สำหรับคนที่ชอบดูภาพยนตร์ที่ในห้องของตัวเอง แทนที่จะไปดูที่โรงภาพยนตร์คงจะคุ้นเคยกับช่วงเวลาอันยาวนานกว่าเรื่องที่อยากดูจะมาลงแผ่น หรือสตรีมออนไลน์ แม้ว่าจะออกจากโรงไปเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งตอนนี้ค่ายผู้ผลิตภาพยนตร์รายใหญ่อย่าง Paramount ออกมาประกาศปรับปรุงนโยบายนี้เป็นเจ้าแรกแล้ว
รายงานดังกล่าวมาจาก The Wall Street Journal ที่ระบุว่า Paramount จะย่นระยะเวลาปล่อยภาพยนตร์ให้รับชมกันได้จากที่บ้านเร็วขึ้นเป็น 2 สัปดาห์หลังจากภาพยนตร์ออกจากโรงไป ลดลงจากเดิมที่เฉลี่ยอยู่ราว 90 วัน
Netflix ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ต จากเดิมเคยนำภาพยนตร์ทั่วไปมาฉาย แต่ตอนนี้หันมาเริ่มทำภาพยนตร์เองแล้ว
รายละเอียดของภาพยนต์ที่ Netflix สร้างเองและนำมาฉายบนเว็บไซต์ ทั้ง 4 เรื่อง
หลังจากที่ Universal Pictures ปล่อย เทรลเลอร์ที่เป็น official First Look ไปเมื่อเดือนพฤษภาคม ตอนนี้ เทรลเลอร์ฉบับเต็มก็ถูกปล่อยออกมาแล้วเรียบร้อย ภาพยนตร์ Steve Jobs เวอร์ชั่นนี้จะดัดแปลงจากหนังสือชีวประวัติฉบับทางการของ Walter Isaacson โดยจะนำเสนอผลงานที่เป็นนวัฒกรรม 3 ชิ้นหลักคือ Mac (1984), NeXT (1990) และ iPod เครื่องแรก (2001)
เทรลเลอร์แรกของภาพยนตร์เรื่อง Steve Jobs ที่สร้างจากหนังสือชีวประวัติอย่างเป็นทางการ ออกมาให้ชมกันแล้ว
คลิปเทรลเลอร์นี้เผยโฉมของ Steve Jobs ที่แสดงโดย Michael Fassbender, Steve Wozniak ที่แสดงโดย Seth Rogen และ Joanna Hoffman (พนักงานหญิงในทีมแมคอินทอช) ที่แสดงโดย Kate Winslet
หนังได้ Danny Boyle (Slumdog Millionaire) มาเป็นผู้กำกับ และได้ Aaron Sorkin (The Social Network) เป็นผู้เขียนบท ฉายจริง 9 ตุลาคมนี้ เว็บไซต์ภาพยนตร์
ที่มา - The Verge
ปกติแล้วเราจะคุ้นเคยกับเทคโนโลยีฉายภาพยนตร์สามมิติอย่าง IMAX ซึ่งมีแต่ใช้ฉายในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ แต่ล่าสุดทาง IMAX ประกาศวางจำหน่ายระบบฉายภาพยนตร์ของตัวเองสำหรับใช้ตามโรงภาพยนตร์ส่วนตัวตามบ้านแล้ว โดยเรียกว่า IMAX Private Theatre
ระบบดังกล่าวนี้ ทาง IMAX จะเป็นคนดำเนินการติดตั้งให้กับลูกค้าทั้งหมด ทั้งระบบฉายภาพ ไปจนถึงการออกแบบพื้นที่ของโรงภาพยนตร์ (ว่าง่ายๆ คือรับทำโรงหนังทั้งหมดให้กับลูกค้าเลย) โดยระบบทั้งหมดจะได้รับการสนับสนุนจากทาง IMAX ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน
สำหรับราคาการก่อสร้างทั้งหมดเริ่มที่ 1.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 87 ล้านบาท) ใครที่อยากได้คงต้องติดต่อสอบถามเอาเอง
แฟนเกม Assassin's Creed บางคนอาจจะยังไม่ทราบว่าตอนนี้เกมโปรดกำลังจะถูกถ่ายทอดในรูปแบบของภาพยนตร์ซึ่งมีกำหนดฉายวันที่ 21 ธันวาคมปีหน้า ซึ่งล่าสุด Yves Guillemot ซีอีโอของ Ubisoft เจ้าของเกมดังนี้ก็ออกมาเผยว่าการถ่ายทำภาพยนตร์นั้นได้เริ่มขึ้นแล้ว
ภาพยนตร์แอ็คชั่นยอดมือสังหารนี้ผลิตโดย New Regency และ 20th Century Fox และจะมี Ubisoft Motion Pictures มาคอยดูแลการผลิตควบคู่ไปด้วย สำหรับผู้ที่จะมารับบทนำเป็น Michael Lynch และเป็นมือสังหารนั้นก็คือ Michael Fassbender และได้ Justin Kurzel มาทำหน้าที่เป็นผู้กำกับ
SingTel โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ของสิงคโปร์ ประกาศเปิดตัวบริการวิดีโอออนไลน์ HOOQ ที่เปรียบได้กับ Netflix แห่งเอเชีย
HOOQ จะให้บริการภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อดังและซีรีส์ที่ฉายทางโทรทัศน์แบบสตรีมมิ่งไปยังอุปกรณ์หลากหลายชนิด ประเทศเป้าหมายของ HOOQ คืออินโดนิเซีย ฟิลิปปินส์ อินเดีย และไทย โดยจะเริ่มให้บริการตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2015 เป็นต้นไป
สตูดิโอภาพยนตร์ชื่อดังที่ร่วมลงทุนกับ HOOQ คือ Sony Pictures Television และ Warner Bros. Entertainment ที่เข้ามาถือหุ้นรายละ 17.5% (SingTel ถือหุ้น 65%) เบื้องต้น HOOQ จะมีภาพยนตร์และรายการทีวีประมาณ 1 หมื่นเรื่องในช่วงเปิดตัว ชื่อหนังดังที่มีแน่ๆ คือ Spider-Man, Harry Potter, Friends, Gossip Girl
หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง Steve Jobs ถูกโอนถ่ายสิทธิ์การสร้างภาพยนตร์เป็นของ Universal Pictures ไปนั้น ทางนั้นก็ไม่รีรอหานักแสดงมารับบทแบบทันควัน ซึ่งเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก็มีรายงานว่า Universal Pictures ได้ประกาศรายชื่อนักแสดงอย่างไม่เป็นทางการเรียบร้อยแล้ว (รายชื่ออยู่ท้ายเบรค)
สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้คือจะเริ่มเดินกล้องถ่ายจริง (Principal Photography) ภายในเดือนหน้า ซึ่งบทจะยังคงใช้บทเดิมของ Aaron Sorkin และเริ่มถ่ายทำจริงที่บ้านของ Steve Jobs ในเมือง Los Altos รัฐ California เป็นฉากแรก และตัวภาพยนตร์มีกำหนดฉายอย่างไม่เป็นทางการภายในปี 2016 ครับ
ช่วงปีที่ผ่านมาเราได้เห็นความพัฒนาของวงการ Virtual Reality ที่นำโดย Oculus VR มาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทีมภายในที่ชื่อ Oculus Story Studio ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสร้างประสบการณ์รับชมภาพยนตร์ที่เรียกว่า "VR cinema" ก็ออกประกาศเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องแรกแล้ว
โดยเรื่องแรกของทีม Story Studio มีชื่อว่า Lost หนังสั้นความยาวประมาณ 5 นาทีที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับชมโดย Oculus Rift รุ่นต้นแบบอย่าง Crescent Bay โดยเฉพาะ กำกับโดยอดีตแอนิเมเตอร์ Pixar ซึ่งตัวภาพยนตร์สามารถพลิกผันได้ตามการตัดสินใจของผู้ชม ความยาวอาจจะสั้นลงเหลือสามนาทีครึ่ง หรือนานขึ้นเป็นสิบนาทีก็ได้
Amazon Studios เริ่มธุรกิจทำทีวีซีรีส์ฉายผ่านเน็ตมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว วันนี้บริษัทประกาศขยับไปทำ "หนังใหญ่ฉายโรง" อย่างเป็นทางการในชื่อ Amazon Original Movies
แผนการทำหนังของ Amazon จะสอดคล้องกับธุรกิจสตรีมมิ่ง Amazon Prime Instant Video โดยลดช่วงเวลาระหว่างการฉายโรงกับฉายออนไลน์ให้มากที่สุด เดิมทีหนังดังๆ มักต้องรอนาน 39-52 สัปดาห์กว่าจะมาฉายบนระบบสตรีมมิ่ง แต่เมื่อ Amazon เป็นเจ้าของหนังเองก็สามารถลดระยะเวลาตรงนี้ได้เหลือ 4-8 สัปดาห์เท่านั้น
เป้าหมายของ Amazon คือสร้างหนังโรงให้ได้ 12 เรื่องต่อปี โดยจะเริ่มสร้างหนังภายในปีนี้
ภาพยนตร์เจ้าปัญหา The Interview ยังกวาดรายได้จากการฉายผ่านเน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยขยับตัวเลขรายได้จาก 15 ล้านดอลลาร์ในช่วง 4 วันแรก ขึ้นมาเป็น 31 ล้านดอลลาร์แล้ว ยอดการซื้อ-เช่านับเป็นครั้งอยู่ที่ 4.3 ล้านครั้ง (นับสถิติถึงวันที่ 4 มกราคม)
ส่วนรายได้จากการฉายในโรงอยู่ที่ 5 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากจำนวนโรงฉายมีจำกัดมากนั่นเอง
ต้นทุนของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ 44 ล้านดอลลาร์ น่าจะคืนทุนได้ภายในเร็ววันครับ
Sony Pictures ออกมาประกาศสถิติของการเปิดฉายภาพยนตร์ The Interview ผ่านระบบออนไลน์ เป็นเวลา 4 วันแรก โดยมียอดดาวน์โหลดหรือเช่ารวม 2 ล้านครั้ง ทำเงินได้แล้ว 15 ล้านดอลลาร์ ส่วนยอดฉายจากโรงภาพยนตร์รายย่อยในสหรัฐรวมกันได้ประมาณ 3 ล้านดอลลาร์
เว็บไซต์ Business Insider อ้างแหล่งข่าววงในว่าลูกค้าส่วนใหญ่มาจาก Google Play และ YouTube
แม้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน Apple จะปฏิเสธข้อเสนอ Sony Pictures เรื่องการปล่อยภาพยนตร์ The Interview ผ่านทาง iTunes แต่ล่าสุด Apple ก็ได้เปลี่ยนใจแล้ว
ตอนนี้ผู้ใช้สามารถเช่าดูภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวทาง iTunes ได้ในราคา 5.99 ดอลลาร์ หรือซื้อขาดได้ในราคา 14.99 ดอลลาร์
จากประเด็น Sony Pictures โดนแฮ็ก และคำขู่ห้ามฉายภาพยนตร์ The Interview จนทำให้ บริษัทต้องเดินเกมฉายหนังออนไลน์ ผ่าน YouTube, Google Play Movies, Xbox Video พร้อมกับวันเริ่มฉายในโรงภาพยนตร์บางแห่ง
เว็บไซต์ ReadWrite แสดงความเห็นว่ากรณีของ The Interview อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ "ค่ายหนังใหญ่" เริ่มสนใจเปิดตัวภาพยนตร์ (premier) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตพร้อมกับการฉายในโรงจริงๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่ายหนังรายใหญ่ปฏิเสธมาโดยตลอด ด้วยเหตุผลว่าต้องการโกยเงินจากการฉายในโรงให้เยอะๆ ก่อนจะนำหนังไปฉายผ่านช่องทางอื่นในภายหลัง
หลังจากที่ปล่อย The Interview ภาพยนตร์ล้อผู้นำเกาหลีเหนือมาได้เพียงไม่นาน ก็ดูเหมือนว่าภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจะถูกมือดีเอามาเผยแพร่อย่างผิดกฎหมายผ่านทาง Torrent ซึ่งก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไรนัก แต่หากมาดูกันที่ตัวเลขจำนวนครั้งที่ดาวน์โหลด อาจจะพบความผิดปกติอย่างมาก
TorrentFreak เปิดเผยตัวเลขการดาวน์โหลดภาพยนตร์ The Interview ตามเว็บไซต์ Torrent ต่างๆ โดยหลังจากที่ผ่านไป 10 ชม. แรก ก็มีตัวเลขการดาวน์โหลดอยู่ที่ 200,000 ครั้ง และหลังจากผ่านไป 20 ชม. ตัวเลขการดาวน์โหลดนั้นพุ่งขึ้นไปมากกว่า 750,000 ครั้ง!
หลังจากที่ทาง Sony Pictures เปิดฉาย The Interview ในหลายโรงภาพยนตร์ในสหรัฐฯ และมีข่าวลือมาว่าทางบริษัทฯ เตรียมเปิดให้ชมผ่านทางร้านขายภาพยนตร์ออนไลน์ ซึ่งภายหลังทางแอปเปิลออกมาปฏิเสธเกี่ยวกับการขายภาพยนตร์นี้ทาง iTunes
The New York Times รายงานว่าก่อนหน้าที่ Sony Pictures จะประกาศฉาย The Interview ในวันคริสมาสต์ ทาง Sony ได้ติดต่อสอบถามไปยังทางแอปเปิลถึงความสนใจในการเอาภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวขึ้น iTunes ซึ่งในเบื้องต้นแอปเปิลได้ปฏิเสธไป
ทั้งนี้ Sony ได้ติดต่อสอบถามไปยังแอปเปิลผ่านทางทำเนียบขาว โดยทางแอปเปิลได้ปฏิเสธหลังการประกาศไม่ฉายภาพยนตร์เรื่อง The Interview ในโรงภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ของ Sony ไม่นาน
ที่มา - MacRumors
The Interview ภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการลอบสังหารผู้นำเกาหลีเหนือ Kim Jong-un ที่คาดว่าเป็นต้นตอของการเจาะระบบครั้งยิ่งใหญ่ที่ Sony Pictures กำลังเผชิญ ได้เตรียมกำหนดการที่จะฉายภาพยนตร์เรื่องนี้อีกครั้งในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ โดยสถานที่จะเป็น Plaza Atlanta โรงภาพยนตร์อิสระที่เก่าแก่ที่สุดในแอตแลนตาที่เริ่มกิจการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1939
The Interview จะเริ่มเข้าฉายที่ Plaza Atlanta ในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ โดยมีกำหนดการฉายในรอบ 16:00, 17:00, 18:30, 19:30 และ 21:35 นาฬิกา ยาวไปจนถึงวันที่ 1 มกราคม 2015 ครับ โดยยังไม่มีกำหนดว่าหลังจากวันนั้นแล้วชะตาของภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป
หลังจากที่ Sony Pictures ตัดสินใจยกเลิกกำหนดฉายภาพยนตร์ The Interview เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้ชมภาพยนตร์ในโรงเพราะโดนขู่ว่าจะมีการก่อการร้าย ตอนนี้ก็ยังคลุมเครืออยู่ว่า Sony Pictures จะเอาอย่างไรต่อ ทว่าในช่วงจังหวะนี้เองกลุ่มแฮคเกอร์ Anonymous ก็ได้เสนอตัวว่าจะ "ช่วย" ทำหน้าที่แทน Sony Pictures ในการเผยแพร่ภาพยนตร์ แน่นอนว่าหมายถึงปล่อยฟรีทางอินเทอร์เน็ต
Sony Pictures ออกแถลงการณ์ประกาศยกเลิกการฉายภาพยนตร์ The Interview ตามกำหนดเดิมในวันที่ 25 ธันวาคมนี้แล้ว ซึ่งภาพยนตร์ตลกว่าด้วยนักข่าวอเมริกาสองคน กับการถูกสั่งให้ไปลอบสังหารผู้นำเกาหลีเหนือ Kim Jong-un นี้ เป็นข้อเรียกร้องหลักของแฮคเกอร์ให้ Sony Pictures หยุดการฉาย มิฉะนั้นจะมีข้อมูลปล่อยออกมามากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม The Hollywood Reporter รายงานว่าที่มาที่ไปที่ทำให้ Sony Pictures ยอมถอยนั้นอาจเริ่มต้นจากการที่เครือข่ายโรงภาพยนตร์ใหญ่ในอเมริกาทั้งหมด ตัดสินใจไม่ขอร่วมฉาย The Interview เนื่องจากอาจมีความไม่ปลอดภัย จนนำไปสู่การประกาศยอมถอยของ Sony Pictures นั่นเอง
มหากาพย์การแฮค Sony Pictures ยังไม่จบลงง่ายๆ ล่าสุดมีบทภาพยนตร์ของ James Bond: Spectre ถูกปล่อยออกมาด้วย
Eon Production ผู้ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ เขียนคำแถลงบนเว็บ 007.com ว่า "บริษัทได้รับแจ้งเมื่อเช้าว่าบทภาพยนตร์ Spectre ที่ยังอยู่ในขั้นแรกเริ่มเป็นหนึ่งในข้อมูลที่ถูกโจรกรรมและเปิดเผยออกไปจากระบบคอมพิวเตอร์ของ Sony Pictures" โดยที่บทดังกล่าวเป็นข้อมูลลับของสตูดิโอ Metro-Goldwyn-Mayer และ Danjaq LLC ซึ่งถูกปกป้องโดยกฎหมายในสหราชอาณาจักรและทุกประเทศทั่วโลก
ภาพยนตร์ James Bond ภาคใหม่นี้ได้รับการเปิดเผยชื่อตอนและรายชื่อนักแสดงเมื่อเดือนที่แล้ว และมีกำหนดฉายวันที่ 6 พฤศจิกายนปีหน้า
จากกรณีเซิร์ฟเวอร์ของ Sony Pictures โดนแฮค จนถึงวันนี้ฝั่งแฮคเกอร์ก็ยังคงปล่อยข้อมูลออกมาไม่หยุด และล่าสุดก็ได้ปล่อยอีเมลภายในออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในหลายๆ ฉบับ มีการพูดคุยถึงการคัดเลือกนักแสดงภาพยนตร์เรื่อง Steve Jobs (ที่เป็นของ Universal ไปแล้ว) อีกด้วย
ในขณะที่ Sony Pictures ยังคงง่วนกับการแก้ปัญหาหลังเจอมือดีแฮคระบบคอมพิวเตอร์ทั้งบริษัท โดยที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นฝีมือของใคร ได้แต่สันนิษฐานว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ ตอนนี้สิ่งที่ Sony Pictures น่าจะหวั่นใจที่สุดก็ได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อมีรายงานแจ้งว่าเริ่มมีไฟล์ torrent ของภาพยนตร์ใหม่หลายเรื่องโผล่ตามเว็บต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต
หลังจากที่ Sony Pictures ถอดใจกับภาพยนตร์ Steve Jobs แล้ว ช่วงที่ผ่านมาก็มีข่าวลือว่าค่ายหนังอีกรายคือ Universal Pictures เตรียมซื้อสิทธิการทำภาพยนตร์ต่อ และก็ไม่ต้องรอนาน เมื่อวันนี้ทางโฆษกของค่าย Universal Pictures ออกมายืนยันเรื่องนี้อย่างเป็นทางการกับเว็บไซต์ The Hollywood Reporter เว็บไซต์ข่าวแวดวงบันเทิงของสหรัฐอเมริกา
ภายใต้การดูแลของ Universal Pictures ในครั้งนี้ บทจะยังคงใช้บทเดิมของ Aaron Sorkin แต่เปลี่ยนผู้กำกับเป็น Danny Boyle ที่มีผลงานกำกับภาพยนตร์อย่าง Slumdog Millionaire และอาจให้ Michael Fassbender นักแสดงที่มีผลงานเป็น David ในเรื่อง Prometheus รับบทเป็น Steve Jobs แทน
หลังจากเป็นข่าวมาได้ระยะหนึ่งว่าทาง Sony Pictures หนึ่งในหน่วยธุรกิจผลิตภาพยนตร์ของ Sony เตรียมที่จะสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตของ Steve Jobs จากหนังสือชีวประวัติที่เขียนโดย Walter Isaacson ตั้งแต่ปี 2011 ในที่สุดทาง Sony Pictures ประกาศตัดสินใจที่จะยกเลิกการทำภาพยนตร์เรื่องนี้อย่างเป็นทางการ แม้ว่าบทจะเขียนเสร็จแล้วก็ตาม