้านล้านบาท) โดยส่วนสำคัญที่ทำรายได้มหาศาลก็มาจากการที่หลายประเทศเล็งเห็นว่าอุปกรณ์พกพานั้นเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประเทศ จากการเข้าถึงที่ง่าย และใช้งานได้สะดวกกว่า สร้างงานโดยตรงเป็นจำนวนมากถึง 11 ล้านคน และยังมีทางอ้อมอีกมาก

เวลาเราพูดถึงโทรศัพท์มือถือแล้ว สิ่งที่เรามักจะนึกถึงคือโทรศัพท์ที่อยู่ในกลุ่มของตลาดทั่วไป (mass) ซึ่งมีหลากหลายราคาตั้งแต่ระดับราคาต่ำมากในหลักร้อย ไปจนถึงในระดับราคาหลักหมื่นต้นไปแตะที่หมื่นกลางก็มี

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีอีกหนึ่งตลาดสำหรับโทรศัพท์มือถือ และถือว่าเป็นตลาดที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง และเรามักจะไม่ค่อยเห็นกันโดยทั่วไป ตลาดเหล่านั้นคือตลาดมือถือหรู ซึ่งราคาของโทรศัพท์ในตลาดเหล่านี้ เริ่มต้นกันที่หลักหมื่นบาทไปจนถึงไม่มีที่สิ้นสุดของราคา เรียกง่ายๆ ว่าเงินมีเท่าไหร่ โทรศัพท์มือถือเหล่านี้ก็มีวางขายครับ

บทความนี้จะเป็นการแนะนำสั้นๆ เกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือหรู โดยเน้นไปที่แนวคิดคร่าวๆ แล้วก็แนะนำผู้เล่นในตลาดนี้กันครับ

เว็บไซต์ AMEInfo ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของ MediaQuest ที่ทำสื่อในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เผยแพร่บทสัมภาษณ์ Hutch Hutchison ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกออกแบบของ Vertu โทรศัพท์มือถือหรู (อ่านรีวิวประกอบได้) ที่ให้สัมภาษณ์กับ Aficionado ที่เป็นสื่อในเครือเดียวกัน

ใจความสำคัญหลักๆ ของบทสัมภาษณ์คงอยู่ที่เรื่องของปรัชญาการออกแบบเป็นหลัก (ใครสนใจไปอ่านเพิ่มเติมได้จากที่มาครับ) แต่สิ่งที่สำคัญที่ Hutch ระบุถึงว่าเป็นปัญหากับผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือหรูในช่วงที่ผ่านมา คือความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วมากนั่นเอง

แอปเปิลเล็งที่จะขยายตลาดและกลุ่มลูกค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ซัมซุงมีส่วนแบ่งอยู่ค่อนข้างเยอะพอสมควร โดยจะเริ่มจากเวียดนาม ที่มีฐานลูกค้าค่อนข้างแข็งและเป็นตลาดที่โตได้ค่อนข้างง่าย

ค่านิยมในสังคมเวียดนามมองว่าสินค้าแอปเปิลคือความหรูหรา ไฮโซ คือของที่หากมีใช้แล้วสามารถเชิดหน้าขึ้นมาได้ บวกกับคนเวียดนามค่อนข้างมีศักยภาพในการซื้อสมาร์ทโฟนมากขึ้น เห็นได้จากยอดขายสมาร์ทโฟนในเวียดนามโตขึ้นถึง 56% ขณะที่ยอดขายไอโฟนเพิ่มขึ้น 262% ในช่วงครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

เรียกได้ว่างานเข้าโซนี่อย่างจังเลยทีเดียว เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ Moody's บริษัทสำหรับจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทต่างๆ ในโลกนั้นได้หั่นเครดิตของโซนี่ใหญ่ (Sony Corporation) จากเดิมที่ BA/3 (ปรับล่าสุดไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา) เหลือ BA/1 (มีค่าเท่ากับ "Junk bond*") แล้ว โดยให้เหตุผลว่าหนี้สะสมของบริษัทนั้น มากเกินพอที่จะปรับลดเครดิตแล้ว

Eric Xu รองประธานบริหารของ Huawei ได้กล่าวในงานสัมมนาที่เมือง Shenzhen ประเทศจีน ว่า Huawei ได้ลดความสนใจที่จะบุกตลาดสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยจะหันไปเน้นตลาดในทวีปยุโรปแทน

สาเหตุที่ Huawei ถอดใจจากการลุยพื้นที่อเมริกานั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการถูกตั้งข้อสงสัยถึงความโปร่งใสในการทำธุรกิจ โดยทางการสหรัฐอเมริกานั้นเคยสอบสวนว่า Huawei ใช้ผลิตภัณฑ์ของตนเองในการลอบดึงเอาข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลของบริษัทต่างๆ อย่างผิดกฏหมาย แม้ในท้ายที่สุด Huawei จะพ้นจากข้อกล่าวหาดังกล่าวก็ตาม แต่ก็ยังผลให้ความน่าเชื่อถือของ Huawei ลดลงอย่างมากจนไม่สามารถขายสินค้าให้แก่ผู้ให้บริการรายใหญ่ในสหรัฐอเมริกาได้เลย